สวัสดีคะ นาน น๊าน นาน เลยนะคะ ที่ไม่ได้ update คอลัมภ์นี้กันเลย วันนี้พี่อยากจะคุยเกี่ยวกับการเลือกคอร์สของน้องๆ คะ เพราะที่ผ่านมาเจอหลายเคสเหลือเกินที่เลือกคอร์สได้อย่างสะเปะสะปะอย่างแรง... ทำให้รอบต่อไปในการทำวีซ่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน
ถึงแม้ตอนนี้เราจะมีรัฐบาลใหม่แล้ว และเหมือนกับว่ารัฐบาลชุดนี้จะสนับสนุนการศึกษาให้กลับมาเป็นสินค้านำเข้าของประเทศออสเตรเลียอีกครั้งก็ตาม แต่พี่ว่าการพิจารณาวีซ่าก็คงไม่ ง่าย ง๊าย ง่าย เหมือนก่อนแน่นอนคะ.... เพราะฉะนั้นวางแผนดีๆ กว่าว่าจะเรียนอะไรเพื่ออะไร พี่อยากให้คำนึงถึงเรื่องนี้จริงๆ เพราะเราควรได้ใช้มันต่อยอดให้กับเราในภายภาคหน้า (จ่ายเงินไปแล้วก็ให้ได้อะไรต่อมิอะไรคุ้มกันหน่อยจริงไหม.....)
แล้วถ้าถามพี่ว่าจะให้ลงเรียนอย่างไหน อย่างไรหละคะ .....คำตอบง่ายมากคะ ก็เลือกเรียนที่เราอยากจะเรียนจริงๆ นั้นแหละคะ ที่เราอยากจะรู้จริงๆ ข้อดีคือ เราจะขยันเรียนไปโดยปริยาย และเมื่อเราขยันเรียนแล้ว งานออกมาก็จะดี ผลเรียนก็จะดี และครูก็จะร๊ากกกก ... เป็นพิเศษ ใครจะไปรู้หละคะ ครูอาจจะแนะนำงานดีๆ ให้เราทำก็ได้ หรืออย่างน้อยพี่ว่าทำให้ profile ของเราดูดีขึ้น ก็เท่ห์ดีไม่หยอก จริงไหมคะ.....
แต่ถ้าต้องการเรียนต่อนานๆ แบบที่หลายๆ คนชอบเข้ามาถาม สิ่งแรกที่ต้องดูเลยคือตัวเรานะจบมาสูงสุดคืออะไร แล้วคอร์สที่เราจะเรียนต่อนะ มันต่ำกว่าวุฒิที่มีมาหรือเปล่า เช่น จบปริญญาตรีทางบริหารมา (B of business) แล้วจะมาเรียนต่อ Diploma of Business แบบนี้ก็ท่าจะไม่ไหว เพราะคอร์สตรงกันแบบสุดๆ และคอร์ส Diploma ก็ต่ำกว่าคอร์สปริญญาตรีที่มีอยู่เป็นต้น อีกอย่างมันก็ไม่ทำให้น้องมีความรู้เพิ่มขึ้นเท่ากับเรียนของเก่า แต่เรียนด้วยภาษาใหม่ คือภาษาอังกฤษ อ้าว.... แล้วถ้าเป็นแบบนี้จะให้เรียนอะไรหละคะ???? ฮืม.... ก็ถ้าไม่อยากเรียนโทจริงๆ แล้วหละก็ (เพราะมันก็ยากส์...อะเนาะ ก็เข้าใจ) อยากเรียนแค่ Diploma ก็ระบุสาขาสิคะ เช่น Marketing, Human resource เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราได้เรียนเฉพาะเจาะจงมากกว่า อีกอย่าง Diploma ก็จะเรียนในลักษณะปฎิบัติ ซึ่งจะทำให้เราได้เอาไปใช้จริงๆ กว่าเรียนทางทฤษฎื ซึ่งก็จะทำให้ Resume สวยและเท่ห์ สมัครงานแล้วมั่นได้นะเออ...
แล้วถ้าต้องการเรียนแล้วเรียนอีก เรียนยาวๆ เลยมีไหม???? โอ๊ะ โอ... แบบนี้คงไม่ได้มาเรียนแล้วมั้งพี่ว่า ถ้าต้องการอยู่ที่นี่ทำไงเลยดีกว่า น่าจะเป็นคำถามที่ตรงประเด็นที่สุด คำตอบก็คือ หางานทำ แล้วให้นายจ้างๆ งานเรา แต่งานนั้นๆ เราต้องเรียนจบหรือมีประสบการณ์มาทางสายอาชีพนั้นๆ ด้วยนะ และนายจ้างก็ต้องมีรายได้ดีพอที่จะสปอนเซอร์เราได้ด้วย เช่น จบมาหรูเชียว Engineering electrical แล้วจะมาสมัครเป็น Chef แหม.... แบบนี้ก็เกิ้นไป๊.... หรือร้านเปิดมา 3-4 ปีแล้วแต่ขาดทุนทุกปี แบบนี้ก็สปอนเซอร์ใครไม่ได้ เป็นต้น
อ้าว....แล้วงี้ทำไงหละ ก็ลงเรียนเพิ่มสิ เช่น เปลี่ยนสายอาชีพเรียนไปเลย อย่างเพิ่งรู้ตัวว่า ต๊าย....ฉันชอบทำครัวนะยะ ไม่ได้ชอบไฟฟ้าก็มาเรียน Commercial cookery ทำให้ตัวเองมีทักษะ แล้วก็ตั้งใจเรียนจะได้มีคนมาจ้างเราทำงานไงหละ แล้วก็ถ้าฝึกงานที่ไหนก็ขยันๆ เข้าไว้ รับรองเข้าตากรรมการชัวร์.....
จริงๆ แล้ว มาเรียนต่อเมืองนอกเมืองนา พี่ก็เห็นด้วยนะ เพราะจะได้เปิดวิสัยทัศน์ของเราในการเห็นประเทศอื่นและเห็นการพัฒนาของเขา ได้เอาความรู้ความสามารถของเรากลับไปช่วยชาติได้อีกไม่กี่ปีก็จะเป็น AEC ยกทรงชั้นดีมีมาตราฐาน ....อะเจ้ย... เข้าสู่สังคม Asean อย่างเต็มตัวแล้ว การใช้ภาษาอังกฤษในประเทศไทยย่อมมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่ๆ เพราะฉะนั้น คนที่เรียนจบจากที่ออสเตรเลียนี่ พี่คิดว่ากลับไปอย่างน้อยน่าจะหางานได้ง่ายขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้เขาต้องการคนใช้ภาษาอังกฤษเป็นในการทำงานทั้งนั้น เตรียมตัวให้พร้อมและใช้ให้เป็นจริงๆ เหอะ
ไหนๆ ก็ได้มาเรียนไกลถึงขนาดนี้ พี่ก็อยากให้เราได้ประโยชน์ อย่างน้อยมาเปิดวิสัยทัศน์ตัวเอง มาฝึกการใช้ภาษาแบบจริงๆ จังๆ ตั้งใจเรียนคอร์สที่เราสามารถเอามาต่อยอด หรือทำฝันให้เป็นจริงได้ พี่ว่าความสำเร็จย่อมอยู่กับคนที่ตั้งใจเสมอแหละ เห็นด้วยไหม
ขอให้ตั้งใจเรียนและประสบความสำเร็จกันทุกคนนะคะ