หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง...ออสเตรเลียเป็นประเทศผู้ผลิตไวน์อันดับที่ 4 ของโลก ที่มีการผลิตไวน์ประมาณ 1,200 ล้านลิตร เรื่องราวของไวน์ในดินแดนนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 เมื่อเรือ First Fleet ของผู้ว่าการฟิลลิป นำเถาองุ่นชุดแรกเข้ามายังนิวเซาท์เวลส์ และจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในยุคนั้น ได้กลายมาเป็นอุตสาหกรรมไวน์ที่เฟื่องฟูและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวออสเตรเลียในปัจจุบัน
ปัจจุบันไวน์คือหนึ่งในของดีของขึ้นชื่อของออสเตรเลีย ที่นี่มีไร่องุ่นครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า 170,000 เฮกตาร์ ตั้งอยู่ในภูมิภาคหลายแห่งทั่วประเทศที่มีภูมิอากาศและเอกลักษณ์แตกต่างกัน ทำให้ถ่ายทอดรสชาติไวน์ที่หลากหลายไม่เหมือนใคร แถมบางแบรนด์ยังได้รับการันตีรางวัลระดับโลก เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติที่เข้าถึงง่าย ราคาเป็นมิตร และความหลากหลายที่น่าค้นหา จนหลายคนอาจจะเริ่มดื่มไวน์เป็นเมื่อมาเยือนออสเตรเลีย หากใครที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการดื่มไวน์ "ไวน์ออสเตรเลีย" คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ไม่แพ้ไวน์ฝั่งยุโรป
บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกทุกแง่มุมของไวน์จากดินแดนจิงโจ้ ตั้งแต่พันธุ์องุ่นที่โดดเด่นและแหล่งผลิตในประเทศ จะทำให้เพื่อน ๆ ตกหลุมรักไวน์ออสเตรเลียอย่างแน่นอน
ปูพื้นสู่วงการไวน์ออสเตรเลีย
ที่มาภาพ : Photo by Rodrigo Abreu on Unsplash
สำหรับมือใหม่ที่สนใจอยากจะเริ่มดื่มไวน์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลียขึ้นชื่อเรื่อง “ไวน์โลกใหม่" (New World Wine) ซึ่งมาจากประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่ยุโรป เช่น ออสเตรเลีย อเมริกา ชิลี หรืออาร์เจนตินา แตกต่างกับ “ไวน์โลกเก่า” (Old World Wine) ที่เปี่ยมไปด้วยประวัติการปลูกองุ่นและผลิตไวน์มายาวนานหลายพันปี เช่น ฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน, เยอรมนี, โปรตุเกส และกรีซ
ไวน์โลกใหม่ที่มีรสชาติชัดเจน ดื่มง่าย มักจะมีความเป็นผลไม้ (Fruit-Forward) ที่ชัดเจนและเข้มข้นกว่าไวน์โลกเก่า เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นและแสงแดดที่มากกว่า ทำให้องุ่นสุกเต็มที่ มีแอลกอฮอล์สูง และรสชาติไม่ซับซ้อนเท่าไวน์โลกเก่า ทำให้ดื่มง่ายและเข้าถึงได้ง่ายกว่า ไวน์โลกใหม่มักจะตั้งชื่อตามพันธุ์องุ่น (Grape Variety) ที่ใช้ทำไวน์เป็นหลัก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำและเลือกซื้อได้ง่าย ต่างจากไวน์โลกเก่าที่ตั้งชื่อตามภูมิภาคหรือแหล่งที่มา (Region or Appellation) ที่ผลิตไวน์นั้นๆ
ส่วนพันธุ์องุ่นหลัก ๆ ที่นิยมและควรเริ่มต้นรู้จัก มีดังต่อไปนี้
ประเภทไวน์แดง (Red Wine)
Shiraz
หากพูดถึงไวน์ออสเตรเลียแล้ว ไม่พูดถึง Shiraz (ชีราซ) ไม่ได้เลย นี่คือองุ่นแดงที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ประจำชาติของออสเตรเลีย ไวน์ชีราซจากออสเตรเลียขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้นจัดจ้าน รสชาติชัดเจน และกลิ่นหอมอันซับซ้อน
คุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นของผลไม้สีดำสุกงอม เช่น แบล็กเบอร์รี พลัม และแบล็กเคอร์แรนต์ ผสานกับกลิ่นเครื่องเทศอย่างพริกไทยดำ อบเชย หรือแม้แต่กลิ่นช็อกโกแลตและกาแฟจากการบ่มในถังไม้โอ๊ค ไวน์ชีราซที่มีชื่อเสียงที่สุดมาจากแถบ Barossa Valley และ McLaren Vale ในรัฐ South Australia รัฐซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์และรสชาติที่หนักแน่นเหมาะสำหรับคนชอบไวน์รสเข้มข้น อาจจะมีความเผ็ดร้อนเล็กน้อยจากแอลกอฮอล์ที่ค่อนข้างสูง
เหมาะกับการจับคู่ : อาหารรสจัดจ้านและมีกลิ่นเครื่องเทศ เช่น เนื้อย่างบาร์บีคิว, แกงกะหรี่ หรืออาหารไทยรสจัด
Cabernet Sauvignon
นอกจาก Shiraz แล้ว Cabernet Sauvignon (กาแบร์เน โซวีญง) อีกหนึ่งพันธุ์องุ่นแดงที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ไวน์ที่ได้จะมีโครงสร้างหนักแน่น มีแทนนินสูง (รสชาติที่ให้ความรู้สึกฝาด) และมีกลิ่นหอมของผลไม้สีดำอย่างแบล็กเคอร์แรนต์และซีดาร์ สำหรับกาแบร์เน โซวีญงที่ดีที่สุดของออสเตรเลียต้องยกให้ไวน์จากแถบ Coonawarra ที่มีชื่อเสียงเรื่องดินสีแดง ("Terra Rossa") ดินมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ ทำให้ไวน์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เหมาะกับการจับคู่ : เนื้อแดง เช่น สเต๊กเนื้อวัวย่าง, เนื้อแกะ หรืออาหารที่มีซอสเข้มข้น
Pinot Noir
โดยทั่วไปแล้ว Pinot Noir (ปีโนต์ นัวร์) ของออสเตรเลียจะมีความเป็น "ผลไม้ชัดเจน" (Fruit-Forward) มากกว่าไวน์จาก Burgundy (เบอร์กันดี) ของฝรั่งเศสซึ่งเป็นบ้านเกิดของมัน มักจะมีรสชาติของผลไม้สีแดง เช่น เชอร์รี, ราสป์เบอร์รี, และสตรอว์เบอร์รีที่เข้มข้นและสดใสกว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าทำให้องุ่นสุกเต็มที่ ภูมิภาคที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในการผลิต Pinot Noir อยู่ที่ Yarra Valley, Mornington Peninsula, Adelaide Hills และ Tasmania แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ผลิตก็ยังให้ความสำคัญกับการปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น (Cool-Climate) เพื่อคงความละเอียดอ่อนและกลิ่นหอมเฉพาะตัวขององุ่นไว้
เหมาะกับการจับคู่ : อาหารที่ละเอียดอ่อน เช่น ปลาแซลมอนย่าง, เนื้อเป็ด, เนื้อไก่ หรือเห็ด
ที่มาภาพ : Photo by Matthieu Joannon on Unsplash
ประเภทไวน์ขาว (White Wine)
Chardonnay
อยากทานไวน์รสชาติเบา ๆ ไม่หนักจนเกินไป ต้องมาฝั่งไวน์ขาว Chardonnay (ชาร์ดอนเนย์) ตัวเอกที่ครองใจนักดื่มทั่วโลก ไวน์ชาร์ดอนเนย์จากออสเตรเลียมีหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่แบบที่สดชื่น มีกลิ่นหอมของผลไม้ตระกูลส้ม ไปจนถึงสไตล์ที่บ่มในถังไม้โอ๊คจนได้กลิ่นหอมมันของเนย วานิลลา และถั่ว หากคุณเป็นมือใหม่ แนะนำให้ลองชาร์ดอนเนย์จาก Margaret River หรือ Yarra Valley ที่มักจะผลิตไวน์สไตล์ที่สมดุลและดื่มง่าย
เหมาะกับการจับคู่ : ไก่ย่าง, อาหารทะเลที่มีซอสครีม, หรือปลารมควัน
Sauvignon Blanc
องุ่นขาวที่มีรสชาติสดชื่นและมีกลิ่นโดดเด่นของผลไม้เขตร้อน ไวน์ Sauvignon Blanc (โซวีญง บล็อง) ของออสเตรเลียจะมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนกว่า โดยจะมีกลิ่นของผลไม้ตระกูลส้ม (Citrus) เช่น มะนาวและเกรปฟรุต รวมถึงกลิ่นของผลไม้เมืองร้อนอย่างสับปะรดและลูกแพร์ และมักจะมีกลิ่นสมุนไพร เช่น ใบมะเขือเทศและหน่อไม้ฝรั่ง รสชาติจะมีความเป็นกรดสูงและสดชื่น ทำให้เป็นไวน์ที่ดื่มง่าย ไวน์ส่วนใหญ่จะผลิตในถังเหล็กสแตนเลส เพื่อคงความสดชื่นและกลิ่นผลไม้ไว้ให้มากที่สุด แหล่งกำเนิดที่มีชื่อของไวน์โซวีญง บล็องในออสเตรเลีย จะมาจากภูมิอากาศเย็น (cool-climate) อย่าง Adelaide Hills และ Margaret River
เหมาะกับการจับคู่ : อาหารทะเล, ชีสแพะ, หรือสลัดผักที่มีน้ำสลัดรสเปรี้ยว
Riesling
ไวน์ Riesling (รีสลิ่ง) ในออสเตรเลียถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในรีสลิ่งที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะจากภูมิภาค Clare Valley และ Eden Valley ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสไตล์ที่แห้งสนิท (Bone-Dry) และมีความบริสุทธิ์ของรสชาติ ซึ่งถ้ามาจากออสเตรเลียจะมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยกลิ่นของมะนาวและซิตรัสที่คมชัด ไม่มีความหวาน ทำให้รสชาติมีความสะอาดและมีความเป็นกรดที่สดชื่นสูง นอกจากนี้ผู้ผลิตในออสเตรเลียมักใช้ฝาเกลียว ซึ่งช่วยรักษาความสดใหม่ของไวน์และทำให้ไวน์สามารถบ่มในขวดได้นานขึ้นโดยไม่สูญเสียคุณภาพ อาจจะให้ความรู้สึกทานยากกว่า ไวน์โซวีญง บล็อง
เหมาะกับการจับคู่ : อาหารเอเชีย, อาหารรสเผ็ด หรืออาหารทะเล
และยังมีไวน์ทางเลือกอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียง แต่ทั้ง 6 ประเภทนี้ คือสายพันธุ์องุ่นที่เป็นที่นิยมในการผลิตไวน์ และหาซื้อได้ทั่วไปในออสเตรเลีย ลองจำชื่อเหล่านี้แล้วลองไปหาดูตามร้านค้า
ภูมิภาคสร้างรสชาติไวน์อันเป็นเอกลักษณ์
ที่มาภาพ : queensland.com
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่กว้างใหญ่และมีภูมิภาคการปลูกไวน์หลากหลาย ซึ่งแต่ละแห่งก็มีสภาพอากาศและภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ทำให้ไวน์มีรสชาติเฉพาะตัว หากอยากรู้จักไวน์ออสเตรเลียให้มากขึ้น ลองสำรวจไวน์จากภูมิภาคต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ เพื่อค้นพบความแตกต่างด้วยตัวเอง วันนี้มามองภาพกว้างในแต่ละรัฐกันว่ามีแหล่งไหนที่โดดเด่น
South Australia
ที่รัฐเซาท์ออสเตรเลียทางตอนใต้ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตไวน์ออสเตรเลียเลยก็ว่าได้ โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมดของประเทศ รัฐนี้เป็นที่ตั้งของโรงไวน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่ง เช่น
- Barossa Valley : ไร่องุ่นชื่อดังเบอร์หนึ่งที่ตั้งอยู่ในหุบเขา เป็นที่รู้จักในฐานะบ้านของไวน์ Shiraz ที่มีรสชาติเข้มข้น จัดจ้าน
- McLaren Vale : ภูมิภาคหนึ่งที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล ทำให้องุ่นที่นี่ได้รับอิทธิพลจากลมทะเล ขึ้นชื่อเรื่องไวน์ Shiraz ที่มีความนุ่มนวล
อีกยังมีที่ Clare Valley, Eden Valley, Adelaide Hills และ Coonawarra ซึ่งผลิตไวน์แดงคุณภาพสูง
Victoria
รัฐวิกตอเรียโดดเด่นเรื่องไวน์ Pinot Noir และ Chardonnay ซึ่งมีภูมิภาคที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- Yarra Valley : เป็นแหล่งปลูกมีอากาศเย็น ทำให้ไวน์ Pinot Noir ที่ได้มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน มีกลิ่นหอมของผลไม้สีแดงและมีเนื้อสัมผัสที่หรูหรา ส่วนไวน์ Chardonnay ก็มีสไตล์ที่หลากหลาย ทั้งแบบบ่มโอ๊คและไม่บ่มโอ๊ค
- Mornington Peninsula : ภูมิภาคนี้ตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่ได้รับอิทธิพลจากลมทะเล ทำให้ Pinot Noir และ Chardonnay จากที่นี่มีรสชาติละเอียดอ่อนและซับซ้อน
Western Australia
- Margaret River : แม้จะเป็นภูมิภาคที่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียง แต่ก็ถูกยกย่องให้เป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก ด้วยอากาศที่คล้ายกับ Bordeaux ในฝรั่งเศส ทำให้ Margaret River มีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์ Cabernet Sauvignon และ Chardonnay ระดับพรีเมียม
New South Wales
- Hunter Valley : ภูมิภาคที่มีประวัติการผลิตไวน์ยาวนานที่สุดในออสเตรเลีย มีชื่อเสียงเป็นพิเศษในเรื่องของไวน์ Semillon ซึ่งเป็นไวน์ขาวที่มีรสชาติสดชื่นและสามารถบ่มได้นานจนมีรสชาติที่ซับซ้อน และไวน์ Shiraz และ Chardonnay ที่มีสไตล์เฉพาะตัว มีรสชาติที่นุ่มนวลกว่าไวน์จาก Barossa Valley และมีกลิ่นหอมของผลไม้สีแดง ซึ่งเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
แม้ว่าควีนส์แลนด์อาจไม่ใช่รัฐแรกที่นึกถึงเมื่อพูดถึงไวน์ออสเตรเลีย เมื่อเทียบกับรัฐอื่น ๆ ที่มีรางวัลระดับโลกการันตี แต่ก็ยังมีบางภูมิภาคที่สามารถผลิตไวน์คุณภาพได้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีอากาศเย็นอย่าง Granite Belt ซึ่งเป็นภูมิภาคที่สามารถปลูกองุ่นได้หลากหลายพันธุ์ เช่น Shiraz, Cabernet Sauvignon, Chardonnay และพันธุ์ทางเลือกอื่น ๆ ได้น่าสนใจไม่แพ้กัน ขับรถเพียง 3 ชั่วโมงจากตัวเมืองบริสเบน ก็สามารถไปเดินเล่นในไร่องุ่น จิบไวน์ที่ Cellar Door (ห้องชิมไวน์) และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาหินแกรนิตที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้
ทำไมต้อง Granite Belt ในเดือนกันยายน?
ที่มาภาพ : queensland.com
ฤดูใบไม้ผลิ (กันยายน - พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่องุ่นเริ่มแตกหน่อและออกดอก อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นและปริมาณแสงแดดที่มากขึ้นจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเถาองุ่น ที่ Granite Belt ในเดือนกันยายนเป็นช่วงที่อากาศกำลังดี อุณหภูมิจะเย็นสบาย แม้จะเป็นช่วงต้นฤดูกาลของไวน์ รสชาติของไวน์ที่ผลิตจากควีนส์แลนด์มักจะมีสไตล์ที่แตกต่างจากไวน์จากภูมิภาคอื่น เนื่องจากองุ่นสุกเร็วกว่า ทำให้ได้ไวน์ที่มีความเข้มข้นสูง มีรสชาติของผลไม้ที่สุกงอม และมีแทนนิน หรือความฝากที่นุ่มนวลกว่า ไวน์ขาวจะมีรสชาติของผลไม้เมืองร้อนที่เด่นชัด และที่ Granite Belt เอง ก็มีโรงไวน์หลายแห่งที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งแต่ละที่ต่างก็มีเรื่องราวและรสชาติที่แตกต่างกันไป นี่คือแหล่งผลิตไวน์ที่ที่อยากแนะนำให้ทุกคนไป
BALLANDEAN ESTATE WINES
หนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดของเขต Granite Belt ธุรกิจครอบครัวที่ดูแลโดยตระกูล Puglisi มานานกว่า 80 ปี จึงมั่นใจได้ถึงเชี่ยวชาญเรื่องไวน์อย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มลองไวน์ที่มีรสชาติแปลกใหม่ มาที่นี่ต้องแวะชิมไวน์ Viognier และ Malbec ไวน์ที่ผลิตจากองุ่นพันธุ์ทางเลือก "Strangebird" ที่ได้รับคำชมอย่างมาก
TOBIN WINES
โรงไวน์ที่ปลูกและผลิตไวน์ระดับพรีเมียมที่ทำด้วยมือในแบบลิมิเต็ดเอดิชัน โดยจำกัดการผลิตไว้สูงสุดเพียง 160 กล่องต่อปี ทำให้มั่นใจได้ว่าไวน์ทุกขวดถูกสร้างขึ้นด้วยความพิถีพิถันและความเคารพในศิลปะแห่งไวน์
BOIREANN WINERY
ถ้าคุณเป็นคนรักไวน์แดง โรงไวน์แห่งนี้เป็นจุดหมายที่ห้ามพลาด มีเชี่ยวชาญด้านการปลูกองุ่นแดงสายพันธุ์อิตาเลียนและฝรั่งเศส ผลลัพธ์คือไวน์รสเข้มข้นงดงามที่ยิ่งเก็บยาวนานก็ยิ่งมีคุณภาพดี ในปี 2017 Boireann ได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อ Top 100 Wines ของ James Halliday นักวิจารณ์ไวน์ (Wine Critic) ชื่อดังในวงการไวน์ของออสเตรเลียและได้รับการจัดอันดับเป็น Top 5 Star Winery ซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดแวะสำคัญเมื่อมาเยือนเขต Granite Belt
ที่มาภาพ : queensland.com
SYMPHONY HILL WINES
โรงไวน์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีความสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย ทำให้องุ่นมีรสชาติที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน และที่นี่ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ไวน์หลายคน และขึ้นชื่อเรื่องการทดลองปลูกองุ่นหลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 40 สายพันธุ์ สามารถลิ้มรสไวน์ที่ไม่ซ้ำใคร ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โรงไวน์ที่นี่เคยคว้ารางวัลจาก James Halliday มาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
HERITAGE ESTATE WINES
โรงไวน์ที่ได้รับรางวัลและได้รับการจัดอันดับให้เป็น "5-Star Winery" จาก Halliday Wine Companion ซึ่งเป็นคู่มือไวน์ที่มีชื่อเสียงของออสเตรเลีย โรงไวน์แห่งนี้ยังเป็นที่เก็บรักษาชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ของรัฐควีนส์แลนด์ไว้ด้วย นั่นคือโต๊ะประชุมที่สภาบริหาร (Executive Council) เคยนั่งประชุมกันในครั้งแรกเมื่อรัฐควีนส์แลนด์ถือกำเนิด สมกับชื่อ Heritage ที่หมายถึงมรดกทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
โลกของไวน์ออสเตรเลียเป็นเรื่องที่สนุกและน่าตื่นเต้นเสมอ วิธีที่ดีที่สุดในการค้นหารสชาติที่ใช่คือการลองชิมไวน์หลากหลายชนิดจากหลาย ๆ แบรนด์และภูมิภาค อาจเริ่มต้นจากแบรนด์ดัง อย่างเช่น Yellow Tail, Jacob's Creek หรือ McGuigan Black Label Red เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่ เพราะมีรสชาติที่เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง และหาซื้อได้ทั่วไป ไวน์ออสเตรเลียมีคุณภาพดีในทุกช่วงราคาและส่วนใหญ่จะระบุพันธุ์องุ่นไว้อย่างชัดเจนบนฉลาก (เช่น Shiraz หรือ Cabernet Sauvignon) ทำให้สามารถหาไวน์ที่รสชาติดีเยี่ยมได้โดยไม่ต้องจ่ายแพงเสมอไป
ยิ่งไปกว่านั้นหากมีวันหยุด การไปเยือนไร่องุ่นในออสเตรเลียจะไม่ใช่แค่การลิ้มรสไวน์ แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต ได้พูดคุยกับผู้ผลิตไวน์โดยตรง ได้รับความรู้ใหม่ ๆ และยังได้พักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ ผ่านวิวทิวทัศน์อันงดงามที่โอบล้อมไร่องุ่น
อย่าลืมปักหมุด Granite Belt ไว้ในแผนการเดินทางเดือนกันยายน แล้วจะรู้ว่าไวน์จากควีนส์แลนด์มีอะไรมากกว่าที่คิดแน่นอน
ที่มาข้อมูล
- www.wine-searcher.com
- www.wineaustralia.com
- www.qantas.com
- winecompanion.com.au
- vineyards.com
- www.queensland.com