อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับสาวสวยคนนี้.. นัท หนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน The Star กับประสบการณ์ชีวิตเด็กนอกในแบบฉบับของเธอ แรงผลักดันที่ทำให้ตัดสินใจมาเผชิญโลกกว้างคนเดียวเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ จากความฝังใจในเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเสียใจหนักมาก วันนี้นอกจากนัทจะใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแล้วยังได้ประสบการณ์ ได้ค้นพบตัวเอง ทำตามความฝัน และมีความทรงจำดี ๆ จากการได้มาเรียนที่บริสเบน มาแชร์ให้เพื่อน ๆ กัน
แนะนำตัวเองหน่อย
ชื่อ ณัฐมน กฤษณคุปต์ ชื่อเล่นชื่อ นัท อายุ 27 ปีค่ะ เรียนจบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดุริยางค์ศาสตร์สากล เอก Voice classic มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ
ก่อนที่จะมาเรียนที่บริสเบน ทำอะไรมาบ้าง?
ตอนอยู่ไทยทำงานเป็นพิธีกร เดินแบบ ถ่ายแบบ และก็ร้องเพลงค่ะ ตอนที่เพิ่งจบจาก ม.ศ.ว. ก็ทำงานมาตลอด มีธุรกิจที่บ้านด้วย เวลาว่างก็ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ที่สถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่ง ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่ นอกจากเวลาออกงานที่จะได้เจอชาวต่างชาติบ้าง เช่น ในงานเดินแบบก็จะเจอนางแบบต่างชาติ ก็ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ตัดสินใจที่จะมาเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศ?
มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้เราฝังใจและจำมาถึงทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่นัทเสียใจเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษ และคิดว่าตัวเองโง่มาก ๆ ร้องไห้จะเป็นจะตาย ตอนไปประกวด Miss Tourism Queen of the Year International 2011 ที่ประเทศจีน นัทได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปประกวด แน่นอนว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนส่วนมากพูดภาษาอังกฤษได้หมด ตอนนั้นเราก็ยังพูดไม่ค่อยได้ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ก็พยายามตั้งใจฟัง ต้องเก็บตัวเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปก็แอบเครียดนิดนึงว่าจะคุยกับคนอื่นรู้เรื่องมั๊ย
พอไปถึงที่นู่นเครียดหนักเลย เพราะฟังไม่ทัน อยากคุยกับเพื่อนก็พูดผิด ๆ ถูก ๆ งงไปหมด แต่ก็พยายามปรับตัว เพราะเราไปคนเดียว ไม่มีคนไทยหรือพี่เลี้ยงมาคอยดูแล ก็ต้องพึ่งตัวเองเอาตัวรอดให้ได้ และสิ่งที่พลาดกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น คือคำว่า Auction เพียงแค่คำเดียวที่เราไม่ได้ฟังให้ดี ว่าวันต่อไปจะมีการประมูล ให้เอาของประมูลมาด้วย
เราก็แต่งตัวสวยพร้อมไปงานราตรีคืนนั้นเลย แต่สิ่งสำคัญของงานในคืนนี้ก็คือของที่เราจะต้องนำไปประมูลกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งกว่านัทจะรู้ตัวก็อยู่ในงานแล้ว เสียใจหนักมาก แอบไปร้องไห้ข้างหลังเวที แล้วก็ขอโทษพี่ ๆ ทีมงานใหญ่เพราะเราฟังไม่รู้เรื่อง จากการฟังพลาดเพียงคำเดียวแต่เป็นใจความสำคัญของประโยค ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาด แม้ว่าทางทีมงานจะไม่ได้ว่าอะไรเรา แต่เรานั่งเสียใจ นั่งโทษตัวเอง ทำไมถึงโง่แบบนี้ ทำไมถึงไม่ฟังให้ดี ทำไมตอนเด็ก ๆ ถึงไม่ตั้งใจเรียน ปล่อยเวลาให้ผ่านไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนถึงเวลาจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษซะแล้ว
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เราบอกกับตัวเองตลอด ว่าเราจะไม่พลาดอีกแล้ว เราจะต้องฟังให้รู้เรื่อง เราจะต้องสื่อสารให้ได้ เวลาไปทำงานที่ไหนกับใคร ไม่อยากขายขี้หน้า ไม่อยากพูดน้อย ๆ อีกแล้ว แล้วก็เริ่มฝึกใช้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ด้วยการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ภาษาเราก็ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจอยู่ดี เลยรอเวลาที่ตัวเองพร้อมที่จะไปอยู่ต่างถิ่น จะได้ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน ได้ไปเอาตัวรอดอยู่คนเดียว หาประสบการณ์ พยายามเคลียร์งานตัวเอง เก็บเงิน ขออนุญาติคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็ไปบริสเบนแลย
ทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนที่บริสเบน?
ก่อนที่จะตัดสินใจมาเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ เราต้องทราบก่อนค่ะ ว่าเราอยากจะอยู่ที่ประเทศอะไร เมืองไหน และอยากเรียนทั้งหมดกี่เดือน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือการหาข้อมูลของประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สภาพอากาศ บ้านเมือง อาหารการกิน หรือวัฒนธรรมของเค้า สำหรับตัวนัทเองอยากอยู่ในทวีปที่ไม่ไกลจากบ้านเรานัก อยากได้เมืองที่เงียบสงบ มีระเบียบและปลอดภัย จึงปรึกษากับเอเจนซี่และคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเมืองบริสเบนของออสเตรเลียเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ทำไมถึงเลือกเรียนที่ ICTE-UQ?
หลักจากตัดสินใจเรื่องเมืองและประเทศแล้ว นัทก็เริ่มหาข้อมูลของสถาบันต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เลือกเรียนในสถาบันที่ดีที่สุดในเมืองบริสเบน โดยค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ บวกกับปรึกษาเอเจนซี่ด้วย ดู ๆ ไว้เกือบ 10 สถาบันเลยค่ะ ทั้งที่เป็นโรงเรียนสอนภาษาในมหาวิทยาลัย และสถาบันที่สอนเฉพาะภาษาทั่ว ๆ ไป แต่สถาบันที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือ Institute of Continuing & TESOL Education – The University of Queensland หรือ ICTE-UQ ซึ่งเป็นสถาบันสอนภาษาของ UQ มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์
ซึ่งนัททำการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ UQ อยู่นานมาก ทั้งอ่านรีวิว ทั้งถามคนที่เคยไปอยู่ที่นั่น เมื่อเทียบกับสถาบันอื่นราคาอาจจะสูงกว่าหน่อย แต่สำหรับตัวนัทเอง ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะทิ้งภาระหน้าที่ที่เมืองไทยไป เพื่อมาเอาความรู้ การได้เข้ามาเรียนในสถาบันแนวหน้า ได้เรียนกับอาจารย์ที่เอาใจใส่ในการพัฒนาภาษาอังกฤษของนักเรียน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ช่วยส่งเสริมให้การเรียนภาษาของเราเป็นไปได้อย่างมีคุณภาพและได้พัฒนาอย่างเต็มที่ นัทว่ามันคุ้มมาก ๆ เลยล่ะ
ประสบการณ์การเรียนที่ ICTE-UQ เป็นยังไงบ้าง?
ที่ ICTE-UQ ให้อะไรมากกว่าภาษาค่ะ อาจารย์ที่นี่เคร่งครัด แต่ไม่ได้ดุนะ ฝึกให้เรามีวินัยซึ่งมันช่วยพัฒนาภาษาของเราได้เร็วขึ้น เค้าจะมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้นักเรียนได้เข้าร่วมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น คลาสโยคะ หรือคลาส conversation ก็มี เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกใช้ภาษานอกห้องเรียน นอกจากภาษที่ดีขึ้นแล้ว เรายังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนต่างห้องหลากหลายเชื้อชาติ ได้มิตรภาพที่ดี ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกับเพื่อนอยู่เลยค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เลย อยากจะกลับไปเรียนอีกเลยค่า ฮ่าๆๆ แล้วนัทยังได้มีโอกาสร้องเพลงให้กับเพื่อนนักเรียนอีกคลาสนึงด้วยนะคะ ตอนนั้นสนุกมากที่ได้สร้างความสุขให้กับเพื่อน ๆ ผ่านเสียงเพลง
ICTE-UQ
ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยก็น่าเรียนมาก บรรยากาศดีทั้งข้างนอกและข้างในอาคาร สวยมาก ๆ เลยค่ะ ถ้ามีโอากาสยังอยากจะเรียนต่อโทที่ UQ เลย นักเรียนภาษาสามารถใช้ห้องสมุดร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยได้ มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับนักศึกษามหาลัย ได้สัมผัสชีวิตในรั้วมหาลัยของที่นี่ มีโรงอาหาร ยิม สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส สนามฟุตบอล และพื้นที่อีกเยอะแยะที่นักเรียนสามารถพักผ่อน นั่งอ่านหนังสือกับเพื่อน ๆ ได้
ช่วยเล่าประสบการณ์ของเด็กนอกให้ฟังหน่อย
การใช้ชีวิตในต่างประเทศ สำหรับคนที่ไม่เคยอยู่คนเดียวอาจจะยากหน่อย ตอนแรก ๆ เหงามาก อยากกลับบ้าน แต่พอเวลาผ่านไปประมาณเดือนนึง ทุกอย่างลงตัวมากขึ้น เริ่มปรับตัวได้ ทีนี้ความสนุกก็มาแล้วค่ะ เวลาเรียนได้เจอกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ ได้ใช้เวลาด้วยกันหลังเลิกเรียน ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ วันเสาร์อาทิตย์ก็ออกไปเดินเล่นคนเดียวบ้าง ดูบ้านเมืองเค้า แอบฟังคนพูดกัน ฝึกจำสำเนียง หรือทำเป็นถามพนักงานในห้าง เพื่อฝึกการใช้ภาษา พอผ่านไปเดือนกว่า ๆ ก็เริ่มหางานทำค่ะ เรียนที่ ICTE-UQ จะเริ่มเรียนเช้า เลิกเรียนประมาณ 4 โมง ก็จะมีเวลาช่วงเย็นไปหารายได้พิเศษ ไปสมัครงานที่ร้านอาหารไทย โชคดีที่ได้เจอเจ้าของร้านและเพื่อนร่วมงานที่ดี ก็เลยทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น
ตอนแรก ๆ ที่ไปอยู่ก็หลงกระจายเลย ต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านตั้งหลายรอบ ฮ่า ๆ พอหลัง ๆ ไม่รู้ทางก็กล้าที่จะเข้าไปถามทางคนแถวนั้น คนบริสเบนส่วนใหญ่ที่เจอใจดีค่ะ friendly ยินดีที่จะช่วยเหลือ เดือนแรกอยู่กับโฮส เดือนที่สองย้ายออกมาอยู่เอง พอเริ่มทำงานก็มีเงินเก็บไว้ใช้จ่าย หากใช้ประหยัด ๆ หน่อยก็อยู่รอดค่ะ แต่นัทอยากเก็บเงินเพื่อไปเที่ยวซิดนีย์กับเมลเบิร์นด้วย เลยหางานทำเพิ่ม ได้ทำที่ร้านอาหารญี่ปุ่น และร้องเพลงที่ร้านอาหารไทยอีกที่หนึ่ง เรียกว่าทำทุกอย่าง ฮ่า ๆ คิดว่าไหน ๆ ก็มาอยู่คนเดียวแล้ว อยากเรียน อยากทำงาน อยากเที่ยว ต้องเอาให้สุด เอาให้คุ้มกับที่บินข้ามทวีปมาถึงนี่
เหนื่อยค่ะ บอกตรง ๆ แต่ก็ไม่เสียดายเวลานะ เพราะเราได้ทำทุกอย่างแบบที่ตั้งใจ เวลาไปทำงานก็ได้เจอคนออสเตรเลีย ได้พูดคุย รับออเดอร์ หรือเค้าคุยเล่นอะไรกับเรา ก็ทำให้เราฝึกไปในตัวด้วย มีความรู้ในห้องเรียนแล้ว ก็ต้องนำความรู้ในห้องเรียนมาลองใช้ข้างนอกด้วยค่ะ
ตอนอยู่ที่บริสเบนชอบป่วยค่ะ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องดูแลตัวเอง เอายามาจากไทย แต่ก็ต้องระวังเรื่องข้อห้ามการนำเข้ายาบางชนิดด้วย
ร่วมประกวดเทพีสงกรานต์บริสเบน 2015
หลังเรียนจบจาก ICTE-UQ แล้ว ตอนนี้ทำอะไรอยู่? สิ่งที่เรียนมามีผลต่อหน้าที่การงานของเรามั้ย?
ตอนนี้ทำงานเป็น Brand ambassador ของธนาคารกสิกรไทยค่ะ หรือเรียกว่า KBank e-Girls ค่ะ มีหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์พิเศษ นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ให้กับทางธนาคาร หน้าที่หลัก ๆ ก็คือเป็น พิธีกร ผู้ประกาศข่าว ผู้ดำเนินรายการ ถ่ายงานโฆษณา รวมทั้งกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมต่าง ๆ และสิ่งที่ได้นำมาใช้จริง ๆ กับการไปเรียนภาษาอังกฤษก็คือ การได้เป็นพิธีกรภาษาอังกฤษให้กับธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา งานเซ็นสัญญากับนักธุรกิจต่างชาติ หรืองานประชุมใหญ่ ๆ
นัทโชคดีมากที่ได้ทำงานนี้ รู้สึกว่าที่เราตัดสินใจไปเรียนภาษาต่างประเทศน่ะคุ้มแล้ว มันไม่ใช่แค่การสื่อสารได้เท่านั้น แต่มันยังได้ใช้ในการทำงานจริง เวลาเจอชาวต่างชาติก็ไม่กลัวละ ถึงแม้จะพูดถูกบ้างผิดบ้าง ฟังไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ก็จับใจความได้ และไม่อายที่จะพูดอีก
KBank e-Girls
ความฝันของนัทคืออะไร? ภาษาอังกฤษมีส่วนช่วยให้ฝันนั้นเป็นจริงไหม?
รวม ๆ นัทอยู่ที่ออสทั้งหมด 8 เดือนค่ะ เรียนจบก็ไปเที่ยว และก็ตั้งเป้าหมายก่อนกลับมา ว่าจะทำอะไรต่อ ชอบอะไร ตอนอยู่ที่บริสเบน รู้ตัวเลยค่ะว่าชอบทำอาหาร และก็อยากทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหาร เพราะได้เรียนรู้ระบบการทำงานจากร้านอาหารที่นี่แบบที่ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะตอนอยู่ที่ไทยเราไม่ได้มีโอกาสได้ทำงานด้านนี้ แต่พอได้ทำแล้วรู้สึกติดใจ เลยตั้งเป้าไว้ว่ากลับไปจะต้องเปิดร้านอาหารให้ได้
และฝันก็เป็นจริงค่ะ นัทได้เปิดร้าน I'm Fine Cafe อยู่หมู่บ้านสัมมากร รามคำแหง 110 (ขอโปรโมทนิดนึงค่ะ ฮ่าๆๆ) มีทั้งอาหาร กาแฟ ขนม ครบเลย มาชิมกันได้ค่ะ ตอนนี้ก็เพิ่งเรียนจบหลักสูตรการทำอาหารฝรั่งเศสขั้นต้นที่ Le Cordon Bleu ค่ะ เชฟเป็นคนฝรั่งเศส สอนเป็นภาษอังกฤษ เพราะฉะนั้น ภาษาอังกฤษอยู่กับเราตลอดค่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ทำอาชีพอะไร เราก็มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษทั้งนั้น
I'm Fine Cafe
อยากฝากอะไรถึงเพื่อน ๆ ที่คิดจะเรียนต่อต่างประเทศบ้าง?
เพื่อน ๆ คนไหนที่คิดจะเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศ นัทขอแนะนำ ICTE-UQ ให้เป็นตัวเลือกหนึ่งของทุก ๆ คนนะคะ หาเป้าหมาย วางแผนชีวิตให้ดี ๆ ค่ะ เพราะมาอยู่ก็ต้องใช้เงิน ต้องไกลพ่อแม่ อยากให้ใช้โอกาสที่มี เวลาที่มีให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ เรื่องราวของนัทอาจจะยาวไปมาก ๆ เลย แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะคะ