เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ หนึ่งในของฝากที่มักจะนึกขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตามนั่นคือ ช็อกโกแลต ของกินที่ทานได้ทุกเพศทุกวัยเด็กชอบผู้ใหญ่รัก อีกทั้งยังมีความหลากหลายของรสชาติ มีทั้งราคาจับต้องได้จนถึงระดับพรีเมียม ในบางประเทศช็อกโกแลตมีประวัติอันยาวนาน จนกลายเป็นของขึ้นชื่อประจำเมือง ช็อกโกแลตเป็นสินค้าหาซื้อได้ง่ายตั้งแต่ในซุปเปอร์มาเก็ตจนไปถึงร้านคุณภาพในห้างสรรพสินค้า
ถึงแม้ว่าออสเตรเลียอาจไม่ใช่ประเทศแรกที่ผู้คนจะนึกถึงเมื่อพูดถึงช็อกโกแลต อย่างไรก็ดีประวัติศาสตร์อันยาวนานของช็อกโกแลตในออสเตรเลีย เป็นหลักฐานที่แสดงออกถึงการเปิดรับวัฒนธรรมต่างชาติและความคิดสร้างสรรค์ในโลกแห่งอาหาร โดยเฉพาะการพัฒนาในวงการอาหารท้องถิ่น วันนี้จะพาไปรู้จักการเดินทางของช็อกโกแลตของออสเตรเลีย ผ่านแบรนด์ผู้ผลิตในประเทศที่มีเรื่องราวอันน่าค้นหา
จุดเริ่มต้นและการเข้ามาสู่แดนจิงโจ้
ที่มาภาพ : kokoblack.com
การเข้ามาของช็อกโกแลตในออสเตรเลีย เริ่มต้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 พร้อมกับการมาถึงของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปเช่นเดียวกับอาหารหรูหราอื่น ๆ ในยุคนั้น ช็อกโกแลตถูกนำเข้ามาในรูปแบบของผงโกโก้หรือเครื่องดื่มที่ปรุงรส ซึ่งถือเป็นสินค้านำเข้าที่หรูหราและมีราคาสูง ทำให้จำกัดการบริโภคอยู่เพียงในวงของชนชั้นสูงเท่านั้น ช็อกโกแลตในยุคแรกจึงเป็นสัญลักษณ์ของฐานะมากกว่าจะเป็นขนมที่เข้าถึงได้ทุกคน แต่เมื่อการค้าขายเติบโตขึ้นและประชากรมีความหลากหลายมากขึ้น ช็อกโกแลตก็ค่อย ๆ เข้ามาอยู่ในใจและในบ้านของชาวออสเตรเลียทั่วไป และมีบทบาทในวงการอาหารท้องถิ่นมากขึ้น
เมื่อความนิยมของช็อกโกแลตเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้เกิดเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านการทำช็อกโกแลตโดยเฉพาะ หรือมีศัพท์อาชีพเฉพาะว่า “Chocolatier” เริ่มทดลองผสมผสานวัตถุดิบพื้นเมือง เข้ากับเทคนิคดั้งเดิมของยุโรป เกิดเป็นการสร้างสรรค์รสชาติแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของออสเตรเลีย ซึ่งสามารถครองใจทั้งชาวท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างลงตัว จนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปนำมาซึ่งเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยขึ้น เช่น การบดโกโก้ด้วยเครื่องจักรไอน้ำ และการคิดค้น ช็อกโกแลตนม (Milk Chocolate) ที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์เป็นคนแรกโดย Daniel Peter ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ค.ศ. 1875) นวัตกรรมเหล่านี้ประกอบกับการขยายตัวของเส้นทางการค้า ทำให้ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตเริ่มเข้าถึงตลาดโลก รวมถึงออสเตรเลียได้ง่ายและราคาถูกลง
ผู้ผลิตที่ถือกำเนิดในออสเตรเลีย
Ernest Hillier
ที่มาภาพ : en.wikipedia.org/wiki/Ernest_Hillier_Chocolates
ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1914 Ernest Hillier คือผู้ผลิตช็อกโกแลตรายแรกของประเทศออสเตรเลีย ในอดีต ช็อกโกแลตทั้งหมดในออสเตรเลียต้องนำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป เนื่องจากระยะทางที่ไกลสภาพภูมิอากาศและข้อจำกัดด้านการขนส่ง ทำให้ช็อกโกแลตที่นำเข้าเหล่านั้นมักมาถึงในสภาพที่ไม่สมบูรณ์อยู่เสมอ Ernest Hillier มีชื่อเสียงมายาวนานกว่าศตวรรษ เคยเป็นที่รู้จักในฐานะช็อกโกแลตระดับพรีเมียมที่ผลิตด้วยมืออย่างประณีต ด้วยเวลายาวนาน เผชิญอุปสรรคทั้งวิกฤตด้านเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้ปัจจุบันแบรนด์ถูกขายไปอยู่ในมือของบริษัท Newman’s Chocolates และ Yowie Group จนถึงทุกวันนี้
Haigh’s Chocolates
ที่มาภาพ : haighschocolates.com.au
แบรนด์ก่อตั้งขึ้นในเมืองแอดิเลด เมื่อปี ค.ศ. 1915 เป็นหนึ่งในผู้ผลิตช็อกโกแลตที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงอีกแบรนด์หนึ่งของออสเตรเลีย เชี่ยวชาญด้านการทำช็อกโกแลตแบบ Bean-to-Bar* ตั้งแต่เริ่มแรก จากความมุ่งมั่นในด้านคุณภาพและความยั่งยืน Haigh’s ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตแบบงานฝีมือที่สร้างขึ้นด้วยความประณีตและใส่ใจในทุกรายละเอียด จึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของช็อกโกแลตที่หรูหราเหนือกาลเวลา
Haigh's เป็นตัวอย่างของแบรนด์ในการนำเอาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมาผสานกับเมนู อาทิ การจับคู่กับไวน์แดงจากภูมิภาคไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่าง McLaren Vale หรือการใช้น้ำผึ้ง Leatherwood จากแทสเมเนีย ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น มาทำเป็นไส้ Nougat หรือ Ganache สินค้ายอดนิยมในปัจจุบันได้แก่ Dark/Milk Scorched Almonds, ช็อกโกแลตที่ผสมผสานกับวัตถุดิบพื้นเมือง เช่น Milk Wattleseed Caramel Ganache
*Bean to Bar คือการทำช็อกโกแลตจากเมล็ดโกโก้เต็มเมล็ดโดยไม่เติมไขมันอื่นนอกจาก Cocoa Butter ต่างจากช็อกโกแลตอุตสาหกรรมที่มักสกัดไขมันโกโก้ออกแล้วเติมไขมันพืชราคาถูกแทน กระบวนการผลิตแบบ Bean to Bar ใส่ใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่คัดเลือกแหล่งปลูก การตาก คั่ว กะเทาะเปลือก บด จนถึงการเทมเปอร์ เพื่อให้ได้ช็อกโกแลตที่เนียน เงา และมีรสสัมผัสแน่น ด้วยความประณีตและต้นทุนที่สูงกว่า ช็อกโกแลตแบบ Bean to Bar จึงมีรสชาติและกลิ่นที่ซับซ้อน สะท้อนเอกลักษณ์ของแหล่งปลูกและผู้ทำได้อย่างชัดเจน
Fardoulis Chocolates
ที่มาภาพ : choc.com.au
ผู้ผลิตที่ถือกำเนิดในซิดนีย์ เมื่อปี 1985 Fardoulis Chocolates เริ่มต้นจากแนวคิดง่าย ๆ คือการสร้างช็อกโกแลตมิ้นต์หลังอาหาร (After-Dinner Mint) ที่มีเอกลักษณ์สำหรับร้านอาหารและคาเฟ่ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ในช่วงแรกคือช็อกโกแลตที่มีลายวน (Swirl) สองสี คือ ช็อกโกแลตนมและดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมอาหาร และในไม่ช้าก็ขยายการผลิตไปทั่วประเทศ ขยายสู่การผลิตของขวัญช็อกโกแลตแบบสั่งทำพิเศษ (Custom Chocolate Gifts) โดยเฉพาะสำหรับงานแต่งงาน (Bonbonniere) ซึ่งเป็นการใช้ทักษะของ Anna Athas ภรรยาของผู้ก่อตั้ง ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Fardoulis มีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกรายใหญ่ทั่วออสเตรเลีย เช่น David Jones และ Myer Stores
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ออสเตรเลียได้เข้าสู่ยุคเฟื่องฟูแห่งช็อกโกแลต ผู้ผลิตช็อกโกแลตและขนมหวานในประเทศเริ่มทดลองผสมผสานรสชาติ เนื้อสัมผัส และวัตถุดิบใหม่ ๆ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุดิบพื้นเมือง อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ผลิตช็อกโกแลตแบบงานฝีมือ ที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบคุณภาพสูงและความประณีตในกระบวนการผลิต และมักจะเป็นช็อกโกแลตทำมือ (Handcrafted) หรือการผลิตแบบ Bean-to-Bar
Koko Black
ที่มาภาพ : delicious.com.au
ตัวแทนของช็อกโกแลตออสเตรเลียยุคใหม่จากเมลเบิร์น ที่ผสานเอาความหรูหราแบบงานฝีมือของยุโรปเข้ากับรสชาติและวัตถุดิบท้องถิ่น ก่อตั้งเมื่อ ปี ค.ศ. 2003 โดยผู้ก่อตั้ง Shane Hills มีความหลงใหลในศิลปะการทำช็อกโกแลต และได้นำเอาเทคนิคและมาตรฐานของช็อกโกแลตยุโรปสไตล์เบลเยียม ซึ่งมีชื่อเสียงด้านช็อกโกแลตคูแวร์ตูร์ (Couverture)** มาประยุกต์ใช้ในการผลิตด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ แม้จะได้รับอิทธิพลจากยุโรป แต่ปัจจุบัน Koko Black ได้เน้นย้ำถึงความเป็นแบรนด์ออสเตรเลียด้วยการสร้างสรรค์รสชาติที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการเลือกส่วนผสมพื้นเมือง (Native Ingredients) เป็นวัตถุดิบมาผสมผสานในช็อกโกแลต เช่น มะนาวเมอร์เทิล (Lemon Myrtle), พลัมเดวิดสัน (Davidson Plum), และเมล็ดวิปสติ๊ก วัตเทิล (Whipstick Wattle) สินค้ายอดนิยมของแบรนด์คือ Praline Chocolate ช็อกโกแลตชิ้นเล็กสอดไส้รสชาติหลากหลายรูปทรง มีที่มีรสชาติซับซ้อน จำหน่ายเป็นกล่องของขวัญ ซื้อทานเองก็ได้หรือจะซื้อเป็นของฝากก็ดี
**Couverture (กูแวร์ตู) เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าหุ้ม (Covering) สำหรับวงการช็อกโกแลตคือสินค้าคุณภาพพรีเมียมที่มีเนยโกโก้อย่างน้อย 31% ทำให้รสนุ่มและเงางามเมื่อหลอม เหมาะสำหรับเคลือบขนม ถั่ว หรือผลไม้
Bahen & Co
ที่มาภาพ : bahenchocolate.com
อีกผู้ผลิตช็อกโกแลตออสเตรเลียยุคใหม่ที่ผลิตแบบ Bean-to-Bar จากออสเตรเลียตะวันตก ผู้ก่อตั้งคือ Jacqui และ Josh Bahen ซึ่งทั้งคู่เคยทำงานเป็นผู้ปลูกองุ่นและทำไวน์มาก่อน เป็นแบรนด์ที่เน้นความเรียบง่าย เน้นรสชาติดั้งเดิมของเมล็ดโกโก้ โรงงานช็อกโกแลตตั้งอยู่ที่ฟาร์มครอบครัวใน Margaret River รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีธรรมชาติงดงามและชุมชนเข้มแข็งที่สนับสนุนผู้ผลิตขนาดเล็ก เป็นไม่กี่บริษัทผู้ผลิตที่ให้ความสำคัญเรื่อง ความสัมพันธ์โดยตรงในระยะยาว (Direct Trade) กับเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ในประเทศต่าง ๆ เช่น มาดากัสการ์, ปาปัวนิวกินี, กัวเตมาลา ด้วยการจัดหาโกโก้จากฟาร์มโดยตรงโดยไม่ผ่านคนกลาง ทำให้เกษตรกรได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ซึ่งมักจะสูงกว่ามาตรฐานราคาตลาด อีกทั้งยังเลือกใช้สินค้าออแกนิคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม Bahen & Co ไม่ได้เน้นการสร้างสรรค์รสชาติที่หวือหวา แต่เน้นที่การเคารพในคุณภาพของเมล็ดโกโก้และกระบวนการผลิตที่ช้าและพิถีพิถัน ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคอช็อกโกแลตที่ต้องการสัมผัสรสชาติที่แท้จริง
จากช็อกโกแลตเฉพาะทาง สู่แบรนด์ยอดฮิตที่ต้องซื้อติดบ้าน
Generate by AI : freepik.com
ปัจจุบันเองมีหลากหลายแบรนด์ครองตลาดและเป็นได้รับความนิยมในออสเตรเลียมากมาย โดยเฉพาะช็อกโกแลตบาร์ที่ขายดีตามร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต แม้ว่าหลายยี่ห้อจะไม่ได้ถือกำเนิดที่นี่แต่ก็ได้รับความนิยมอยู่ไม่ขาด เหมาะสำหรับการซื้อติดไม้ติดมือไปฝากคนใกล้ตัว
หนึ่งในช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของวงการช็อกโกแลตออสเตรเลีย เกิดขึ้นเมื่อผู้ผลิตจากสหราชอาณาจักรที่ชื่อ Cadbury เข้ามาสร้างโรงงานช็อกโกแลตแห่งแรกในรัฐแทสมาเนียในปี ค.ศ. 1922 และเข้าซื้อกิจการ MacRobertson's Confectionery Works ผู้ผลิตขนมหวานเก่าแก่รายใหญ่ที่สุดในประเทศ บริษัทไม่เพียงแต่ทำให้ช็อกโกแลตคุณภาพสูงมีจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง แต่ยังนำเทคนิคการผลิตที่ล้ำสมัยมาสู่ประเทศ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมช็อกโกแลตทั่วประเทศ
Cadbury
ที่มาภาพ : packagingnews.co.uk
แบรนด์เก่าแก่ระดับโลกที่ถือกำเนิดจากสหราชอาณาจักร ในปี ค.ศ. 1824 ที่เมือง Birmingham โดย John Cadbury ผลิตภัณฑ์ของ Cadbury ถูกนำเข้าไปยังออสเตรเลียเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1853 เมื่อมีการโฆษณาขายโกโก้และช็อกโกแลตของในเมืองแอดิเลด ต่อมาโรงงาน Cadbury’s Claremont ในแทสมาเนีย ถูกสร้างขึ้นตามแบบเมือง Bournville ของอังกฤษ เป็นโรงงานแห่งแรกนอกสหราชอาณาจักร ตั้งใกล้กับเมืองโฮบาร์ตที่มีแหล่งพลังงานไฟฟ้าพลังน้ำราคาถูก และมีแหล่งน้ำนมสดคุณภาพดีในปริมาณมาก ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ช็อกโกแลตเข้าถึงคนออสเตรเลียจำนวนมาก และกลายเป็นผู้นำตลาด
ปัจจุบันสามารถหาซื้อสินค้า Cadbury ได้ง่าย ในซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำทั่วไป ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมได้แก่ Dairy Milk (ช็อกโกแลตนมคลาสสิก), Cherry Ripe (ช็อกโกแลตดาร์กเคลือบมะพร้าวและเชอร์รี่ที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรเลีย), Freddo Frog และ Caramello Koala (ช็อกโกแลตรูปสัตว์ขวัญใจเด็ก ๆ ), Flake และผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาพจำของแบรนด์หนีไม่พ้นช็อกโกแลต Easter Egg ที่ผู้คนซื้อแจกจ่ายกันในช่วงเทศกาล รวมถึงคอลเลกชันพิเศษช่วงคริสต์มาสและฮัลโลวีน
Lindt
ที่มาภาพ : chocolate.lindt.com
แบรนด์ช็อกโกแลตระดับโลกที่มีต้นกำเนิดจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีชื่อเสียงจากการเป็นผู้บุกเบิกในเทคนิคการผลิตที่ทำให้ช็อกโกแลตมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มละลายในปาก เหตุผลที่ Lindt ได้รับความนิยมอย่างสูงในออสเตรเลีย เนื่องจากการเกิดขึ้นของ Lindt Chocolate Cafés คาเฟ่ช็อกโกแลตของ Lindt ตั้งขึ้นในแต่ละเมืองใหญ่ทั่วออสเตรเลียและเมืองใหญ่ทั่วโลก ทำให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสกับแบรนด์ในรูปแบบที่หรูหรากว่า จากการสร้างประสบการณ์ค้าปลีก (Retail Experience) และยกระดับแบรนด์ให้เป็นมากกว่าแค่ช็อกโกแลตแท่ง แม้จะเป็นแบรนด์พรีเมียมแต่ผลิตภัณฑ์ของ Lindt ก็มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายในซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ เช่น Coles และ Woolworths ทำให้เข้าถึงได้ง่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในร้านหรูหราเท่านั้น ผลิตภัณฑ์ Lindor Truffle ที่มีช็อกโกแลตบอลเคลือบและไส้ที่ละลายในปาก เป็นผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังอย่างมากในออสเตรเลีย และกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับของขวัญและเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะคริสต์มาสและอีสเตอร์
Darrell Lea
ที่มาภาพ : dlea.com.au
แบรนด์ออสเตรเลียที่เก่าแก่ก่อตั้งโดย Harry Lea ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1929 ร้านสาขาแรกในเมืองเปิดที่เมืองซิดนีย์ แม้ว่าธุรกิจก่อตั้งขึ้นในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) แต่คติประจำใจของธุรกิจคือ “ความสดใหม่และราคาที่เข้าถึงได้” ทำให้ผู้คนยังสามารถซื้อได้แม้ในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ นอกจากช็อกโกแลต Rocklea Road (ช็อกโกแลตผสมถั่วและมาร์ชเมลโลว์) จะเป็นสินค้ายอดนิยมแล้ว แบรนด์ยังมีชื่อเสียงจาก Soft-Eating Liquorice ขนมหนึบหนับหวานอมขมและมีกลิ่นสมุนไพรจัดจนบางคนกินไม่ลง ซึ่งคิดค้นขึ้นในโรงงานเล็ก ๆ ในตอนนั้น มีทั้งแบบคลาสสิกสีดำหอมชะเอม แบบผลไม้รสหวานสดชื่น หรือ Liquorice ที่เคลือบช็อกโกแลตเข้มข้น สามารถพบผลิตภัณฑ์แบรนด์นี้ได้ในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วไป
Violet Crumble
ที่มาภาพ : violetcrumble.com
เป็นหนึ่งในช็อกโกแลตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุดของออสเตรเลีย เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1913 โดย Abel Hoadley ผู้ตั้งชื่อขนมนี้ตามดอกไวโอเล็ต ดอกไม้โปรดของภรรยาของเขา ส่วนคำว่า “Crumble” นั้น ผู้ทานจะเข้าใจทันทีเมื่อกัดคำแรก แล้วได้สัมผัสกับไส้รังผึ้งน้ำตาลกรอบที่แตกกระจายอย่างเป็นเอกลักษณ์ของ Violet Crumble มีสินค้านิยมอย่างเช่น Violet Crumble Cubes, Violet Crumble Nuggets และ Violet Crumble Bars ผลิตภัณฑ์ Violet Crumble ทั้งหมดผลิตขึ้นที่โรงงานของเราในเมืองแอดิเลด
ไม่ว่าจะเลือกช็อกโกแลตแบบงานฝีมือที่มีรสชาติท้องถิ่นออสเตรเลีย หรือแท่งช็อกโกแลตนมคลาสสิก รสนิยมของชาวออสเตรเลียยังมีอิทธิพลต่อการพัฒนาช็อกโกแลต ทำให้เกิดการสร้างสรรค์สูตรและรสชาติใหม่ ๆ ที่เหมาะกับผู้บริโภคในท้องถิ่น
ช็อกโกแลตในออสเตรเลียจึงเป็นมากกว่าแค่ของหวาน แต่คือเรื่องราวของการค้าขายและการผสมผสานทางวัฒนธรรม จากสินค้าสำหรับชนชั้นสูงในยุคอาณานิคม สู่ความสุขที่หาได้ง่ายและเป็นส่วนสำคัญของอัตลักษณ์ด้านอาหาร อีกทั้งช็อกโกแลตได้เป็นส่วนหนึ่งประเพณีที่ขาดไม่ได้ในช่วงเทศกาล เช่น ช็อกโกแลตไข่อีสเตอร์ในช่วงอีสเตอร์ หรือขนมหวานวันคริสต์มาสสำหรับเทศกาลปลายปี เรียกได้ว่าเป็นของกินที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนแบบไม่รู้ตัว
ที่มาข้อมูล :