ฉบับที่แล้ว(เดินเตะฝุ่น หางานในออสฯ ตอนที่ 1)มีหลายๆคนบ่นว่า... จบแบบอารมณ์ค้างทำไมไม่เขียนต่อให้จบ ก็แค่อยากลองเช็คเรตติ้งนิ๊สนึงว่ามีคนรออ่านอยู่หรือเปล่านะคะ ซึ่งจริงๆแล้วถ้าจะเขียนต่อเลยมันยาวไปหน่อย พี่ก็เลยจำเป็นต้องยกมาต่ออีกบทความ...
อะเรามาว่ากันต่อ... ปัญหาจากฉบับที่แล้ว ที่เรามักจะหางานทำที่ออสเตรเลียกันไม่ได้ ก็เพราะว่าเราไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาจากไทยเลย ตอนเรียนก็เรียกได้ว่าเรียนกันอย่างเดียว งานการไม่เคยต้องทำ พอมาที่นี่มีแต่ถามหาประสบการณ์ๆๆๆ แล้วจะเอาที่ไหนมาเขียน...
พี่ถามก่อนว่า... เราคาดหวังจากตำแหน่งการงานหรือเปล่า มีหลายๆคนที่สมัครงานที่ออสไม่ได้เพราะคาดหวังกับตำแหน่งงานค่อนข้างมาก เช่น ระดับชั้น จบตั้งปริญญาโท จะให้มาทำงานแค่ officer ได้ไง แบบนี้มันต้อง manager หรือ assistant manager มันถึงจะสมเหตุสมผล
ก็อย่างที่บอกแหละ... ประสบการณ์มันยังไม่มี เรียนมาอย่างเดียวมีแต่วุฒิ ซึ่งขอบอกที่นี่เขาไม่ค่อยสนใจตรงนี้เท่าไหร่นัก ว่าเราจะจบจากวุฒิไหนมา ปริญญาอะไร สถาบันไหน (Who cares!!!!!) แล้วเราอยากจะมาเป็น manager มันก็ยากอยู่ ซึ่งการที่เรายังไม่เคยทำงานเลย แต่จะต้องมาทำงานที่ต้องแก้ปัญหาในที่ทำงาน และแก้ปัญหากับคนที่เขามีประสบการณ์มาเป็น 6-7 ปีแบบนี้ เราจะแก้ให้เขาได้ไหม... เป็นนายจ้างที่ไหน เขาก็คงต้องคิดแบบนี้นะพี่ว่า
แล้วหนูจะทำอย่างไงดี.....
วิธีแก้ปัญหา ก็คือ มีประสบการณ์ในการทำงานซะก็หมดเรื่องงๆ อ้าว.... ก็เพิ่งจะบอกว่ามันไม่รับ ใจเย็นๆ นะน้อง
วิธีที่จะให้รับก็คือ สมัครในตำแหน่งที่ต่ำลงมาหน่อยสิ โดยเอาวุฒิที่พอๆ กันมาสมัคร ไม่ใช่สมัครเป็น officer แต่เอาวุฒิปริญญาโทมาโชว์ โอ้โห....แบบนี้ มันก็ over qualify เขาก็เกรงใจไม่กล้าจ้าง เพราะฉะนั้นเวลาสมัครให้ดูว่า สายวิชาใกล้กัน เอาตำแหน่งต่ำลงมาหน่อย แล้วเอาวุฒิต่ำลงมาหน่อยสมัครแทน
แหม... พี่อย่างนี้ก็เสียเกรดอะดิ จบมาตั้งสูง ได้ตำแหน่งแค่เนี่ยะ....เฮ้อ... ถ้าคิดแบบนี้พี่ว่าเราค่อนข้างจะเลือกงานไปหน่อย และก็เลือกแบบที่ไม่มีให้เลือกอีกต่างหาก จริงๆพี่อยากให้มองแบบนี้ ให้มองที่จำนวนเงินก็ได้ รับรองว่าเงินเดือนในตำแหน่งที่ต่ำกว่าที่ให้สมัครนี่อะนะ ถ้าสมัครได้ เขารับ เงินเดือนก็ยังจะสูงกว่า ตำแหน่งสู๊ง สูง ที่เราอยากได้ในเมืองไทยจริงไหมหละ ยังไงก็เท่ห์ก็ว่าอยู่ดีอะ และอีกอย่างพี่มั่นใจ สายเลือดไทยชาติเชื้อไทยเนี่ยะ โครตขยัน ยังไงๆ ก็ขยันกว่าคนที่นี่ อีกอย่างมารยาทก็ดีกว่า มีความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักเกรงใจ รู้จักอาวุโส ซึ่งฝรั่งไม่ค่อยมี เพราะฉะนั้น ทำๆไปรับรองนายจ้างรักแน่นอน เดี๋ยวเขาก็โปรโมทให้ไปอยู่ตำแหน่งสูงๆ เงินเดือนดีๆ เองหละ ขอให้ตั้งใจทำงานก็แล้วกัน รับรองว่าวิธีนี้ได้ผล พี่แนะนำไปหลายคน เขาก็ได้โปรโมทในเวลาอันรวดเร็วจริงๆ แทบทุกราย ขออย่างเดียวอย่าขี้เกียจ อย่ารู้มากใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตนของไทยๆ ที่มีมาในสายเลือดให้เป็น รับรองได้ดีทุกรายคะ
แต่ถ้าวิธีแรกมันก็ยังไม่ได้ มีวิธีอื่นอีกไหม....
มีคะ ก็คือสร้างประสบการณ์ขึ้นมาเอง อะ อะ อะ.... รู้นะ คิดอะไร ไม่ได้ให้โกหก แต่ให้สร้างขึ้นมาจริงๆ
เขาเรียกว่า Internship program คะ ซึ่งจริงๆ แล้ว โปรแกรมนี้ไม่ใช่ของใหม่นะ ของเก่าเก็บมานานแล้วหละ แต่ว่าไม่ค่อยมีใครทราบกัน แต่เด็กนักเรียนใน โซน ยุโรป อเมริกาจะรู้จักโปรแกรมนี้ดี และสมัครกันเยอะเลยคะ อย่างเดี๋ยวนี้บางสถาบันก็เริ่มที่จะมีโปรแกรมแบบนี้ให้เลือกลงด้วย อย่าง QUT ก็จะมี Internship program ที่เสนอกับนักเรียน QUT ด้วยกัน อ่ะ... ใครที่เรียน QUT ลองเข้าไปดู link นี้นะคะ http://www.ciprecinct.qut.edu.au/students/sep/internship.jsp
แล้วถ้าหนูไม่ได้เป็นเด็ก QUT หละ ทำไง... แล้วไอ้โปรแกรมนี้คืออะไร
Internship program เป็น โปรแกรมฝึกงานให้กับนักเรียนที่ต้องการฝึกงาน และต้องการได้ประสบการณ์การทำงานแบบ real world กับบริษัทชั้นนำในออสเตรเลีย ซึ่งโปรแกรมนี้รับรองว่า ไม่ให้ไปจัดไฟล์ เสริฟน้ำ หรือเดินเอกสาร แต่เป็นการทำงานเสมือนกับเราเป็นพนักงานจริงๆ ของเขาเลยคะ พอจบโปรแกรมแล้ว เขาจะออกไป certificate ยืนยันการทำงานของเรา เท่านี้เราก็มีประสบการณ์การทำงานกับเขาแล้ว และถ้าทำงานได้ดี เก่ง ขยัน อย่างทีพี่บอก ใครจะไปรู้ นายจ้างอาจจะอยากจ้างต่อก็ได้นะคะ
ที่บริสเบนนี้ก็มี Internship program ที่เอาไว้รับรองเช่นกันคะ ซึ่งมีทุกสาขาอาชีพเลย ไม่ว่าจะเป็นทาง business, management, marketing, advertising, nursing, hospitality etc.
แล้วได้เงินไหม เฮ้อ... คำถามของคนขี้งก..... (5555 ล้อเล่น)
สำหรับค่าจ้างงานต้องบอกว่ามีทั้ง แบบได้เงิน และเสียเงินคะ ส่วนใหญ่แบบที่ได้เงินจะเป็นพวกที่ทำงานทางด้าน hospitality นอกนั้นต้องเสียเงินให้กับบริษัทคะ แต่ค่าใช้จ่ายในแต่ละอาทิตย์ไม่สูงมากคะ สนนราคาประมาณ 200 เหรียญ ต่ออาทิตย์เท่านั้นซึ่งถูกกว่าเรียนภาษาอีกคะ โห..ทำไมต้องไปทำงานฟรีให้เขาด้วย แถมเสียเงินให้อีกอะ ไม่แฟร์เลย...
อืม... พี่ว่ามันก็ win win situation นะ เพราะการที่จะให้บริษัทใหญ่ๆ รับเราเข้าทำงานนั้นมันไม่ง่าย ก็อย่างที่รู้ๆอยู่ แต่บริษัท Internship program เขามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนายจ้างหลายแห่ง และการที่จะให้นายจ้างเขากล้าจ้างเราทำงาน แล้วเขาต้องเสียเงิน เขาคงไม่เอาด้วยกับเรา เพราะไม่งั้นเราคงหางานกันง่ายๆแล้วหละ แต่ที่เขากล้ารับเราเข้าทำงานเพื่อให้เราไปป่วนบริษัทเขา เอ้ย... เพื่อให้เราได้ฝึก เขาเองก็ต้องเสียเวลา เสียบุคลากรบางคนเพื่อมาทำงานคู่กับเราสอนงานเรา ถ้าเราอ้างว่าก็ฉันทำงานให้ฟรี เธอจะมาเอาเงินอะไรกับฉันอีก แหม... ถ้างี๊เขายอมเสียเงินเพิ่มอีกนิด แล้วได้คนทำงานเป็นเลยมาทำงานไม่ดีกว่าเหรอ พี่ถึงได้บอกไง ว่ามัน win win situation กัน เขาได้เงินเราไปเพื่อให้คนที่ทำงานไม่เป็นแบบเราทำงาน และ ต้องเสียคนของเขามาสอนงานเราอีก ค่าตัวคนๆนั้นแพงกว่า 200 เหรียญต่ออาทิตย์แน่ๆ พี่รับรอง...
แต่ว่าผลที่จะได้ตามมาดีก็คือ เราได้ทำงานกับบริษัทชั้นนำของออสเตรเลียจริงๆ ได้ทำงานจริงๆ และหลังจากจบโปรแกรมเราจะได้ใบผ่านงาน ที่รับรองว่าเราเคยผ่านการทำงานกับบริษัทนี้มาแล้ว ซึ่งเราสามารถแนบกับใบสมัครงานที่มันถามหาประสบการณ์ หรือเราจะใส่ไว้ใน Resume’ มันก็เท่ห์ดีนะพี่ว่า ถ้าเอาไปสมัครงานที่เมืองไทย พี่ว่าที่ไทยคงตื่นเต้นที่เห็นเรามีประสบการณ์จากเมืองนอกเมืองนามา หางานทำที่ไทยก็ไม่น่าจะยากแล้วหละ บางทีกระดาษใบนี้อาจจะอัพเงินเดือนสูงๆ ให้เราได้อีกต่างหากนะ ลองคิดดู
ถ้าน้องเรียนที่มหาลัยพี่อยากให้ลองดูสิว่าที่มหาลัยเรามีโปรแกรมแบบนี้ให้กับนักศึกษาไหม ถ้ามีไปทำเหอะเชื่อพี่ได้เงินหรือเสียเงินทำไปก่อน อย่างน้อยเอาประสบการณ์มาไว้ พอสมัครงานงวดหน้าจะได้มีนายจ้างเรียกทำงาน จะได้ไม่ต้องโดนปฎิเสธแบบตอนนี้ที่ว่าไม่เคยทำงานมาก่อนเขาไม่รับ
แต่สำหรับน้องๆ ที่ไม่ได้เรียนที่มหาลัย และอยากรู้ว่า Internship program คือ อะไร ติดต่อมาที่ พี่เอ๋ 07 32118334 หรือ email : Piyawun@hotmail.com ถ้ามีจำนวนมากพอ พี่จะเชิญบริษัท Internship program มาให้คำปรึกษาน้องๆ คะ
ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการสมัครงาน และได้งานทำที่ออสเตรเลียนะคะ
แล้วเจอกันฉบับหน้า สวัสดีคะ...