เพิ่งจะเปิดไปได้ไม่นาน เหล่าฟู้ดดี้นักชิมทั้งหลายก็ไม่รอช้าที่จะไปลิ้มลองรสชาติความเป็นร้านอาหารแบบโอมากาเสะ ที่มาเปิดให้ชาวบริสเบนได้ดื่มด่ำไปกับซูชิแบบพรีเมี่ยม ทำเอาใครหลายคนโบกมือลาซูชิสายพานไปเลย
Shishou by Takashi เป็นร้านเล็ก ๆ มีเพียง 12 - 14 ที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ จึงเป็นที่รู้กันว่าการเดินผ่านไปชิลชิลเพื่อจะแวะทานอาจจะไม่ได้ ดังนั้นจำเป็นจะต้องมีการจองล่วงหน้า หากไปคนเดียวหรือเป็นคู่อาจจะหาวันเวลาว่างจองได้ง่ายหน่อย ยิ่งจำนวนคนเพิ่มขึ้นก็อาจจะต้องจองล่วงหน้าขั้นต่ำกันเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์เลยทีเดียว และทางร้านไม่สามารถรับลูกค้าเด็ก ด้วยการออกแบบของร้านที่ไม่เหมาะสมสำหรับเก้าอี้เด็กและพื้นที่สำหรับรถเข็น
บรรยากาศมองจากข้างนอกร้านแล้วดูสะดุดตาออกมาเลย เพราะหน้าร้านเป็นกระจกใส เปิดไฟสว่าง ร้านญี่ปุ่นแท้ ๆ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้เห็นภายในร้าน เราจะเห็นแค่ประตูไม้เลื่อนเท่านั้น พนักงานพาเราไปนั่งที่โต๊ะ โดยใครมาก่อนก็จะได้นั่งที่ข้างในสุด ไล่ออกมาเรื่อย ๆ คนส่วนใหญ่ก็มาเป็นคู่ ๆ นั่งเรียบร้อยแล้ว พนักงานเค้าก็จะเอาอาวุธคู่กายของค่ำคืนนี้มาให้เราเลือก คือ ตะเกียบไม้สไตล์ญี่ปุ่น
รายการเครื่องดื่มมีทั้งไวน์ขาว ไวน์แดง สาเก เหล้าบ๊วย และโชจู มีหลายราคาแล้วแต่ปริมาณ
วันที่เราไป มีเพียงคอร์สแบบสั้น (short course) $85 ให้เลือกเท่านั้น ซึ่งจะได้อองเทร 2 จาน นิกิริซูชิโอมากาเสะ 8 คำ ซุปมิโซะ ของหวาน และชาเขียวร้อน 3 แบบ ซึ่งพนักงานจะคอยมาเปลี่ยนแก้วให้เป็นระยะ ๆ ระหว่างที่เราทาน ชาแก้วแรกฟังชื่อไม่ถนัด แต่กลิ่นและรสมีความหอมแบบดอกไม้ เฟรช ๆ หน่อย แก้วที่สองเป็นชาข้าวคั่ว(Genmaicha) และแก้วสุดท้ายเป็นมินท์
เปิดประเดิมมาด้วยอองเทรจานแรก เป็นปลาเนื้อขาวดิบแล่บางพอดีคำ เสิร์ฟมาในซอสเปรี้ยวพอนสึ (Ponzu) ความสดของปลารู้สึกได้ ไม่มีกลิ่นคาว
อองเทรจานที่สอง หน้าตาสวยงามแท้ เป็นเนื้อวากิวดิบโปะมาด้วยหอยเม่น (Sea Urchin หรือ Uni) และไข่ปลาคาเวียร์ เสิร์ฟบนใบชิโซะ คำนี้แนะนำให้รวบใบชิโซะขึ้นมาด้วยและจิ้มโชยุแบบเบา ๆ จะได้ไม่กลบรสชาติของวัตถุดิบอย่างดี ตามหลักคือต้องกินทั้งคำอย่างที่เชฟจัดมาให้ รสชาติมันจะได้ละมุนกลมกล่อมทั่วทั้งปาก ใครมาเดทกันร้านนี้ต้องเลือกละล่ะระหว่างภาพพจน์กับความอร่อย ฮ่าๆๆ ความสดของเนื้อวากิวและหอยเม่นคือสดไม่มีคาว หอยเม่นไม่มีกลิ่นโฟมพลาสติกแบบหอยเม่นที่ขายตามร้านซูชิสายพานส่วนใหญ่ รสชาติของหอยเม่นไม่เข้มมาก และมีความชุ่ม ส่วนไข่ม้วนญี่ปุ่น (ทามาโกะยากิ) ก็ไม่ธรรมดานะจ้ะ ใส่ทรัฟเฟิล (Truffle) มาด้วย ปาดวาซาบินิดนึงจิ้มโชยุ เป็นอีกรสชาติที่มีความหวานของไข่ กลิ่นทรัฟเฟิลอ่อน ๆ มาตัดรสวากิว หอยเม่น และคาเวียร์ได้สมดุลดี
แค่ออนเทรสองจานนี้ผ่านไปก็ฟินแล้ว อะดรีนาลีนหลั่ง ลืมไปแล้วว่าตัวนั่งอยู่ที่บริสเบน ฮ่าๆๆ ซูชิคำแรกของเราวันนี้คือกุ้ง Scampi โปะคาเวียร์มาหน่อย ตอนเสิร์ฟ คุณลุง Takashi ก็จะบอกว่ามันคืออะไรและเป็นวัตถุดิบจากที่ไหน Scampi เนื้อหวานเด้ง ๆ ความสดผ่าน สำหรับตัวข้าวซูชิ อาจจะด้วยข้อจำกัดเรื่องวัตถุดิบที่มีอยู่ในประเทศออสเตรเลียหรือบริสเบนเอง เมื่อเทียบกับข้าวซูชิที่ญี่ปุ่นก็มีความแตกต่างกันอยู่ แต่แน่นอนว่าคุณภาพข้าวดีกว่าร้านซูชิสายพานหลาย ๆ ร้านเลย สัดส่วนของข้าวกับชิ้นปลา (หรือของดิบ) ลงตัว การปั้นข้าวที่ไม่แน่นไม่หลวมเกินไป สมกับฝีมือการเป็นเชฟซูชิของคุณลุงจริง ๆ
คำที่สองเป็นหอยเชลล์อะบุริกับซอสทรัฟเฟิลและทรัฟเฟิล โอ้ว้าว เข้าก๊านเข้ากัน
คำที่สามเป็น Yellowtail หรือฮามาจิ ที่ทำให้คนที่ปกติไม่ชอบปลาชนิดนี้ถึงกับอาจจะต้องคิดใหม่
คำที่สี่ ของโปรดเลย แซลมอนและไข่ปลาแซลมอน (อิคุระ) แต่มันไม่ใช่แค่ปลาแซลมอนธรรมดา ๆ ทั่วไป มันเป็น dry aged salmon ซึ่งมีความแตกต่างจากแซลมอนทั่วไปที่เรากินนิดหน่อย ตรงที่เนื้อจะไม่ฉ่ำมาก ทำให้สัมผัสรสของเนื้อแซลมอนได้มากขึ้น ตัวไข่ปลาก็มีรสชาติพอดี ไม่เค็มเค้มเค็มเหมือนที่อื่น มาถึงจุดนี้เริ่มปวดหัว อะดรีนาลินพุ่งพล่าน ต่อมความสุขทำงานต่อเนื่อง เมาดิบไปตาม ๆ กัน
คำที่ห้า อ่ะ อันนี้เมนูหากินอร่อยยากมาก ๆ เป็นหอยเม่นจากแทสมาเนีย สด ไม่มีกลิ่นโฟม ปริมาณเต็มคำไม่มีกั๊ก สีสันสดใสชุ่มฉ่ำสะท้อนไฟวิ๊ง ๆ รสชาติไม่เข้มมาก ละมุน ๆ ทำให้ทานง่าย คนที่ไม่เคยลองหรือเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยประทับใจ คำนี้น่าจะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหอยเม่นเดิม ๆ ได้ คอนเฟิร์มแล้ว เพราะคนข้าง ๆ เราบอกว่าเกลียดเมนูนี้มาตลอด มาชอบที่นี่แหละ นั่น! ถ้าเปรียบกับหอยเม่นที่ญี่ปุ่นของญี่ปุ่นจะมีรสชาติที่เข้มข้นและหวานกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของหอยเม่นด้วย รสชาติก็จะต่างกันไป
คำที่หก โอ๊ะโอ๊ะโอ โทโร่ (พุงปลาทูน่า) มาละคร้าบ เป็นเหมือนจานบังคับที่ร้านโอมากาเสะต้องมี สำหรับโทโร่ชิ้นนี้เป็นส่วนที่ไม่มันมาก มีความกรุบเด้งของเนื้อปลาและมันที่พอดี ชิ้นหนาใหญ่ใช้ได้
คำที่เจ็ด วากิวจับคู่กับฟัวกรา (Foie gras) หรือตับห่าน อะบุริ หยดซอส โปะด้วย white truffle คุณลุงมีการให้เราได้สูดกลิ่น white truffle ด้วยการถือโชว์ให้แขกทุกท่านได้ดูอย่างใกล้ชิด คำนี้มันใหญ่จี ๆ คำเดียวเอาไม่อยู่ เพราะวากิวซ้อนกันมาสองชั้น ทุกอย่างเข้ากันได้ดีไปหมด
และคำสุดท้ายก็มาถึง หมดแล้วเรอะ!? อร่อยเพลินจนลืมนับ คำที่แปดคือปลาไหล (อุนางิ) ชิ้นใหญ่มาก ย่างมาเกรียมนิด ๆ มีทั้งความกรอบ นุ่ม หอม หวาน ไร้ก้าง (หรือมีแต่มันเล็กและละเอียดมากจนรู้สึกว่ามันไม่มี) คุณภาพดีจริง ๆ เพราะถ้าเป็นปลาไหลที่ไม่ได้มาจากญี่ปุ่น ไม่ขอออกชื่อประเทศแต่คาดว่าคงรู้ ๆ กัน ก้างมันจะเยอะและใหญ่
จบรายการซูชิ เหลือบไปเห็นเค้ากำลังเตรียมเสิร์ฟซุปมิโซะ โว้ว ใหญ่กว่าถ้วยราเมงอีก จะกินหมดไหม? แต่พอมาเสิร์ฟก็โอเค ที่ไม่ใช่ถ้วยขนาดปกติก็เพราะของที่ใส่มาในซุปเป็นหอยตลับตัวใหญ่และหัว Scampi ให้ได้แทะเล่น รสไม่เข้มมาก ซดสบาย ๆ ได้เรื่อย ๆ หอยเนื้อหวาน ไม่เหนียว
ปิดท้ายด้วยของหวานล้างปาก วันนั้นเป็นมาการองชาเขียวไส้วนิลาและแยม เสิร์ฟมาพร้อมกับเชอรี่และบลูเบอร์รี่สด อาจจะหวานไปนิดแต่ทานคู่กับชาก็พอดี
อิ่มกันแล้ว คุณลุงก็จะถามว่าอาหารวันนี้เป็นยังไงบ้าง เอาไปเลยสองไลค์คร้าบ ขอคุณลุงถ่ายรูป คุณลุงบอกให้ลุงไปยืนถ่ายด้วยมั้ย คุณลุงน่ารักเฟรนด์ลี่มาก ๆ โดยรวมแล้วทั้งบรรยากาศ การบริการ รสชาติ ความสด และคุณภาพของวัตถุดิบ ทำให้อาหารมื้อนี้ไม่มีคำว่าไม่คุ้มราคา หากใครที่เป็นคออาหารญี่ปุ่นและซูชิ ร้านนี้น่าจะช่วยลดความคิดถึงญี่ปุ่นให้น้อยลงได้
ใครวางแผนจะไปชิม สามารถจองได้ผ่านทางเว็บไซต์ของร้าน โดยจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต แต่ทางร้านไม่ตัดเงินค่ามัดจำ หากต้องการยกเลิกการจอง ต้องยกเลิกก่อน 12pm ของวันก่อนหน้าที่จอง หากทำการยกเลิกภายใน 24 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาจอง เราจะถูกตัดบัตรเป็นราคาขั้นต่ำของคอร์สอาหารคือ $85 โดยต้องส่งอีเมล์ขอยกเลิกการจองไปที่ reservations@shishou.com.au
ที่อยู่ร้าน: Shishou By Takashi, 356 Brunswick St, Fortitude Valley QLD 4006
เบอร์ติดต่อ: 0448 648 699
เว็บไซต์: https://shishou.com.au/