ข่าวล่าสุด:
จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากวิกฤตไวรัส COVID-19 ทำให้หลายคนในช่วงนี้ต้องติดตามข่าวสารถี่เป็นพิเศษ ยิ่งตามก็ยิ่งเครียด แถมหดหู่ใจอีกต่างหาก จนเกิดเป็น Hashtag #กูติดยังวะ เลยทีเดียว วันนี้อยากลองให้เพื่อน ๆ วางมือถือลง หลับตาสักครู่และหายใจเข้าลึก ๆ แล้วมาหากิจกรรมอื่นๆทำ มาคลายความกังวลกันเถอะ
1. พัฒนาสกิลบางอย่าง ให้โปรฯไปเลย
ปกติในเวลาว่าง เพื่อนๆอาจจะมีงานอดิเรกที่เราชอบทำ เช่น การอ่านหนังสือ, การวาดรูป หรือเล่นเกมส์ ต่างๆนานา เราก็ถือโอกาสนี้แหละ ในการพัฒนาการอดิเรกของเราอย่างจริงจัง ปลดล็อคอีกทักษะไปเลย อย่างเช่น ปกติเราวาดรูปด้วยดินสอง่าย ๆ แต่พอเรามีเวลา เราก็เริ่มพัฒนามาเป็นการลงสี หรือวาดรูปวัตถุใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยได้ลองมาก่อน หรือแม้แต่ ใครที่ชอบร้องเพลงคลายเครียด ลองเปิด Youtube Channal เลย ให้เป็นพื้นที่ในการโชว์ผลงานเสียงร้องของเรา ยิ่งคนอื่นเห็นมาก บวกกับการได้รับคอมเมนต์จากคนภายนอก ก็เป็นอีกกำลังใจและการพัฒนาสกิลของเราได้ดีขึ้นอีกด้วย เผลอ ๆ ได้ดีจากตรงนี้หลังจากวิกฤตนี้ก็ได้เหมือนกันนะ
2. เริ่มต้นเรียนรู้ภาษาที่สาม หรือวิชาอื่นที่สนใจ
เรามาอยู่ที่นี่ภาษาที่สองอย่างภาษาอังกฤษทุกคนได้พัฒนาจากการใช้ชีวิตไปแล้ว แต่จะดีกว่ามั้ย ถ้าวันนี้เราได้เรียนรู้ภาษาอื่น ๆ มากขึ้นตามที่เราถนัดและมีความสนใจเป็นพิเศษ บางคนชท่นชอบซีรีย์เกาหลี ถ้าเราสามารถเข้าใจภาษาเกาหลีจากตัวละครเอง ดีกว่าอ่านซัพไตเติ้ลที่วิ่งไวประหนึ่งความเร็วแสง อีกหนึ่งรูปแบบการเรียนรู้ที่ง่าย และน่าสนใจ คือจากเพื่อนต่างชาติที่เรารู้จักนั่นเอง ลองมาเปิด Video Call ผลัดกันสอนภาษากันไปมา ได้เรียนรู้แถมแก้เหงาแบบ Social Distancing ไปอีกต่างหาก หรือว่าใครเขิน ไม่อยากให้คนใกล้ตัวสอน ก็สามารถเรียนรู้ผ่านช่องทางได้หลากหลายเลย โดยเฉพาะทางออนไลน์อย่าง edx.org , coursera.org , skillshare.com และ Platform อื่นๆ ให้ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่างที่ยอดนิยม ก็ได้แก่รายการใน Podcast ที่ให้เราได้ฟังสำเนียงจากเจ้าของภาษาเองเลย
3. รังสรรค์เมนูใหม่ที่ไม่เคยลองทำมาก่อน
แน่นอนแหละว่าทุกคนต้องผ่านการทำอาหาร (เพื่อการดำรงชีพ) กันอยู่แล้ว เวลาเยอะอย่างนี้ เรามาลองทำเมนูอาหารใหม่ ๆ กันดีมั้ย บางคนเองอาจจะไม่เคยทำเมนูขนมหวานมาก่อน ก็ถือโอกาสนี้แหละมาทดลองทำดู เริ่มต้นง่าย ๆ อย่างขนมไทยอย่าง สาคูเปียก, บัวลอย,กล้วยบวชชี ฯลฯ หรือจะเป็นอาหารสัญชาติอื่นที่เราได้เคยไปกินแล้วติดใจในรสชาติ อย่างช่วงนี้เห็นเพื่อนเราหลายคนคงติดซีรีย์สัญชาติเกาหลีบน Netflix กันน่าดู ว่าละก็ลองทำเมนูอาหารเกาหลี ที่ทำง่ายไม่ยากเลย อย่างเช่น ซุปเต้าหู้กิมจิ และอีกหนึ่งไอเดีย คือการดัดแปลงเมนูให้ไม่น่าเบื่อ ด้วยการเพิ่มวัตถุดิบใหม่ หรือเปลี่ยนรสชาติอาหารที่เราคุ้นเคยอยู่แล้วให้แตกต่าง ยกตัวอย่างเมนูไข่เจียวหมูสับธรรมดา ๆ วันนี้เรามาลองใส่เครื่องปรุงต้มยำดู ถือเป็นการทดลองอะไรใหม่ ๆ เผลอ ๆ อร่อยกว่าเดิมด้วย แถมได้กินอาหารที่เราคิดถึงอีกด้วยนะ
4. หันมาดูแลตัวเองและสิ่งรอบตัวอย่างจริงจัง
เราคนไทยนั้นแสนขยัน ร่ำเรียนทำงานหามรุ่งหามค่ำกันแทบทุกวี่วัน พอมาเจอวิกฤตแบบนี้ บางร้านอาจต้องหยุดให้บริการไป อาจจะทำให้กระสับกระส่าย กังวลถึงอนาคต สะสมเป็นความเครียดเลยก็เป็นได้ ลองไปหยิบกระจกมาส่องใบหน้า ร่างกายของเรา ถึงเวลาแล้วแหละ ที่เราต้องมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการ ดื่มน้ำเยอะ ๆ บ่อย ๆ วันละ 8 แก้ว, เข้านอนให้เร็ว และตื่นเช้าหน่อย เริ่มต้นออกกำลังกายทุกวัน และเลือกทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย เป็นต้น
สิ่งหนึ่งที่อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนเริ่มต้นทำตั้งแต่วันนี้เลย คือการทำความสะอาดพื้นที่อาศัยอย่างจริงจัง เอาแบบ Big Cleaning กันไปเลย เริ่มตั้งแต่การซักผ้า เปลี่ยนเครื่องนอน ปัด กวาด เช็ด ถู เฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้งานทุกวี่วัน บานจับ ลูกบิดที่เราใช้งาน อย่าได้วางใจกับสิ่งของใกล้ตัว ถ้าเราใส่ใจกับสิ่งใกล้ตัวให้มากขึ้น ก็ยิ่งปลอดภัยชีวิตมากขึ้นด้วยนะ
5. มองหาแรงบันดาลใจใหม่ปลุกไฟการเรียนรู้ในตัว
ผ่านมาแล้วกับสี่กิจกรรมข้างต้น หลายคนอาจจะบอกว่า ชั้นก็ทำแบบนี้อยู่แล้วทุกวัน มันก็ไม่ได้แปลกใหม่ตรงไหนเลย ดังนั้นข้อนี้เรามาหาแรงบันดาลใจใหม่กัน ซึ่งอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยปลายนิ้วของเรานี่เอง อย่างเช่น หาหนังสือดี ๆ สักเล่มอ่านในเรื่องที่เราสนใจ, การเข้าไปฟังหัวข้อที่น่าสนใจใน Ted Talk เป็นเวทีระดับโลก ที่รวม Guest Speaker ในวงการต่าง ๆ มาเล่าถึงเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์, ประวัติศาสตร์ หรือประสบการณ์ที่น่าสนใจของตัว Guest Speaker เอง หรือใครที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง การทำของ DIY สนุก ๆ จากของรอบตัวก็น่าสนใจเหมือนกัน อย่างเช่นการทำกระถางต้นไม้ปลูกผักสวนครัวริมระเบียง จากแกลลอนนม, ทำกระเป๋าผ้า สำหรับช้อปปิ้งจากเสื้อยืดเก่าที่ไม่ใช้แล้ว หรือใครมือโปรหน่อย ก็ทำชั้นวางของในห้องจากเศษไม้ ซึ่งไอเดียต่าง ๆ ก็หาได้ง่าย อย่างเช่นบนหน้าเว็บไซด์ Pinterest.com ก็ดี นอกจากจะสนุกที่ได้ประดิษฐ์อะไรใหม่ ๆ แล้ว ยังได้เป็นการบริหารจัดพื้นที่ไปในตัว หรือจะเพิ่มของแต่งบ้านใหม่ ๆ สร้างบรรยากาศรอบตัว ซึ่งจะนำไปพาไปยังข้อต่อไป นั่นคือ...
6. เปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวให้สะอาด สดใสไม่น่าเบื่อ
หลายคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ อย่างเช่นเราเองที่กำลังนั่งทำงานอยู่ บางเวลาก็มีความเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ แว๊บเข้ามาในหัวบ้าง เพราะใช้เวลามุมเดิม ๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน หากลองพับหน้าจอลงสักครู่ ลุกขึ้นมาจัดพื้นที่ ขยับของที่วางบนโต๊ะให้กว้าง ก็ช่วยดูน่าทำงานขึ้น และไม่ลืมที่จะเปิดหน้าต่าง รับลมภายนอก ช่วยให้เราสดชื่นมากขึ้น หรือถ้ามีเวลามากกว่านี้หน่อย ลองเปลี่ยนหรือขยับโคมไฟในห้อง เพิ่มของแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ตัวใหม่ ให้นั่งทำงานได้สบายยิ่งขึ้น ส่วนตัวเรามีสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้บรรยากาศการทำงานดีขึ้น นั่นคือการเปลี่ยนกลิ่นน้ำมันหอมระเหยในห้องใหม่ เปลี่ยนอารมณ์การอยู่ในห้องให้กระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น อีกหนึ่งไอเดียจากเพื่อนใกล้ตัวของเราที่ต้อง Work From Home แล้วเกิดอาการเฉื่อยในตอนเช้า สิ่งที่เพื่อนทำคือการแต่งหน้า แต่งตัวสีสันสดใส เหมือนเราออกไปเที่ยวข้างนอก การเปลี่ยนบรรยากาศทั้งสิ่งรอบตัวและตัวเราเอง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราลดความตึงเครียดด้วยเช่นกัน
7. พึ่งทางโลกไม่ได้ก็ต้องพึ่งทางใจ (Mindfulness)
ไม่ได้จะพาทุกคนเข้าทางธรรม แต่เราอยากให้ทุกคนมีสติ และโฟกัสกับปัจจุบัน อย่าเครียดหรือ Panic จนมากเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เหมือนกัน อย่างอาการนอนไม่หลับ, หงุดหงิดง่าย ขี้กังวล ฯลฯ การที่จะสามารถควบคุมความคิดและอารมณ์ของเราได้เป็นปกตินั้น เราจำเป็นต้องละความกังวลที่เราสร้างขึ้นมาซะก่อน เสพข่าวสารอย่างมีสติ ใครสายพุทธฯ อาจจะเริ่มสวดมนตร์ นั่งสมาธิ ใครสายออกกำลังกายก็เริ่มต้นเล่ยโยคะ ฝึกกำหนดลมหายใจก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้าใครสายวอกแวก (เหมือนเรา) สามารถใช้ตัวช่วยอื่น ๆ ได้เหมือนกัน เช่น Application Calm แอพฯยอดฮิต ที่ช่วยนั่งสมาธิและทำให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเสียงฝน เสียงนก เสียงลม เป็นต้น หรือจะเป็น Application Ten Persent Happier Meditation ที่ภายในแอพฯจะมีคลิปวิดิโอการสอนการฝึกสมาธิ ให้เราได้เรียนรู้ จดจ่อกับเนื้อหา หรือถ้าใครชื่นชอบการฟัง Podcast อยู่แล้ว ยิ่งดีใหญ่ เพราะเพียงแต่พิมพ์คำว่า “Meditation” บนช่องค้นหา ก็เต็มไปด้วยรายการที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และจิตใจของเราได้เหมือนกัน
8. หมั่นอัพเดทพูดคุยกับคนใกล้ตัวบนโลกออนไลน์
สถานการณ์ช่วงนี้ เราต่างจำเป็นต้อง Self-Isolation อยู่บ้านกันทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในออสเตรเลีย แต่ที่ไทยเองก็จริงจังกับเรื่องนี้เช่นกัน เพื่อลดการติดต่อของไวรัส ซึ่งใครที่เป็นสายท่องเที่ยวหรือ Extrovert อย่างเราก็ต้องมีอาการเหงา โดดเดี่ยว กันบ้างแหละ อยากออกไปข้างนอกก็กังวล อยู่แต่ในห้องก็แสนเบื่อ ดังนั้นเรามาใช้ช่องทางออนไลน์ เปิดไมค์เปิดกล้อง ทักทายคนของเราที่อยู่ไกล โดยเฉพาะเพื่อนๆ และสมาชิกครอบครัวที่อยู่ที่ไทย ส่วนเราเองก็ทักแชทถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับเพื่อน ๆ ต่างชาติที่เคยเรียนด้วยกันและกลับบ้านเกิดไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการเปิดบทสนทนาที่ดี หลังจากที่แยกย้ายกันไปนาน หรือการไปเข้าร่วมเล่น Challenge ต่างๆบนโลก Social ทั้งใน Facebook และ Instagram อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่เบื่อ แก้เหงาในระหว่างวันได้อีกต่างหาก
9. วางแผนอนาคตที่อยากทำหลังจากผ่านพ้นวิกฤตนี้
สุดท้าย ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน ปัญหาที่ผ่านมาตอนนี้ แม้ว่าจะยาวนานแค่ไหน แต่ก็เชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยความร่วมมือกันและเทคโนโลยีในยุคนี้ เวลาตรงนี้แหละ มาวางแผนกันดูซิว่า “ถ้าหมดช่วง COVID-19 นี้แล้ว สิ่งที่เราอยากทำมีอะไรบ้าง?” ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไป, กิจกรรมที่อยากออกไปทำ, ผู้คนที่อยากพบเจอ, ร้านอาหารที่อยากทาน, อีเวนท์ที่อยากไป ฯลฯ ลิสไว้เป็นข้อๆ แปะไว้ที่โต๊ะทำงาน อย่างน้อยเรามองเห็นก็ทำให้เรากระชุ่มกระชวยใจได้บ้าง อีกทั้งทำให้เรามองเห็นคุณค่าของเวลาและความสัมพันธ์มากขึ้นอีกด้วยนะ
อย่างน้อยช่วงเวลานี้ที่ต้องอยู่บ้านนาน นอกจากเราจะได้หันมาทบทวนตัวเองแล้ว ยังได้ใส่ใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น รวมถึงมองเห็นโอกาสใหม่ๆ หรือการรื้อค้นสิ่งที่เราคุ้นเคยในอดีต ออกมาใช้ หรือให้เราได้นึกถึงอีกครั้งนึงด้วย และที่สำคัญอย่าลืมให้กำลังใจกันและกัน สุขภาพที่แข็งแรง ย่อมมาพร้อมกับแรงใจที่ดีด้วยเช่นกัน
ตอนต่อไปเราจะมาแนะนำเรื่องอะไรกันอีก ติดตามต่อกันด้วยนะ
