รีวิวหนังดังน่าดูสัปดาห์นี้ กับซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ของมาร์เวล “Ant-Man” ไอ้มนุษย์มด ที่แม้ตัวจะเล็กแต่ร้ายกาจสุด ๆ เข้าโรงหนังในออสเตรเลียไปเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ความยาวของหนัง 117 นาที
ขอข้ามเนื้อเรื่องย่อของหนังไป เพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์ มาคุยกันถึงความรู้สึกและความประทับใจของหนังเรื่องนี้กันดีกว่า..
โดยส่วนตัวแล้วซูเปอร์ฮีโร่ตัวนี้ ได้ความรู้สึกว่าจะเป็นฮีโร่ที่เก่งที่สุดตั้งแต่ดูมา ปกติฮีโร่ที่เราเห็นกันบ่อยคือ ต้องมีพลังทำลายล้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะทางกายภาพหรือการใช้จิต แต่ Ant-man ทำให้เราเห็นว่าความใหญ่ ความอลังการ ความเยอะ ไม่ได้เป็นแกนหลักในการที่จะทำเรื่องเหลือเชื่อหรือภารกิจสุดยากให้สำเร็จ
ตัวละคร
บทบาทของตัวละคร Ant-Man ถ้าไม่ใช่ Paul Rudd เล่น ก็คงจะออกมาไม่ได้สมบทบาทขนาดนี้ ถือว่าเป็นการเลือกตัวละครมารับบทนี้ได้ดีมาก ดูเป็นธรรมชาติ การมารับบทนี้ถือว่าเป็นงานหนักของ Paul Rudd เพราะเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่อง ทำให้ตัวละครหลักอีกสองตัวอย่าง Dr. Hank Pym (Michael Douglas) และ ลูกสาว Hope van Dyne (Evangeline Lilly) บทดูไม่ค่อยเด่นมากนัก แต่ก็ยังถือเป็นกุญแจสำคัญของเนื้อเรื่องทั้งหมด ส่วนตัวละครอื่นนั้น ก็ได้มีการสอดแทรกเข้ามาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ช่วยเพิ่มเสียงหัวเราะและความลื่นไหลของหนังได้ดี ต้องขอปรบมือดัง ๆ ให้คนเขียนบท
ตอนแรกก็คิดว่าหนังออกมาคงจะแป๊กแน่ ๆ จากการได้ดูเทรลเล่อร์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเหมือนจะทำให้เราเข้าใจคอนเซ็ปของหนังไปหมดแล้วว่า เออ.. มันเป็น Ant-Man นะ แต่ในตัวหนังจริง ๆ มีความฮา ตัวละครสนุก ๆ อีกเยอะ นั่งแบบยิ้มปนหัวเราะตลอดเรื่อง จะมีอารมณ์ดราม่าเข้ามาบ้างเล็กน้อย แต่ก็หักมุมทำให้ไม่เครียดได้ถูกจังหวะพอดี
ความประทับใจ
ประทับใจมากที่สุดคือคอนเซ็ปของความเป็น Ant-man ผู้สร้างและผู้กำกับได้หยิบเอาสิ่งที่เราเห็นกันในชีวิตปกติ ไม่มีอะไร มาขยายให้เห็นในอนูที่ลึกลงไปจากสายตาของ Ant-man มันเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งของแมลง เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นแบบธรรมดา ๆ ในชีวิตประจำวันของมนุษย์เราพอมันถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นมันกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แปลกตาใหม่ ๆ ใครที่เคยดู A Bug’s Life ของ Waltz Disney คงจะพอนึกภาพออก แต่นี่เป็นภาพยนตร์ไม่ใช่ภาพอนิเมชั่น บวกกับมุมมองที่สมจริงให้เราอินไปกับ Ant-Man ด้วย
เกี่ยวกับหนัง
เอฟเฟคนี่ไม่ต้องพูดถึง เนียนไม่สะดุด! ตัดต่อได้เยี่ยมจริง ๆ ดนตรีประกอบก็ทำได้ดี ภาพรวมแล้วไม่ค่อยได้ความรู้สึกเดิมของหนังมาร์เวลที่ผ่านมาสักเท่าไร เหมือนจะแหวกแนวที่เคยมีออกไป การดำเนินเรื่อง การตัดต่อ ทำออกมาแบบดูได้เรื่อย ๆ ผ่อนคลาย สบาย ๆ และไม่งง มีการพูดพาดพิงถึงตัวละครอื่นในมาร์เวลด้วย ทำให้เรามองเห็นภาพรวมของโลกมาร์เวลได้เหมือนจริงมากขึ้น เป็นการเก็บเอาประสบการณ์ของหนังมาร์เวลที่ออกมาก่อนหน้ามาผูกกัน
โดยปกติหนังมาร์เวลจะค่อนข้างซีเรียส แอคชั่น มีมุขตลกฮาแบบกวน ๆ เสียดสีมาบ้างเป็นพัก ๆ สำหรับเรื่องนี้แค่ตัวเอกก็ตลกละ ตัวประกอบแต่ละตัวก็มีความฮามาเสริม ให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังครอบครัวจริง ๆ
โดยรวม.. ให้ไปเลย 8 เต็ม 10 ออกโรงมาหน้าบานยิ้มไม่หุบ แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังหาหนังดูคลายเครียดช่วงนี้ แต่ถ้าคาดหวังกับบทบาทการแอคชั่นของหนังที่สูง เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบเท่าใดนัก และตอนจบอย่าพึ่งรีบลุกไปไหนมีฉากใน Credit โผล่มาสองครั้งด้วยกัน อันแรก Mid Credit จะเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ และอันที่สอง End Credit เกี่ยวกับหนังเรื่องหน้าของมาร์เวล