โด่งดังมาจากเพลง “หมาหยอกไก่” เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน และเนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปี 2545 ทำให้ชื่อของ “นุจรี ศรีราชา หรือ ไก่” ห่างหายไปจากแฟน ๆ ในระยะเวลาหนึ่ง แต่วันนี้เธอกลับมาแล้วกลับมาดใหม่ของ “สาวแหล่ผสมร๊อค” ซึ่งได้ร่วมทำผลงานเพลงกับพี่ กบ ไกรภพ จันทร์ดี หรือที่รู้จักกันในนาม พี่กบ ไมโคร ซึ่งตอนนี้พี่กบได้ออกมาตั้งวงดนตรีเป็นของตนเองร่วมกับพี่ ๆ น้อง ๆมากความสามารถและประสบการณ์ทางด้านดนตรี ในนามของ “วงอโยธยา” ซึ่งมีสมาชิกคือ สิทธวีร์ พิพัษน์ชุติพร เบส คอรัส, ธนารักษ์ พงษ์สังข์ คีย์บอร์ด คอรัส, ณรงค์ศักดิ์ แซ่พัว (โอม) กลอง คอรัส, ตรัยรัตน์ โพธิ์ทอง กีตาร์ คอรัส และแน่นอน สาวไก่ นุจรี ศรีราชา ก็ได้รับเชิญให้เป็นนักร้องส่าวคนแรกที่ได้ทำการร้องเพลงร่วมกันกับพี่ ๆ ในวงอโยธยา และด้วยความแปลกใหม่ในแนวทางของเพลงและน้ำเสียงของตัวนักร้องเอง จึงทำให้เพลง “ชาร์จแบตชาร์จใจ” ก้าวขึ้นสู่อันดันหนึ่งของ “ฮักเรดิโอ” คลื่นวิทยุออนไลน์ โดยใช้เวลาหลังจากที่เปิดตัวเพียงไม่นาน และก่อนที่เราจะมาทำความรู้จักนุจรี ศรีราชากันให้มากขึ้น อยากให้นุจรี ช่วยพูดถึงวง อโยธยานิดหนึ่งได้ไหมคะ ว่าทำไมต้องเป็นวงอโยธยา
นุจรี- ถ้าเกี่ยวกับเรื่องวง อโยธยา หนูอยากให้ทางพี่รี่สอบถามไปทางพี่กบ น่าจะได้คำตอบดีกว่าค่ะ เพราะพี่กบจะมีคำตอบที่ชัดเจนมากกว่าหนู
ดังนั้นพี่รี่จึงทำการจัดสายตรงโทรไปหาพี่กบ ไกรภพ จันทร์ดี เกี่ยวกับการตั้งชื่อวง ว่าทำไมถึงต้องเป็น “อโยธยา”
พี่กบบอกว่า “ที่ตั้งชื่อว่าอโยธยาเพราะพี่อยากทำวงดนตรีในนิยามที่เป็นไทยน่ะครับ มันมาจากการที่พี่อยากทำงานเพลงที่ฉีกออกจากกรอบเดิมที่เคยเป็นภาพจำ แล้วมาเริ่มทำดนตรีแบบต่าง ๆ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ร๊อค รวมทั้งมีความเป็นไทยมากขึ้น ซี่งชื่อวง อโยธยา นี้เป็นขื่อวงที่คิดไว้นานตั้งแต่ตอนทำอัลบั้มเดี่ยวชุด “ฉันทนาโคโยตี้” แต่ในงานชุดนั้นได้ถูกต้นสังกัดขอร้องไว้ว่าอย่าเพิ่งใช้ชื่ออโยธยา ขอให้ใช้ชื่อ กบ ไมโครตามเดิมไปก่อน หากใครได้ฟังงานชุด “ฉันทนาโคโยตี้” แล้วบอกว่ามีสไตล์ที่เปลี่ยนจากที่พี่เคยทำนั้นเพราะอัลบั้มนั้นเป็นงานที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้นิยาม “อโยธยา” และเมื่อถึงวันทีวงเดิมของพี่ต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเองพี่เลยนำโพรเจค อโยธยา กลับมาคิดแล้วลงมือทำมันอีกครั้งครับ”
และนั่นก็เป็นคำตอบจากพี่กบ ไมโคร หรือพี่กบ ไกรภพ จันทร์ดี ที่มาช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องงานเพลงของวง อโยธยาค่ะ
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสองปีก่อนพี่รี่เคยได้มีโอกาสสัมภาษณ์พี่กบ ไกรภพ ไปแล้ว แต่ตอนนั้นทางพี่กบยังไม่ได้แยกตัวออกมาจากวงไมโคร ซึ่งกิจกรรมที่เราได้รับทราบในขณะนั้นของพี่กบก็คือการทำเวิคร์ช๊อป เกี่ยวกับดนตรีให้กับทางโรงเรียนต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และด้วยการเปลี่ยนแปลทางด้านวงการเพลงในหลาย ๆ ด้านทำให้วันนี้ เกิดเป็นวง “อโยธยา” ขึ้นมา ซึ่งฝีไม้ลายมือทั้งการร้องเพลงและเล่นกีตาร์ของพี่กบยังคงมีความแซบเหมือนเดิม
กลับมาถึงประวัติของนักร้องสาวลูกทุ่งเสียงใสคนนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร และทำไปถึงต้องชื่อ นุจรี ศรีราชา ซึ่งคุณไก่ได้เล่าให้ฟังว่า ตัวเองแล้วเกิดที่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ตอนที่มาเรียนโรงเรียนมัธยมที่โรงเรียนที่ศรีราชาก็ได้มีโอกาสมาร่วมกับวงของพี่ยิ่งยง ยอดบัวงาม ในงาน 10 0ปีศรีราชาก็ได้รับการทาบทามจากคุณอา “ภมร อโนทัย” ซึ่งเป็นผู้ปั้นพี่ยิ่งยง ยอดบัวงาม ก็ได้ชักชวนให้มาร้องเพลงแก้กับพี่ยิ่งยง ในชุด ยิ่งยงมาแล้ว ชุดที่ 5 โดยตอนนั้นหนูใช้ชื่อว่า “ราตรี ศรีราชา” ค่ะ ซึ่งเป็นชื่อแรกที่ใช้ในวงการตอนนั้นก็ประมาณปี2538 ค่ะ
พี่รี่ - ทำไมนุจรี เริ่มมาร้องเพลงได้คะ
นุจรี - เริ่มจากในท้องเลยคะ คือแม่หนูชอบ พุ่มพวง ดวงจันทร์มาก ตอนนั้นแม่ท้องหนูและได้ดูรายการโลกดนตรี ซึ่งวันนั้น พุ่มพวง ดวงจันทร์มาออก แม่หนูก็เลยไปจุดธูปขอศาลพระภูมิค่ะว่า “ขอให้ลูกเกิดมาร้องเพลงเพราะเหมือนพุ่มพวง ดวงจันทร์” อันนี้ก็เป็นความเชื่อตามต่างจังหวัดเรานะคะ และด้วยความที่บ้านหนูอยู่ใกล้วัดก็จะได้ยินเพลงของ พุ่มพวง ยอดรัก สายัณห์ ทำให้เราซึมซาบไปโดยปริยายน่ะค่ะ หนูก็ฟังเพลงไปและก็ร้องไปแบบครูพักลักจำไปน่ะคะ อีกอย่างบ้านหนูก็ไม่ได้เป็นบ้านที่มีสตางค์ หนูก็ช่วยแม่ขายของคือตอนนั้นแม่ทำแกงใส่ถุงขาย หนูก็ไปช่วยแม่ คนในหมู่บ้านก็จะรู้ว่าเด็กหญิงไก่ร้องเพลงได้เต้นได้ เค้าก็จะให้หนูร้องเพลงก่อนหรือเต้นบ้างล่ะและเค้าก็ซื้อ
พออายุ 9 ขวบ หนูอยู่ชั้นประถม ก็มีวงของพุ่มพ่วง มาเล่นที่วัดกระทิงลายหนูก็ชวนแม่ไปดู แม่หนูก็ซื้อบัตรแต่หนูเป็นเด็กตัวเล็กก็มุดรั้วไปที่หลังเวที อยากไปดูตัวจริงพุ่มพวง ดวงจันทร์ ส่วนแม่หนูก็เผาข้าวหลามเอาไปฝากพุ่มพวงด้วย ตอนนั้นพุ่มพวงก็แต่งหน้าอยู่หลังเวที หนูก็ไปสะกิดไหล่พุ่มพวงแล้วบอกว่า “พุ่มพวงคะหนูน่ะร้องเพลงพุ่มพวงได้นะคะขอหนูขึ้นไปร้องเพลงหน่อยได้ไหมคะ ซึ่งพุ่มพวงก็มองหน้าหนูแบบ งงๆปนตกใจนะคะ ซักพักพุ่มพวงก็เรียกให้ตลกมาอุ้มหนูไปร้องเพลงบนเวทีค่ะ
พี่รี่ - แล้วเด็กหญิงไก่ร้องเพลงอะไรคะ
นุจรี - เพลงนักร้องบ้านนอกค่ะ ซึ่งหนูได้พวงมาลัยเต็มคอเลย พอพุ่มพวงเห็นอย่างนั้น ก็บอกหนูว่า “คราวหลังถ้ามาเล่นคอนเสิรต์หนูมาหาทุนการศึกษาได้เลยนะคะ มาร้องเพลงได้เลย” แล้วพอพุ่มพวงมาครั้งที่สองหนูก็ได้ขึ้นไปร้องเพลงอีกคราวนี้นอกจากพวงมาลัยเต็มคอแล้วหนูยังได้ของรางวัลเต็มถึงพลาสติกใหญ่ๆสองถุงเลยค่ะ พอหนูลงมาพุ่มพวงก็บอกว่า “ให้ไปรับรางวัลกับอาปุ้มไกรสร แสงอนันต์ด้วย” ซึ่งอาปุ้มก็ให้เงินหนูมา 300 บาทด้วย ซี่งหนูจะพูดถึงพุ่มพวงและอาปุ้มตลอดในทุกครั้งที่ได้มีโอกาสว่าทำไมถึงมาร้องเพลงได้ หนูก็ต้องกราบขอบพระคุณในความมีเมตตาของทั้งพุ่มพวงและอาปุ้ม ไกรสรที่ได้ให้โอกาสหนูในวันนั้น และถึงแม้ในวันนี้หนูจะเป็นนุจรี ศรีราชาแล้ว หนูก็ไม่เคยลืมวันที่ได้มีโอกาสร้องเพลงในงานของพุ่มพวงตอนหนูเด็ก ๆ เลยค่ะ”
พี่รี่ - ตอนนี้ได้มีโอกาสเจอพี่ปุ้ม ไกรสรบ้างไหม
นุจรี - ได้เจอบ้างคะ หนูเคยไปออกรายการและพูดถึงพี่ปุ้มเคยให้สตางค์หนูเป็นรางวัล 300 บาทในยุคนั้น อาปุ้มก็จะดีใจที่หนูพูดถึงน่ะคะ ก็ได้เจอน้องเพชรด้วย เพราะตอนนี้น้องเพชรเป็นดีเจรายการวิทยุด้วยที่คลื่น 95 ทุกครั้งที่ทางน้องเพชรและพี่ปุ้มจัดงานให้พี่ผึ้งพุ่มพวง หนูจะไปช่วยตลอดเลยค่ะ
พี่รี่ - ทำไมถึงมาเปลี่ยนเป็นชื่อ “นุจรี ศรีราชา” คะ
นุจรี - พอทางบริษัท อโนทัย โปรโมชั่นปิดตัวลง และด้วยความที่ตัวหนูเองยังได้ออกงานอยู่บ้างซึ่งเป็นงานร้องเพลงก็ทำให้มีโอกาสได้ไปงานหนึ่งที่จังหวัดเพชรบุรี และทำให้ได้เจอกับ “คุณยุวดี บุญครอง” ซึ่งตอนนั้นท่านบริหารบริษัท เอ็มสตาร์มีเดียมิวสิคกรุ๊ป หรือที่รู้จักกันในนาม “มีเดียออฟมีเดีย” ในขณะนั้น และเนื่องจากว่าหนูจำท่านได้เพราะได้เห็นท่านในรายการทีวีบ่อย หนูก็เลยใช้ความกล้าที่จะเข้าไปแนะนำตัวกับท่านว่า หนูเป็นนักร้องลูกทุ่ง เคยมีอัลบั้มมาแล้ว และถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากขอโอกาสได้ร่วมงานกับท่านค่ะ ท่านก็ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ ก็นัดกันขึ้นมาหาแม่ยุ มาหาที่บริษัทเพื่อลองมาเทสต์เสียงดูและก็แนะนำให้ไปหาหลวงพ่อที่แม่ยุเคารพอยู่ที่วัดโพธิท่าเตียน ให้ไปตรวจเช็คดวงและก็พระท่านก็เปลี่ยนชื่อมาให้ ซึ่งมีหลายชื่อมาก ซึ่งใช้วัน เดือน ปี เกิดของเรามาประกอบการดูดวง เพราะคนไทยเราส่วนใหญ่เชื่อว่าถ้าต้องการทำงานอะไรให้ประสบความสำเร็จเรื่องของชื่อก็น่าเป็นส่วนประกอบ ซึ่งหนูก็เห็นด้วยค่ะ และในที่สุดหนูก็ได้คุยกับคุณแม่แท้ ๆ ของหนูคือแม่ไสวว่า ชื่อนุจรี ดีกว่าเพราะคล้องจองกับนามสกุล ศรีราชาค่ะ
พี่รี่ - งานเพลงไหนคะที่นุจรี คิดว่าสร้างชื่อเสียงให้คนรู้จักเรามากที่สุด
นุจรี - หนูคิดว่าเพลง “อีแหวสิ้นหวัง” ซึ่งตอนนั้นหนูอยู่กับบริษัท “เอ็มสตาร์มิวสิค”ค่ะ แต่จริงๆแล้วอัลบั้ม (สมัยก่อนเรียกว่าอัลบัมนะคะ) ชื่อว่า “ขึ้นป้ายหัวใจช้ำ”
พี่รี่ - หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ข่าวว่า นุจรี ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เกิดอะไรยังไงขึ้นคะ
นุจรี - คือตอนนั้นที่บริษัท “เอ็มสตาร์มิวสิค” ทางคุณแม่ยุวดี ท่านไม่ได้บริหารแล้ว หนูก็ได้มีโอกาสมารู้จักกับ “พี่ทศพล หิมพานต์” พี่ทศพล ก็ได้พาหนูให้ไปได้วิชาอีกวิชาหนึ่งก็คือ “การแหล่การทำขวัญนาค” และพาหนูเข้าไปแนะนำตัวกับอา “สุชิน ควรสงวน” บริษัท “โฟร์เอสสตูดิโอจำกัด” และในปี 2544 หนูก็ได้มาทำงานเพลงแรกคือ “ไม้หน้าสามตามผัว” และในปี2545 งานเพลงนี้ทำให้หนูมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากอีกครั้งเพราะได้ทำงานเพลงคู่กับพี่ทศพล หิมพานต์ โดยนำเพลงเก่าของ พ่อชาย เมืองสิงห์ มาร้องใหม่ ก็คือเพลง “กาคาบพริก” และโฟร์เอสเลยทำเพลง “หมาหยอกไก่” ให้หนูซึ่งทำให้สองเพลงนี้ดังคู่กันเลยค่ะ
พอในช่วงปลายปี 2545 ก็ทำให้หนูประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และทำให้หนูต้องพักรักษาตัวและหายไปจากวงการเพลงถึงสิบกว่าปีค่ะ
พี่รี่ - โห หายไปนานมากนะคะ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องหายไปนานขนาดนั้นคะ
นุจรี - ที่ต้องหายไปนานก็เพราะหนูต้องพักรักษาตัว และหน้าตาของหนูก็เสียโฉมไปด้วยค่ะ
พี่รี่ - แล้วเงินทองตอนนั้นอยู่และกินใช้อย่างไรคะ ขออนุญาตถามค่ะ
นุจรี- ก็ลำบากมาค่ะพี่รี่ ซึ่งงานก็มีบ้างไม่มีบ้าง และเป็นช่วงที่หนูหมดสัญญากับทางบริษัทโฟร์เอสในปี 2548 พอดีด้วยและก็ไม่ได้มีการต่อสัญญาต่อ ซึ่งงานทีทำให้หนูได้สตางค์ในช่วงนั้นบ้างก็จะเป็นงานทำขวัญนาคและก็รับงานร้องเพลงตามงานต่างๆซึ่งบางครั้งก็ได้ค่าตัวบ้างไม่ได้ค่าตัวบ้าง ขึ่นอยู่กับว่าเป็นงานอะไรน่ะค่ะ แต่หนูก็ต้องรับไว้ก่อนเพื่อปากท้องของคนในครอบครัว คือหนูเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงดูแลที่บ้านอยู่แล้วน่ะคะ เพราะฉะนั้นหนูก็ต้องฮึดสู้เพื่อให้ได้กลับขึ้นมาอีกครั้งให้ได้ค่ะ บางงานถึงหนูจะไม่ได้ค่าตัวแต่หนูคิดว่า “อย่างน้อยคนก็ยังจำเราได้ดีกว่าที่เราจะหายไปเลย”
พี่รี่ - และไปยังไงมายังไงถึงได้มาร่วมงานกับ พี่กบและวงอโยธยาคะ
นุจรี - คือสมัยเด็ก ๆ หนูก็ชื่นชอบและเป็นแฟนคลับวงไมโครอยู่แล้ว แต่มาตามเชียร์จริง ๆ ก็ตั้งแต่ปี 2558 พอดีหนูไปทำขวัญนาคที่ระยอง ซึ่งในช่วงนั้นทางพี่หนุ่ย อำพล ลำพูนกับพี่กบ ไกรภพ หรือกบไมโครในตอนนั้นนะคะ ก็มีงานมาร้องเพลงที่ระยองด้วยเหมือนกัน และทางพี่หนุ่ยก็ได้ไปทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารหนึ่งซึ่งเพื่อนหนูก็ชวนหนูไปทานข้าวที่ร้านนั้นด้วยพอดี หนูเลยเดินเข้าไปแนะนำตัวกับพี่หนุ่ย และพอขึ้นมากรุงเทพก็ได้รู้โปรแกรมที่พี่หนุ่ยพี่กบจะต้องไปเล่นดนตรีที่ไหนบ้าง หนูก็เลยตามไปเชียร์ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่กบและได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนนั้นหนูก็เป็นแฟนคลับของพี่ๆเค้าก็อยากจะตามไปดูทุกคอนเสิรต์ที่พี่เค้าเล่นถ้าเรามีโอกาสน่ะค่ะ
จนกระทั่งเมื่อประมาณปีที่แล้วที่พี่กบได้แยกตัวออกมาจากวงของพี่หนุ่ย และพี่กบได้ทำเพลง “เรือ” ซึ่งเป็นเพลงที่อโยธยา ทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่9 หนูก็ได้ติดตามพูดคุยกับพี่กบและได้บอกทางพี่กบว่าหนูอยากจะขออนุญาตพาพี่ไปแจกแผ่นเพลงเรือให้กับทางสถานีวิทยุต่างๆค่ะ ในกรุงเทพ และช่วงที่นั่งรถไปด้วยกันหนูก็ได้คุยกับพี่กบว่า “หนูมีเพลงคู่นะพี่สำหรับผู้หญิงกับผู้ชายซึ่งเป็นงานเพลงประมาณว่า ร๊อคกับแหล่” คือพี่กบร้องแนวร๊อคหนูก็ร้องในแนวแหล่ของหนูไป หนูก็เลยเปิดเพลงให้พี่กบฟังในรถ พี่กบก็บอกว่า “เดี๋ยวขอเวลาพี่ไปทำดนตรีนะครับ แล้วเราก็ลองมาลงเสียงดูว่าจะเป็นยังไง”
พี่รี่ - ก็เห็นว่าตอนนี้เพลง “ชาร์จแบตชาร์จใจ” ขึ้นมาเป็นอันดับหนึงของคลื่นวิทยุออนไลน์ “ฮักเรดิโอ” เลยนี่คะ เพิ่งเปิดตัวมาได้เดือนกว่าเอง
นุจรี - ใช่ค่ะ ซึ่งเราก็จะมีคอนเสิรต์ประมาณสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ด้วยค่ะ ซึ่งจะเป็นคอนเสิรต์ครั้งแรกที่หนูกับพี่ ๆวงอโยธยาได้ได้ขึ้นคอนเสิรต์ด้วยกันค่ะ
พี่รี่ - มาดูอีกงานล่าสุด เห็นว่านุจรี เล่นหนังด้วย
นุจรี - ใช่ค่ะหนูก็ต้องกราบขอบพระคุณ “พี่ดาว มยุรี” ซึ่งเป็นพี่สาวที่หนูเคารพและพี่ดาวก็เมตตาหนูมาก อาจเป็นเพราะเรามาทางสายบุญด้วยกันด้วย ก็เลยทำให้เราได้มีโอกาสช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งพี่ดาวเป็นพี่สาวที่น่ารักและใจดีกับหนูมากค่ะ
พี่รี่ - กลับมาที่งานเพลงกับวง อโยธยา ว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไรอย่างไรบ้างไหมคะ
นุจรี - คือพี่กบจะปรึกษากับพี่ก๊อง สิทธวีร์ พิพัษน์ชุติพร ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ในงานเพลงนี้ว่า จะทำยังไงดีที่ไม่ให้ดูเป็นร๊อคเกินไปหรือแหล่เกินไปค่ะ
พี่รี่ - ใช้เวลาเรียบเรียงคำร้องทำนองนานไหมคะ
นุจรี - ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ๆ เหมือนกันค่ะ ซึ่งพี่กบกับพี่ก๊องก็ได้มีการปรึกษาทำงานร่วมกันน่ะคะ
พี่รี่ - ขอพูดถึงเรื่องการแต่งตัวนะคะ ใครดูแลให้คะเพราะดูสวยเฉี่ยว เปรี้ยว เท่ห์มากเลย
นุจรี - หนูคิดเองค่ะ เพราะด้วยความที่เราทำงานตรงนี้มาค่อนข้างนานพอสมควร ถึงแม้ว่าหนูจะร้องเพลงในแนวเพลงลูกทุ่ง แต่หนูก็ฟังเพลงหลากหลายน่ะคะ ก็จะฟังพี่ ๆ ไมโคร พี่มาช่า พี่คริสติน่า และก็หลาย ๆ คน หนูจึงนำแนวต่าง ๆ ของศิลปินหลาย ๆ ท่านมาประยุกต์ดูกัน ซึ่งหนูก็ต้องขอกราบขอบพระคุณผู้ที่นำเสื้อหนังมาให้หนูใส่ คือ ได้มาจากพระพี่ชายรูปหนึ่งที่วัดดอนคา ซึ่งหนูเคยได้มีโอกาสไปช่วยงานบุญท่าน และท่านก็มีหลานไปฮ่องกงพอดี ท่านเลยให้หลานท่าซื้อเสื้อมาให้ได้ใส่ในงานเพลงนี้พอดีเลยค่ะ ก็คือท่านพระปลัดสุเทพ สุเทโว เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนคา อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรีค่ะ หนูก็เลยได้ใส่ทำงานเพลงนี้ตลอดเลยค่ะ
พี่รี่ - งั้นเดี๋ยวพี่รี่ส่งจากออสเตรเลียให้เนอะ (หัวเราะ)
นุจรี- ได้เลยค่ะ (หัวเราะ) หนูจะได้ใส่
พี่รี่ - หลังจากที่นุจรี ห่างหายไปนาน พอกลับมาตอนนี้รู้สึกวงการเพลงบ้านเราเปลี่ยนไปยังไงบ้างคะ
นุจรี - หนูยอมรับเลยค่ะว่า ตอนนี้วงการเพลงบ้านเรามีตัวเลือกมากขึ้น นักร้องมากขึ้น และเสียงก็ดี ๆ กันหลาย ๆ คน ทำให้คู่แข่งเราก็เยอะขึ้นด้วย ทำให้ในเรื่องงานเพลงแชร์กันไปหมดซึ่งรายได้เราเลยต้องกระจายไปให้กับนักร้องหลาย ๆ ท่านด้วย ก็ยอมรับเลยค่ะว่า ถ้าทางด้านเศรษฐกิจหรือรายได้ของของหนู บางครั้งก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง อีกอย่างงานเพลงก็ออกมากันหลายแนว ซึ่งบางแนวก็ไม่ใช่แนวหนูด้วยน่ะคะ
พี่รี่ - แต่นุจรี มีจุดเด่นอีกอย่างที่น่าสนใจ คือ รับทำขวัญนาค คืออะไรยังไง แล้วเราเป็นผู้หญิงที่อายุก็ยังไม่มากด้วย ทางผู้ติดต่อทำไมถึงมั่นใจในตัวนุจรี และรายได้ดีไหมคะ
นุจรี - งานทำขวัญนาคจะมีเป็นในช่วงฤดูของงานค่ะ จะเป็นช่วงก่อนที่จะเข้าพรรษาเค้าจะบวชกัน ก็ได้งานช่วงต้นปีถึงก่อนจะเข้ากรกฎาคม แต่หมอทำขวัญนาคก็เยอะ ส่วนใหญ่เค้าก็จะเรียกรุ่นใหญ่มากกว่า เช่น พี่ทศพล หิมพานต์ ส่วนตัวหนูเองก็เป็นประมาณเบอร์ที่สามที่สี่น่ะค่ะ
พี่รี่ - คู่แข่งมีเยอะไหมคะ
นุจรี - มีเยอะค่ะ แต่หนูจะมีวงของหนูเองด้วยมีทั้งหมอทั้งผู้ชายและตัวหนูเองเป็นหมอผู้หญิง
พี่รี่ - แล้วหมอทำขวัญนาคที่เป็นที่รู้จักและเป็นผู้หญิงมีใครบ้างคะ
นุจรี - ก็จะมีแม่ขวัญจิตร ศรีประจันทร์ แม่ศรีไพ ไทยแท้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นรุ่นใหญ่และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากค่ะ ส่วนรุ่นที่เล็กลงมาหน่อยแต่ก็ยังได้รับการยอมรับมาก ๆ ก็จะมี พี่หน่อย เนาวรัตน์ คุณกาญจนา มาศิริ คุณแก้วฟ้า สหเพชร ค่ะ
พี่รี่ - ชอบไหมคะ เวลาทำขวัญนาค
นุจรี - ชอบค่ะ เพราะตอนที่หนูมาเรียนกับหลงพ่อบุญเหลือ ปญญาพโล กับพี่ทศพล หนูคิดเป็นโชคดีของหนูด้วยที่ได้มีโอกาสรับวิชานี้มา เพราะในช่วงนั้นจะมีวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สนใจเรียนวิชานี้ ถือว่าเราได้มีโอกาสทำนุบำรุงรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมและประเพณีไทยให้คงอยู่สืบต่อไปค่ะ รุ่นหลังๆเค้าจะได้ได้เห็น หนูภูมิใจมากับการได้ยอมรับให้เป็น หมอทำขวัญนาค
พ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ ท่านเคยแนะนำว่า “การเป็นหมอทำขวัญนาคควรจะมีความพร้อมด้วยวุฒิภาวะที่จะต้องสอนนาคได้” ในความเป็นจริงแล้วหมอทำขวัญนาคควรจะมีอายุมากกว่านาค เพราะสามารถที่จะสอนนาคได้ค่ะ
พี่รี่ - ถามชีวิตส่วนตัว มีแฟนไหมคะ
นุจรี - นุจรีหัวเราะก่อนจะตอบว่า “มีแฟนเพลงไงคะ” 555 พี่เค้าก็ดูแลหนูทั้งทางด้านงานเพลงและด้านเรื่องส่วนตัวค่ะ พี่เค้าเข้าใจหนูมากซึ่งหนูก็ถือว่าอย่างน้อยหนูก็เป็นคนโชคดีในระดับหนึ่งค่ะ
พี่รี่ - ถือว่าอย่างน้อย ๆ นุจรีก็มีความโชคดีอยู่ในหลาย ๆ ด้านนะคะ วันนี้พี่รี่ต้องขอขอบคุณน้องไก่ นุจรี ศรีราชา มา ณ ที่นี่ และขอให้งานเพลงใหม่ที่ได้ทำร่วมกับวง อโยธยา ประสบความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าในวันหน้ามีโอกาสหวังว่าทางแฟน ๆ ที่ออสเตรเลียจะได้มีโอกาสต้อนรับทั้งนุจรี และพี่ ๆ วงอโยธยาที่ออสเตรเลียบ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ