.......“คนเราต้องไม่ยึดติด ถ้าเรามัวแต่คิดว่า ตัวเองเคยเป็นใคร ชีวิตเราก็จะก้าวไปไม่ได้”....
นั่นคือถ้อยคำสั้น ๆ ของอดีตนักร้องบอยแบนด์ยุค 90 “แมกซ์-วรพงษ์ อาภรณ์ศิริ” ลูกชายของคุณพ่อนักดนตรีและนักแต่งเพลง คุณทนงศักดิ์ อาภรณ์ศิริ หนึ่งในอดีตสมาชิกวง “แกรนด์เอ๊กซ์” และอดีตหัวหน้าวง “เพื่อน” หนึ่งในตำนานวงดนตรีชื่อดังของเมืองไทย
หลังจากการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ ตาร์-บัญฑิตย์ เดชกุญชร หนึ่งในนักร้องนำวง “ดร.คิดส์” เจ้าของเพลงดังอย่าง ข่าวร้าย และการปิดตัวของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการเพลง “คีตา” ทำให้ ชื่อของ ดร.คิดส์ เริ่มจางหายไปเช่นกัน
Dr.Kids
ภาพประกอบ: แฟนเพจ dr.kids
แมกซ์เล่าให้ฟังว่า เริ่มเข้าวงการด้วยการไปประกวดเต้น ซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 15 ปี แล้วเผอิญมีเพื่อนคุณพ่อเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ เพื่อนคุณพ่อท่านนั้นก็เลยเล่าให้คุณพ่อผมฟัง หลังจากนั้นคุณพ่อจึงเรียกผมเข้าไปคุย ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงที่คุณพ่อทำเพลงให้กับบริษัท เอสพีศุภมิตร อยู่แล้ว และทางวงการเพลงไทยตอนนั้น นักร้องประเภทกลุ่ม บอยแบนด์ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ก็มีการเรียกเพื่อน ๆ อีก 3 คนเข้ามาทดสอบ และก็ปรากฎว่า “ผ่าน” ดังนั้นงานชุดแรกจริง ๆ ของวง ด๊อกเตอร์คิดส์ จึงอยู่ในสังกัด เอสพีศุภมิตร ก่อนที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในค่ายคีตาครับ และเพลงส่วนใหญ่ของวง ก็เป็นผลงานที่คุณพ่อผมแต่งให้
นั่นคือคำบอกคร่าวๆเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวง ด๊อกเตอร์คิสด์ ขวัญใจวัยรุ่นในสมัยนั่น
แต่หลังจากที่ไม่ได้ทำวงกันแล้ว ผมก็เริ่มเบื่อ ๆ กับวิถีชีวิตในเมืองไทย และคิดว่าต้องการหางานอะไรที่มั่นคงมากกว่านี้ ผมไม่ได้บอกว่า อาชีพนักร้องนักดนตรีไม่มั่นคง แต่เนื่องจากหมดช่วงของเราไปแล้ว และประกอบด้วยคู่แข่งขันและเด็กใหม่ ๆ ค่อนข้างเยอะ รวมทั้งค่าใช้จ่ายก็เยอะตามไปด้วย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจ ออกจากวงการโดยที่ไม่ได้บอกใครเลย และก็มาตั้งต้นชีวิตใหม่ที่เมืองโกลด์โคสต์ประเทศออสเตรเลียเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วครับ
ส่วนตัวผมค่อนข้างคุ้นเคยกับประเทศออสเตรเลียพอสมควร เพราะคุณป้าก็อาศัยอยู่ที่ซิดนีย์ซึ่งผมก็เคยไปเยี่ยมท่านบ่อย ๆ แต่ผมเลือกที่จะมาใช้ชีวิตที่โกลด์โคสต์เพราะชอบบรรยากาศที่ดูไม่วุ่นวาย และธรรมชาติสวย ๆ ของชายหาดที่นี่
ผมมาอยู่ที่นี่แบบเงียบ ๆ ครับ ก็ตัดสินใจขายทรัพย์สินที่เมืองไทยทั้งบ้านและรถแล้วก็บินมาเลยครับ ช่วงแรกที่มาก็เรียนภาษาแล้วก็เลือกไปเรียนทางด้านเชฟ ช่วงแรกก็เรียนไปทำงานไป ยอมรับว่าชีวิตแตกต่างจากการอยู่เมืองไทยแบบสิ้นเชิง จากที่ไม่ต้องดูแลรับผิดชอบอะไรมากมาย พอย้ายมาอยู่ที่นี่เราต้องทำเองทุกอย่าง อะไรที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ ผมเริ่มจากการเป็นเด็กล้างจานในครัวนะครับ จนได้มาอยู่หน้าร้าน ที่รู้สึกสุด ๆ มากก็คือ ตอนมาผมซื้อรถคันแรกราคาไม่แพงมาก (จริง ๆ แล้วอยากจะเรียกว่าเรือมากกว่า เพราะสภาพรถแบบเยินมาก) เราก็มานึกถึงตัวเราสมัยอยู่เมืองไทยเลยว่า.. “ชีวิตเรานี่ขนาดนี้เลยเหรอ แต่ถ้าคนอื่นเค้าทำได้ เราก็ต้องทำได้” ที่สำคัญคือเราต้องเรียนรู้เรื่องการใช้เงินและจัดการบริหารการเงินใหม่
ผมยอมรับว่า สมัยที่ยังเป็นนักร้องเคยได้เงินมาง่ายและเงินก็หมดง่ายเช่นกัน ก็คงเป็นเหมือนวัยรุ่นทั่ว ๆ ไปครับ แต่พอเรามาถึงจุด ๆ หนึ่งเราต้องคิดว่า ชีวิตเราจะไปต่อยังไง เพราะในวงการนี้คู่แข่งเยอะมาก และเด็กใหม่ ๆ เก่งๆก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เด็กสมัยนี้เก่งมาก ผมคิดว่าหลาย ๆ คนเก่งกว่ารุ่นพวกผมอีก มันยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผมรู้ว่า ผมตัดสินใจถูกแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่รักวงการเพลงนะครับ เพียงแต่ว่าเราต้องยอมรับและเรียนรู้ในเรื่องของความเป็นไปได้ด้วย ไม่ใช่จะอยู่เพราะเรารักเท่านั้น คนมีฝีมือเยอะครับ คนเก่งสมัยนี้เยอะมาก
ย้อนกลับมากับการใช้ชีวิตที่นี่ ผมทำงานหนักมากแต่กลับรู้สึกภูมิใจและสบายใจ ผมทำงานจนเก็บเงินซื้อร้านเองได้ ก็เป็นร้านสไตล์ Fish and Chips ชื่อร้าน Wi - Mel’s Thai - Seafood อยู่ที่ Nerang Gold Coast ร้านเปิดเก้าโมงเช้าถึงสามทุ่ม ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมากแต่ทำให้เรามีความรับผิดชอบเยอะมากขึ้นด้วยเช่นกัน ตอนนี้ร้านเริ่มอยู่ตัวบ้างแล้ว และส่วนตัวผมเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง ผมทำงานสองที่นะครับคือทำร้าน Butcher ผมจะมีหน้าที่หั่นเป็ดย่าง หมูย่าง หมูกรอบ ผมจะเป็นคนหมักเป็ดเองด้วย คนที่นี่จะทราบกันดี เค้าก็จะมาสั่งกันค่อนข้างเยอะ อยากจะบอกว่าตั้งแต่ผมเลิกจับไมค์เนี่ย “ผมหั่นเป็ดย่างมาเป็นหมื่น ๆ ตัวแล้วนะครับ” ชีวิตเปลี่ยนไปมากแต่มีความสุขครับ ดีใจที่เราทำได้ ซึ่งเราก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เราจะมาประกอบอาชีพตรงนี้ได้
ถ้าถามว่าคิดถึงเรื่องการร้องเพลงไหม จริง ๆ ผมก็คิดถึงตลอดล่ะครับ เพราะเราโตมากับสิ่งนี้และผมก็จบมาทางด้านดนตรีด้วย ซึ่งเมื่อปีก่อน ๆ พวกผมก็ได้ไปรวมตัวกันเล่นคอนเสิร์ตของคีตา ชื่อคอนเสิร์ต “Kita Back To The Future” ก็ดีใจครับที่เพื่อน ๆ และแฟนเพลงยังจำได้ และให้การต้อนรับกันอยู่อย่างดี
ภาพประกอบ: แฟนเพจ dr.kids
ส่วนชีวิตที่ออสเตรเลียเกี่ยวกับงานเพลง ก็เคยได้รับโอกาสไปร่วมร้องเพลงกับพี่เจ เจตริน ตอนที่พี่เจมาเล่นคอนเสิรต์ที่บริสเบน เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วครับ และล่าสุดคุณไก่แห่งร้าน Fullmoon Bar and Restaurant ก็ได้เชิญผมไปร้องเพลงร้านครับ วันนั้นคนเยอะมากผมก็รู้สึกตื่นเต้นนะครับเพราะเราก็ห่างเวทีไปนาน แต่รวมๆแล้วก็สนุกสนานกันดีครับ ยังไงเพื่อนๆพี่ๆที่อยู่ที่ออสเตรเลียเจอกันก็ทักทายกันได้นะครับ และถ้ามีโอกาสก็หวังว่าคงจะได้กลับมาร้องเพลงสร้างความสุขให้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่านอีกครั้งครับ หรือจะมาเยี่ยมผมที่ร้านผมที่โกลด์โคสต์ก็ได้นะครับ หาไม่ยากครับ
ส่วนข้อคิดที่อยากให้น้อง ๆ ในวงการรุ่นใหม่ระวังก็คือ.. “ให้ระมัดระวังในเรื่องของการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ยอมรับครับว่าเงินหาได้ง่าย แต่ก็หมดไปง่ายเช่นกัน และอย่าลืมเรื่องการเรียน และเตรียมมองหาลู่ทางในอนาคตเอาไว้ด้วย เพราะถ้าวันหนึ่งที่เราไม่ได้ทำงานด้านนี้แล้ว เราจะได้ใช้ความรู้ทางด้านอื่นไว้มาประกอบอาชีพ ที่สำคัญคือ การรู้จักนอบน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ และการตรงต่อเวลา จะทำให้คุณเป็นที่รักของหลายๆคนครับ” ส่วนตัวผมวันนี้มีความสุขแล้วครับ :)
... ขอขอบคุณ คุณแมกซ์-วรพงษ์ แห่งวง ดร.คิดส์ สำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้เป็นอย่างมากค่ะ เพื่อน ๆ ชาวบริสเบนและควีนส์แลนด์ถ้าได้มีโอกาสไปโกลด์โคสต์อย่าลืมไปแวะเยื่ยมร้านพี่แมกซ์นะคะ ขอบคุณค่ะ