อำลา Middle Earth กับภาคจบของภาพยนตร์ไตรภาค The Hobbit: The Battle of the Five Armies เรื่องราวการพจญภัยของ Bilbo Baggins และเหล่า Dwarf อันเป็นเหตุการณ์ก่อนที่จะมาเป็น The Lord of the Rings ซึ่งเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวัน Boxing Day 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา..
หนังเริ่มเรื่องต่อจากภาคที่แล้วกับเจ้ามังกร Smaug ผู้เฝ้าสมบัติของเหล่าคนแคระใน Erebor ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทำลายเมือง Laketown ภาคนี้นับได้ว่าคงถูกใจแฟนหนังแอคชั่นเป็นแน่แท้ มีการใช้กราฟฟิคการต่อสู้แบบใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในภาคผ่าน ๆ มา
อีกทั้งยังได้เห็นแอคชั่นจากตัวละครหลากหลาย เอกลักษณ์การต่อสู้ของเผ่าต่าง ๆ และมอนสเตอร์พันธุ์ใหม่ อารมณ์ประมาณดู Yoda สู้กับ Count Dooku ใน Star War Episode II: Attack of the Clones ยังไงยังงั้น แน่นอนครับว่า.. บุคคลที่เท่ห์ตลอดกาลของซีรี่ส์นี้ ที่เราไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร มากับสไตล์แอคชั่นใหม่ ๆ ให้ได้ชมกันอีกแล้ว
ภาคนี้แม้จะมีมุขตลกสอดแทรกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราหัวเราะหงายหลัง โดยรวมแล้วมีอารมณ์ของความดราม่าเข้ามาพอสมควร หากใครที่ชอบดูเนื้อหาเรื่องราว อาจจะผิดหวังนิด ๆ
แม้ว่าเนื้อหาภายในเรื่องจะมีไม่มาก แต่จุดน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ ก็หนีไม่พ้นฉากเนื้อเรื่องแทรกสั้น ๆ ที่ปูทางอธิบายอะไรให้เรากระจ่างมากขึ้น ถึงซี่รี่ส์ The Lord of the Rings (LOTR) ถึงแม้ว่าเราจะเข้าใจดีว่า The Hobbit เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นก่อน LOTR แต่ด้วยตัวนักแสดงหลักบางคนที่ผ่านไปตามกาลเวลา ก็ทำให้เรารู้สึกหลุดจากหนังไปอีก นี่อาจเป็นข้อเสียของการสร้างภาพยนตร์ย้อนหลังโดยใช้นักแสดงชุดเดิมในเวลาที่ห่างกันหลายปี
ทางด้านกราฟฟิค ไม่รู้ว่าชินกับกราฟฟิคในเกม Middle Earth: Shadow of Mordor มากเกินไปหรือยังไง แต่รู้สึกว่าบางฉากยังทำได้ไม่เนียนเท่าไร ทำให้อารมณ์หลุดไป ไม่อินกับหนังได้เหมือนกัน
โดยรวมแล้วให้ 7/10 เพราะยังคงความยอดเยี่ยมในเรื่องของ เทคนิคพิเศษ(Special Effect) การแต่งกาย รายละเอียด มุมกล้อง กราฟฟิคที่สามารถทำให้เรามโนเห็นโลกของ The Hobbit ได้ไม่แพ้หนังภาคอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ติดที่เนื้อเรื่องและสาระน้อย หากเป็นคนชอบคิดตามหนังอาจจะเบื่อตรงจุดนี้ แต่เรื่องฉากแอคชั่นที่จัดเต็ม ก็เรียกคะแนนเพิ่มให้กับสาวกของซีรี่ส์นี้ได้เยอะทีเดียว