เหตุการณ์สำคัญและเป็นที่น่ากังวลตลอดเดือนมีนาคมนี้ คงหนีไม่พ้นการมาของพายุไซโคลนครั้งใหญ่ในรอบกว่า 50 ปี ที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างอย่าง พายุไซโคลนอัลเฟรด (Cyclone Alfred) ที่ทางการออสเตรเลีย ต่างเฝ้าระวังและเตรียมรับมือกับผลกระทบที่สามารถสร้างความเสียหายในพื้นที่ริมชายฝั่งตะวันออก และอาจเกิดน้ำท่วมตามมา นี่เป็นพายุไซโคลนลูกแรกที่พัดถล่มเมืองบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ และเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของออสเตรเลีย ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงและความเสียหายในภูมิภาคที่ไม่คุ้นเคยกับผลกระทบโดยตรง ในวันนี้เรามาทำความเข้าใจพายุไซโคลนอัลเฟรดกันว่ามีที่มาอย่างไร
พายุไซโคลน คืออะไร?
ที่มาภาพ : 7news.com.au
เริ่มต้นทำความเข้าใจเกี่ยวกับพายุทั้งหมดก่อน พายุสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการเกิดและความรุนแรง
- พายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) เกิดจากกระแสอากาศร้อนลอยขึ้นไปกระทบกับอากาศเย็น มักมีฝนตกหนัก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และลมกระโชกแรง เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่มีอากาศร้อนจัด เป็นพายุที่มักจะเกิดขึ้นในประเทศไทย
- พายุทอร์นาโด (Tornado) เป็นพายุหมุนขนาดเล็ก แต่มีความเร็วลมรุนแรงมาก เกิดจากกระแสลมหมุนในกลุ่มเมฆฝนฟ้าคะนอง มีลักษณะเป็นกรวยหมุนที่พัดทำลายทุกสิ่งที่อยู่ในเส้นทาง
- พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) เป็นพายุที่เกิดในเขตร้อนและมีลมหมุนรอบศูนย์กลาง แบ่งออกเป็น 3 ชื่อ หลักตามแหล่งกำเนิดของพายุ ได้แก่
- ไต้ฝุ่น (Typhoon) คือพายุที่เกิดในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก
- เฮอริเคน (Hurricane) คือพายุที่เกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิกตะวันออก
- ไซโคลน (Cyclone) คือพายุที่เกิดในมหาสมุทรอินเดียและออสเตรเลีย
พายุไซโคลน (Cyclone) เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ความเร็วลมสูงถึง 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือมากกว่านั้น มีลักษณะคล้ายกับเฮอริเคนและไต้ฝุ่น โดยมีลมพัดหมุนทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ และตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้
ลักษณะสำคัญของพายุไซโคลน
- เกิดจากอากาศร้อนชื้นบริเวณมหาสมุทรที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 26°C
- มีศูนย์กลางความกดอากาศต่ำและลมพัดหมุนแรง
- สามารถก่อให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วม และลมแรงที่สร้างความเสียหายร้ายแรง
- เมื่อลมพัดถึงฝั่งจะอ่อนกำลังลง เนื่องจากขาดพลังงานจากน้ำทะเล
พายุไซโคลนที่รุนแรงอาจทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge) และน้ำท่วมฉับพลัน สร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ชายฝั่งที่พัดผ่าน
พายุไซโคลนอัลเฟรด ส่งผลกระทบอย่างไรกับพื้นที่
ที่มาภาพ : aljazeera.com
ไซโคลนอัลเฟรดถูกจัดให้อยู่ในพายุไซโคลนระดับ 2 โดยมีความเร็วลมระหว่าง 154-177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (96-110 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน ทำให้ต้นไม้ล้ม และไฟฟ้าดับ พายุนี้ก่อตัวขึ้นในทะเลคอรัลทางตะวันออกของออสเตรเลีย และเกิดการเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหันในมหาสมุทรแปซิฟิก ขณะนี้กำลังพุ่งตรงไปยังแผ่นดินใหญ่ พร้อมกับลมแรงทำลายล้าง ฝนตกหนัก และคลื่นพายุที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เส้นทางของพายุอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย โดยปกติแล้วพายุไซโคลนมักก่อตัวทางตอนเหนือของออสเตรเลียที่มีอากาศร้อนชื้น แต่พายุอัลเฟรดกำลังพัดเข้าสู่ศูนย์กลางชายฝั่งตะวันออกที่มีอากาศเย็นกว่า
นักพยากรณ์เตือนว่าพายุอาจทำให้เกิดฝนตกหนักสูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร (31.5 นิ้ว) ในบางพื้นที่ ซึ่งมากกว่าปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งเดือนมีนาคม ลมกระโชกแรงสูงสุดอาจถึง 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (96 ไมล์ต่อชั่วโมง) และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออาคาร บ้านเรือน และโครงสร้างพื้นฐานชายฝั่งควีนส์แลนด์ได้รับคลื่นสูงมาแล้วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นอีก ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำหลายพันแห่งเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม
ที่มาภาพ : aljazeera.com
พายุไซโคลนอัลเฟรด เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากสำหรับเมืองบริสเบน เนื่องจากพายุคาดว่าจะขึ้นฝั่งใกล้กับตัวเมือง ทำให้เกิดลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก และคลื่นพายุซัดฝั่งขนาดใหญ่ ซึ่งกระทบต่อประชาชนหลายล้านคนตามแนวชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย แม้ว่าความเร็วลมจะคงที่ แต่ปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนั้น ส่งผลกระทบมากที่สุด โดยมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมที่เป็นอันตราย ปริมาณน้ำฝนรวมอาจสูงถึง 80 เซนติเมตรในบางพื้นที่ ซึ่งมากกว่าปริมาณเฉลี่ยของเดือนมีนาคม นอกจากนี้ ยังมีการสังเกตเห็นคลื่นขนาดใหญ่ตามชายฝั่งควีนส์แลนด์มาหลายวันแล้ว ทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งและน้ำท่วม
เหตุการณ์ในอดีต เกี่ยวกับพายุที่เคยเกิดขึ้นในบริสเบนและออสเตรเลีย
ที่มาภาพ : bbc.com
ในอดีตบริสเบนประสบกับพายุไซโคลนเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่นอกแนวพายุไซโคลนเขตร้อนทั่วไป อย่างไรก็ตามมีหลายครั้งที่พายุไซโคลนคุกคามหรือส่งผลกระทบต่อภูมิภาค พายุไซโคลนที่มีความรุนแรงใกล้เคียงกันและเคลื่อนตัวลงใต้มากขนาดนี้คือ พายุไซโคลนโซอี (Cyclone Zoe) ในปี 1974 ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในเมืองบริสเบนและพื้นที่ Northern Rivers ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW)
พายุไซโคลนโซอีพัดขึ้นฝั่งในเดือนมีนาคมที่เมืองคูลังกัตตา (Coolangatta) ใกล้ปลายด้านใต้ของโกลด์โคสต์ ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนรัฐนิวเซาท์เวลส์ ถึงแม้ว่าพายุไซโคลนโซอีจะไม่รุนแรงมากนักในแง่ของความเสียหายจากลม แต่พายุไซโคลนโซอีก็ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนักในบริสเบนและพื้นที่โดยรอบ ทำให้ถนนสายหลักถูกตัดขาดและบ้านเรือนบางหลังถูกน้ำท่วม พายุไซโคลนยังส่งผลกระทบต่อนิวเซาท์เวลส์ตอนเหนือ ส่งผลให้ต้องอพยพผู้คนในเมืองมูร์วิลลัมบาห์ (Murwillumbah) และลิสมอร์ (Lismore) ผลกระทบของพายุครั้งนั้น ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนักในบริสเบน มีการอพยพผู้คนจำนวนมากในนิวเซาท์เวลส์ตอนเหนือ
ในปีเดียวกัน ยังมีเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศ คือพายุไซโคลนเทรซี่ (Cyclone Tracy) พายุไซโคลนที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 4 ที่พัดถล่ม เมืองดาร์วิน (Darwin) รัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี (Northern Territory) นับเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากพายุทำให้เมืองแทบทั้งหมดถูกทำลาย ผู้อยู่อาศัยไร้ที่อยู่จำนวนมาก และนำไปสู่การอพยพครั้งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
พายุเริ่มก่อตัวในทะเลทางตอนเหนือของออสเตรเลียตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 1974 จนถึงวันคริสมาสต์ พายุไซโคลนเทรซี่ ขึ้นฝั่งเวลาประมาณเที่ยงคืน พร้อมลมกระโชกแรงสูงสุดถึง 240 กม./ชม. (150 ไมล์ต่อชั่วโมง) พายุสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงตลอดคืนจนถึงช่วงเช้า ทำให้ 80% ของบ้านพักอาศัยได้รับความเสียหายหรือถูกพัดหายไปทั้งหมด ระบบไฟฟ้าและน้ำประปาถูกตัดขาด ถนนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ทำให้การกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก ความเสียหายทางเศรษฐกิจ: คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 837 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (หากปรับตามค่าเงินปัจจุบัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ประชากร 30,000 คนจาก 47,000 คน ถูกอพยพออกจากเมือง รัฐบาลออสเตรเลีย นำเครื่องบินหลายลำมาช่วยอพยพผู้รอดชีวิต ไปยังเมืองซิดนีย์และเมลเบิร์น รัฐบาลออสเตรเลีย นำเครื่องบินหลายลำมาช่วยอพยพผู้รอดชีวิต ไปยังเมืองซิดนีย์และเมลเบิร์น
แนวทางป้องกันภัย เมื่อเกิดเหตุพายุหรืออุทกภัย
ที่มาภาพ : nytimes.com
เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุดกับการเตรียมตัวรับมือกับพายุไซโคลนอัลเฟรด ควรเริ่มต้นจาก
1.ติดตามข่าวท้องถิ่นและรายงานสภาพอากาศเพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับทิศทางและความรุนแรงของพายุไซโคลน และ ปฏิบัติตามคำเตือนและคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักอุตุนิยมวิทยา Bureau of Meteorology (BOM) www.bom.gov.au หรือผ่านแอปพลิเคชั่น BOM Weather app
2. รักษาความปลอดภัยให้บ้าน ปิดหน้าต่างและล็อกประตู ติดตั้งแผ่นปิดหรือปิดด้วยไม้กระดาน เพื่อป้องกันความเสียหายจากลมและเศษซาก ตัดแต่งต้นไม้และพุ่มไม้เพื่อลดกิ่งก้านที่อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ หากมีพื้นที่รอบตัวบ้าน อย่าลืมเคลียร์สิ่งของที่จากสนามหญ้ารอบบ้าน ซึ่งอาจกลายเป็นวัตถุที่พุ่งเข้าใส่ได้เมื่อมีลมแรง
3. จัดเตรียมเสบียงฉุกเฉินด้วยสิ่งจำเป็น เช่น อาหาร น้ำ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล กรณีที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายจากบ้านได้
4. หากมีสัตว์เลี้ยง เพื่อความปลอดภัย อย่าลืมจัดหาอาหา, น้ำให้สัตว์เลี้ยง หากเป็นไปได้ย้ายสัตว์เลี้ยงไปยังห้องหรือที่พักพิงที่ปลอดภัยในช่วงพายุ
5. เตรียมพร้อมสำหรับไฟฟ้าดับ มีแหล่งพลังงานสำรอง เช่น เครื่องปั่นไฟแบบพกพาหรือเทียนไข ไฟฉาย ชาร์จอุปกรณ์ทั้งหมดและพาวเวอร์แบงค์สำหรับไฟดับเป็นเวลานาน
6. ใช้กระสอบทรายเพื่อปกป้องบ้านของจากน้ำท่วม
7. วางแผนการอพยพเมื่อจำเป็น ศึกษาเส้นทางไปยังศูนย์อพยพและติดตามประกาศจากทางการ ปฏิบัติตามคำสั่งอพยพจากหน่วยงานท้องถิ่น
https://www.youtube.com/watch?v=yo4pi5xEjHs
แต่ในความน่ากังวล ก็ยังมีมุมสนุก ๆ อีกด้านหนึ่ง ถ้าได้เลื่อนดูโซเชียลมีเดียในช่วงสองวันที่ผ่านมา คุณอาจได้เห็นคลิปวิดีโอสุดตื่นตาตื่นใจของ คลื่นขนาดมหึมาที่ซัดเข้ามายังชายฝั่งของออสเตรเลียจากอิทธิพลของพายุไซโคลนอัลเฟรด นักโต้คลื่นแทบทุกคนที่อาศัยอยู่ใน นิวเซาท์เวลส์ตอนเหนือและควีนส์แลนด์ตอนใต้ อดใจไม่ไหวออกไปท้าทายคลื่นลูกโต โดยเฉพาะที่ย่านคิร่า (Kirra) ซึ่งมีคลื่นโต้ที่ยอดเยี่ยมมากจนแม้แต่นักโต้คลื่นชื่อดังอย่าง มิก แฟนนิ่ง (Mick Fanning) ยังต้องออกมาร่วมเล่น แม้ว่าทางการจะออกมาประกาศให้เร่งเข้าชายฝั่งเพื่อความปลอดภัย รวมถึงบางพื้นที่มีการปรับเงินหากเข้าไปในพื้นที่ (แต่หนีไม่พ้นความอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ขอแวะถ่ายรูปคลื่นอันสูงใหญ่ที่พัดเข้าฝั่ง)
อ้างอิง
edition.cnn.com
news.sky.com
www.aljazeera.com
7news.com.au
https://en.wikipedia.org/wiki/Cyclone_Tracy
surfer.com