สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้จะมาบอกคุณประโยชน์และวิธีการเลือกซื้อวิตามินยอดฮิต ที่ใครๆก็ถามหาในชั่วโมงนี้ นั้นก็คือ.. “Royal Jelly” หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ นมผึ้ง นั่นเอง
นมผึ้ง หรือ Royal Jelly คืออาหารสำหรับตัวอ่อนของผึ้งและผึ้งนางพญา มีประโยชน์ช่วยในการกระตุ้นทางชีวภาพ เพิ่มอัตราการดูดซึมอาหาร เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง และเพิ่มอัตราการขับถ่ายคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงส่งผลในการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงและเพศชายให้สมดุล เพิ่มสมรรถภาพการสร้างสเปิร์ม และยังช่วยให้การสุกของไข่ในสตรีดีขึ้น ช่วยให้ประจำเดือนมาปกติและหมดประจำเดือนช้าลง ผลลัพธ์ คือ จะคงความหนุ่มสาวได้นานกว่าปกติถึง 20% สำหรับผู้ชายก็จะเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้คงได้นานยิ่งขึ้น อันนี้ชายใดที่มาไวไปไว มีตัวช่วยแล้น+++ เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งผลช่วยในเรื่องการสร้างเม็ดเลือด และความแข็งแรงของกระดูก ในเด็กเล็กและคนสูงอายุ โดยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก และช่วยการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น ช่วยส่งผลต่อระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยให้หัวใจเต้นสม่ำเสมอ พร้อมสูบฉีดโลหิตหมุนเวียนผ่านสมอง ปอด ตับ ไต และแขนขา ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยจะรู้สึกอบอุ่นและสดชื่นทันที ภายในระยะเวลา 20-30 นาที แล้วยังส่งผลต่อเม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดขาว เพิ่มความต้านทานและขจัดพิษหรือทำลายเชื้อโรคได้ดี พร้อมทั้งฟื้นฟูสมรรถภาพของเนื้อเยื่อต่างๆ ภายหลังเจ็บไข้ได้ป่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรง
"ตัวอ่อนของผึ้งนางพญาล้อมรอบด้วยนมผึ้ง(royal jelly)"
by Waugsberg, on Wikipedia.org
Royal Jelly ส่งผลต่อระบบเมตาโบลิซึม ควบคุมการเก็บและนำน้ำตาล โปรตีน และไขมันในเลือด มาใช้งานอย่างสมดุล กระตุ้นการเผาผลาญให้พลังงานสมบูรณ์ และควบคุมแร่ธาตุและอิเล็คโตไลท์ในเลือดให้สม่ำเสมอ ฉะนั้นใครที่สงสัยว่าทานนมผึ้งแล้วจะอ้วน รึป่าวนั้น ข้อนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นมผึ้งช่วยในทางกลับกันเลย คือช่วยเผาผลาญให้พลังงานสมบูรณ์ที่ดียิ่งขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ Royal Jelly ยังช่วยสร้างเซลล์ใหม่และเนื้อเยื่อใหม่ ควบคุมการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อที่ฉีกขาดสึกหรอ ให้ฟื้นคืนสภาพได้รวดเร็ว ขจัดเซลล์เก่าที่ตายไปตามวงจรชีวิต ป้องกันการเกิดเซลล์ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง แต่ข้อนี้ระวังนิดนึงว่า ถ้าหากคนที่เป็นมะเร็งแล้วไม่ควรทาน เพราะว่า Royal Jelly นั้นจะกลายเป็นโปรตีนอาหารให้กลับเซลล์มะเร็งทันที ฉะนั้นถ้าจะทานจริงๆควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับผม สำหรับคนที่บาดเจ็บ นมผึ้งนั้นจะส่งผลต่อการลดการอักเสบของข้อและเนื้อเยื่อต่างๆ มีผลเหมือนสารสเตียรอยด์ แต่ไม่มีอันตรายและผลข้างเคียง จึงได้ผลดีในการใช้ร่วมกับยา ทางการแพทย์นำไปรักษาการอักเสบของบาดแผล ปวดข้อและปวดกระดูกเรื้อรัง ที่สำคัญผลต่อการทาน Royal Jelly ทำให้ชีวิตยืนยาว เนื่องจากผลโดยรวมทำให้ระบบต่างๆทำงานได้ดี มีสมรรถภาพมากขึ้นและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้ชีวิตคนเรายืนยาวนานอย่างมีความสุข แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น You are what you eat นะครับผม
สำหรับวิธีการทาน
รับประทานเช้าและก่อนนอนทุกวัน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเติมพลังแฝง ให้พร้อมสู้งานหนักในวันรุ่งขึ้น แต่ผมมีเทคนิคที่เจ๋งกว่านั้น โดยทาน Royal Jelly + Vitamin C + รกแกะ จะช่วยให้ผิวสวยใส มีน้ำมีนวล บำรุง เล็บ ขนตา และเส้นผม ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันไข้หวัด ช่วย regenerating อวัยวะภายในทั้งหมด ช่วยควบคุมฮอร์โมนเรื่องของอารมณ์ สำหรับผู้สูงอายุ (Menopause) หรือผู้ที่หงุดหงิดง่าย แล้วยังมีอีกตรึม...
วิธีเลือกซื้้อ นมผึ้งอย่างไรไม่ให้โดนหลอก ว่าตัวไหนกี่ % กันแน่
ส่วนใหญ่อาหารเสริมออสเตรเลีย หรือในวงการอาหารเสริมโดยทั่วไป มักเขียนปริมาณสารสกัด ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตลาดมาควบคู่กันครับผม ทำให้ลูกค้าอาจสับสน นมผึ้งหลายตัวตามท้องตลาดเขียนว่า Royal Jelly 10HDA6% กันเกือบทุกตัว หมายความว่านมผึ้งมีแต่ 6% อย่างเดียวหรือเปล่า??
มาแก้ข้อข้องใจทางนี้ได้เลยครับผม
การเขียนฉลากระบุปริมาณ % ของ 10HDA นั้น หลายๆบริษัท หลายๆยี่ห้อ พยายามที่จะใช้เทคนิคการเล่นคำ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะบอกปริมาณ 10HDA ที่แท้จริง แล้วเราจะรู้ทันได้อย่างไรว่า ตัวไหนมีปริมาณ 10 HDA มากที่สุด
โดยปกติแล้วฉลากสินค้า Royal Jelly ที่ดีควรจะระบุมีดังนี้ครับ..
- ปริมาณ royal jelly lyophilized (สารที่ได้หลังจากการสกัดนมผึ้งสด) พลิกด้านหลังหรือด้านข้างกล่องเพื่อดูสารสกัดที่แท้จริง
- ปริมาณ royal jelly fresh (ปริมาณนมผึ้งสด)
- ปริมาณ 10HDA ให้ดูที่ มิลลิกรัมครับ พลิกกล่องดูด้านที่เขียนส่วนประกอบ **ตัวนี้เป็นความเข้มข้นของสารสกัดที่มีผลกับร่างกายที่สุดครับ**
เขียนว่า Equiv.10-hydroxy-2-decenoic acid 24 mg แปลว่า 2.4%
เขียนว่า Equiv.10-hydroxy-2-decenoic acid 22 mg แปลว่า 2.2%
เขียนว่า Equiv.10-hydroxy-2-decenoic acid 11 mg แปลว่า 1.1% *ทั่วไปชอบเอาตัวนี้มาแจ้งว่าเป็น 6%*
เขียนว่า Equiv.10-hydroxy-2-decenoic acid 60 mg แปลว่า 6%
ถ้ายี่ห้อไหนไม่แจ้งจำนวน 10HDA ว่ากี่มิลลิกรัม ให้ตรวจสอบว่าดูปริมาณ Royal Jelly Lyophilized ว่ามีกี่มิลลิกรัม มิลลิกรัมยิ่งเยอะ ค่า10HDA ก็สูงตามไปด้วยครับ
ทีนี้จะมีคำถามต่อมาว่าแล้วอายุเท่านี้ ควรทานนมผึ้งกี่เปอร์เซนต์ดี..??
งั้นมาลองอ่านกันต่ออีกนิสสสสนึงนะครับผม..
ผุ้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 25 ปี ทานนมผึ้ง 1.1% ++
เนื่องจากในวัยไม่เกิน 25 ปี วัยรุ่นวัยหนุ่มสาวเป็นวัยที่มีการผลิตฮอร์โมนค่อนข้างมีประสิทธิภาพที่สุด ฉะนั้นเราควรทานเสริมนมผึ้งอย่างพอเหมาะ เพื่อบำรุงผม เล็บ ผิวพรรณ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นมผึ้งเป็นอาหารเสริมตัวนึง ที่ควรทานความเข้นข้นให้เหมาะสมจึงจะดีที่สุด และผลดีที่สุดครับ
ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 35 ปี แนะนำให้ทาน นมผึ้ง 2.2 - 2.4% เห็นผลดีที่สุด (แนะนำ 2.4% ดีที่สุด)
ช่วงอายุ 25-35 ปี ทาน 2.4% จะเข้มข้นและดีที่สุดในช่วงอายุนี้ค่ะ เพราะไม่มากและไม่น้อยเกินไป หากลูกค้าต้องการทานเข้ม 6% ในช่วงอายุนี้จะทำให้ร่างกายไม่สมดุลครับ การผลิตฮอร์โมนจะเยอะเกินไป
**หากช่วงอายุ 25-35 ปี แต่มีปัญหาเรื่องฮอร์โมนผิดปรกติ ให้ทาน 2.4% 2 เม็ดจะดีที่สุดครับ***
ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาฮอร์โมน หรือ 40 ขึ้นไป ทานนมผึ้ง 6% ดีที่สุดครับ
นมผึ้ง 6% ไม่ได้เหมาะสมสำหรับทุกเพศทุกวัยนะครับ ฉะนั้นผู้ที่ต้องการความเข้มข้นสูงสุดไว้ก่อน ควรอ่านก่อนซื้อนมผึ้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ส่วนใหญ่ นมผึ้่งเข้ม 6% จะเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ 35 ปี หรือ 40 ปีขึ้นไป จึงจะเห็นผลดีมากๆ ถ้าช่วงอายุไม่ถึงแล้วทานตัวนี้ จะเยอะเกินไปครับผม
กรณีพิเศษ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องฮอร์โมน ประจำเดือนมาไม่ปกติ โรคอ้วน ให้ทานนมผึ้ง 6% หรือ 2.4 % จำนวน 2 เม็ด
ฉะนั้นใครจะเลือกทาน Royal Jelly แบบไหนกี่ เปอร์เซนต์ถึงจะดี ก็ลองพิจารณาจากข้อมูลข้างต้นกันดูนะครับ ว่าตัวเองนั้นเหมาะกับนมผึ้งประเภทไหน
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเรื่องราวของนมผึ้ง หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพนะครับ แล้วพบกันในบทความหน้า, ขอบคุณครับ