“เดี๋ยวนี้มีทางเลือกหลายทางเลือกให้คนที่อยากเป็นนักบินได้ทำอาชีพตามความฝันครับ”
อาชีพในฝันของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ก็คือ “อาชีพนักบิน” เพราะเนื่องจากรายได้ที่ค่อนข้างสูงแล้ว ก็ยังมีองค์ประกอบอื่นที่เป็นเสน่ห์ของอาชีพนี้ เช่น เครื่องแบบที่ดูเท่ห์ และการได้ไปท่องเที่ยวตามประเทศต่าง ๆ อีก แต่อาชีพนักบินก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นกันได้ง่าย ๆ วันนี้เราได้รับเกียรติจาก “พี่ก้อง” ซึ่งมีประสบการณ์ในการเป็นนักบินมาแล้วถึง 20 ปี และปัจจุบันพี่ก้องก็เป็นนักบินให้กับสายการบิน Private สายการบินหนึ่ง และเคยมีประสบการณ์ในการทำงานกับสายการบินพาณิชย์ใหญ่ ๆ มาแล้ว แต่ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัยทั้งในตัวของนักบินเองและบริษัท เราจึงไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าของพี่ก้องได้ แต่พี่ก้องยินดีที่จะมาตอบคำถามกับทีมงาน MaBrisbane ว่าทำอย่างไร น้อง ๆ ที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นนักบินจะได้ไปถึงฝั่งฝัน
พี่รี่ - อยากทราบประวัติการศึกษาของพี่ก้องค่ะ
พี่ก้อง - ผมจบมหาวิทยาลัยที่เมืองไทยในสาขามนุษย์ศาสตร์ครับ และพอจบมาก็ได้ทำงานทางด้าน Import - Export ประมาณหนึ่งปี หลังจากนั้นก็ได้ย้ายสายงานมาสมัครทำงานเกี่ยวกับสายการบินทางด้านภาคพื้นดิน พอเราได้มาสัมผัสงานทางด้านนี้ประกอบกับได้เห็นรุ่นพี่ที่เป็นนักบินก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองอยากเป็นนักบินบ้างจะทำอย่างไรดี ก็เลยคุยกับพี่ ๆ นักบินและตัดสินใจไปเรียนต่อทางด้านการเป็นนักบินที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมือง Oklahoma เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ซึ่งตอนที่ไปเรียนนั้นก็ขอลางานจากทางบริษัทแบบไม่รับเงินเดือนเป็นเวลาหนึ่งปี (Leave without pay)
พี่รี่ - แล้วมาเริ่มชีวิตการเป็นนักบินได้อย่างไรคะ
พี่ก้อง - พอกลับมาเราก็ต้องมาทำเรื่องสอบเกี่ยวกับใบอนุญาตในการเป็นนักบินครับ ซึ่งช่วงที่รอผมก็กลับมาทำงานที่บริษัทเดิมทางด้านภาคพื้นดินครับ
พี่รี่ - แล้วพอหลังจากสอบได้ใบอนุญาตแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างเพราะเราจะต้องประกอบอาชีพนี้อย่างเต็มตัวแล้ว
พี่ก้อง - ครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้นนะครับ ผมคิดว่านักบินใหม่ทุกคนก็คงมีความรู้สึกคล้าย ๆ กัน ช่วงแรกที่เราได้งานเป็นนักบินแล้วเนี่ยเราจะมีตำแหน่งเป็นนักบินที่สองอยู่ ก็ตื่นเต้นนะกลัวทำอะไรผิด (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากเพราะเรายังมีนักบินที่หนึ่งซึ่งเค้าต้องคอยดูแลอยู่อีกทีหนึ่ง เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างครับ
พี่รี่ - ตอนแรกที่บิน ได้ทำงานกับสายการบินพาณิชย์ใช่ไหมคะ
พี่ก้อง - ใช่ครับ ก็เป็นสายการบินพาณิชย์ที่ไม่ใหญ่มากเป็นสายการบินภายในประเทศ พอผมทำงานที่บริษัทนี้ไปได้ซักระยะหนึ่งก็ลองไปสมัครกับสายการบินอินเตอร์เนชั่นเนลดู ก็เลยได้ทำงานกับสายการบินต่างชาติ ซึ่งก็ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ความรับผิดชอบของเรายังเหมือนเดิม เพราะชีวิตของการเป็นนักบินเราต้องให้ความสำคัญกับผู้โดยสารอยู่แล้วครับ
พี่รี่ - สำหรับน้อง ๆ ที่อยากเป็นนักบินพี่ก้องมีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ และจำเป็นไหมที่ต้องเรียนด้านไหนเป็นพิเศษ
พี่ก้อง - อย่างแรกเลยคือเราต้องมีใจรักที่จะเป็นนักบิน เพราะบอกได้เลยว่าเป็นงานที่ต้องใช้ความรับผิดชอบค่อนข้างสูงและต้องมีวินัยในตัวเองด้วย
อย่างที่สอง ก็คือเรื่องของความอดทน เราต้องรู้จักที่จะควบคุมสติให้อยู่และต้องเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจให้ 100 เปอร์เซนต์
อย่างที่สามคือ อย่ามองแต่เรื่องของรายได้เป็นหลัก แต่ให้คำนึงถึงใจรักที่จะทำงานมากกว่า เพราะเราจะได้มีความรักกับงานที่เราทำ ไม่ใช่ทำเพราะคิดแต่เรื่องค่าตอบแทนแต่เพียงอย่างเดียว
อย่างที่สี่ ก็คือความพร้อมทางด้านสุขภาพร่างกาย สายตาเรามีปัญหาอะไรไหม เพราะการเป็นนักบินคุณจะต้องมีสายตาที่ดี และอีกอย่างที่สำคัญก็คือ ทางด้านจิตใจอย่ามีความมั่นใจที่มากหรือสูงเกินไป
อย่างที่ห้า ก็คือความรู้ในเรื่องของภาษาอังกฤษ เพราะอาชีพนี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการติดต่อสื่อสาร ส่วนที่ถามว่าต้องเรียนด้านไหนเป็นพิเศษไหม ก็ต้องมีความรู้ทางด้านคำนวนและทางด้านภาษาอังกฤษพอสมควรนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละประเทศด้วย
พี่รี่ - อาชีพนักบินปัจจุบันนี้มีคู่แข่งเยอะไหมคะ
พี่ก้อง - ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดนะครับ แต่คิดว่าในอนาคตน่าจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้น
พี่รี่ - เวลาจัดตารางการบินเป็นอย่างไรคะ
พี่ก้อง - ส่วนใหญ่แล้วทางบริษัทจะจัดการให้เราครับ ก็จะมีกฎกติกาที่ครอบคลุมในเรื่องของการทำงานและการพักผ่อนให้เพียงพอครับ
พี่รี่ - ความแตกต่างระหว่างการทำงานสายการบินในประเทศกับสายการบินต่างประเทศ ต่างกันอย่างไรบ้างคะ
พี่ก้อง - จริง ๆ แล้วผมก็รักงานที่ทำในทุกบริษัทนะครับ แต่ที่ผมเลือกที่จะไปทำงานกับสายการบินต่างชาติก็เพราะว่าอยากได้แนวคิดในด้านการบริหารจัดการและก็ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เพื่อเราจะได้รู้ว่า “เราเหมาะกับองค์กรไหนครับ”
พี่รี่ - นักบินที่หนึ่งกับนักบินที่สอง มีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไรบ้างคะ
พี่ก้อง - หน้าที่จะไม่แตกต่างกันมากครับเพราะทั้งนักบินที่หนึ่งและที่สองต่างก็มีหน้าที่ของตนที่ต้องดูแลรับผิดชอบ หรือรับผิดชอบร่วมกัน แต่ยังไงก็ดีถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินทุกคนก็ต้องสามารถทำงานแทนกันได้ครับ การตัดสินใจส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับนักบินที่หนึ่ง
พี่รี่ - ทราบว่าพี่ก้องเคยมาฝึกที่บริสเบนด้วย
พี่ก้อง - ก็ประมาณแปดปีที่แล้วครับ เราต้องมาฝึกทบทวน ปกติแล้วหลาย ๆ สายการบินก็จะมาฝึกทบทวนที่บริสเบนกันอยู่แล้ว และที่สำคัญอีกอย่างผมทราบมาว่าในรัฐควีนสแลนด์มีบริษัทการบินที่เป็นที่ยอมรับค่อนข้างเยอะ มีทั้งสายการบินแบบ Private ด้วย คุณสามารถเลือกเรียนเป็นนักบินได้ด้วย ค่อนข้างที่จะได้มาตรฐานเลยทีเดียว
พี่รี่ - พี่ก้องชอบอะไรที่บริสเบนบ้างคะ
พี่ก้อง - ชอบบริสเบนเพราะดูเป็นเมืองที่น่าอยู่ สงบ ดูแล้วไม่ค่อยวุ่นวาย และอยู่ใกล้เมืองไทยอีกต่างหาก ถ้าบินตรงมาก็แค่ 9 ชั่วโมง ที่สำคัญคือ ผมคิดว่าเหมาะมากสำหรับนักเรียนที่อยากมาฝึกเรียนภาษาหรือมาเรียนต่อ เพราะดูแล้วสิ่งยั่วยุยังค่อนข้างน้อยอยู่ อีกทั้งคนไทยที่นี่ก็ดูอบอุ่นช่วยเหลือกันดี อาหารการกินก็มีเหมือนเมืองไทย ไม่น่าจะเหงานะครับ
พี่รี่ - สุดท้ายนี้อยากให้พี่ก้องฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่อยากเป็นนักบินค่ะ
พี่ก้อง - ผมอยากบอกว่า ถ้าคุณตั้งใจที่จะทำอาชีพนี้ ก็ให้มุ่งเรียนทางด้านนี้เลยโดยเฉพาะน้อง ๆ ที่อยู่ที่บริสเบน ถ้าอายุยังไม่เยอะ และพิจารณาคุณสมบัติของตัวเองแล้วว่ามีใจรักทางด้านงานนี้จริง ๆ และก็มีทุนทรัพย์ที่สามารถดูแลตัวเองทางด้านการเรียนสายงานนี้ได้ ผมคิดว่าอาชีพนักบินก็จะเป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถเติมเต็มความฝันอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตของคุณได้ แต่อย่าลืมนะครับว่า “ต้องมีใจรัก อย่าคิดแค่เรื่องค่าตอบแทนอย่างเดียว” ทุกงานจะทำให้ชีวิตคุณประสบความสำเร็จและมีความสุขถ้าคุณมีใจรักที่จะทำงานนั้น ๆ ครับ
พี่รี่ - ทางทีมงาน MaBrisbane ขอขอบคุณพี่ก้องมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะที่มาพูดคุยกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถลงรูปของพี่ก้องได้เพราะเหตุผลทางด้านอาชีพการงานและความปลอดภัย แต่อย่างน้อยคำแนะนำของพี่ก้องก็สามารถเป็นหนึ่งในแนวทางให้น้อง ๆ ที่กำลังตัดสินใจที่จะก้าวเดินทางมาในสายอาชีพนักบินได้รู้ว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง