“ไม่ลักขโมย ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ไม่อยากอ่านประวัติศาสตร์ของใคร พี่อยากเขียนประวัติศาสตร์เอง” จากนักร้องต่างจังหวัดได้รายได้วันละ 20 - 30 บาทต่อคืน กลายมาเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยระดับตำนานแห่งโกลด์โคสต์ ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าคุณมาโกลด์โคสต์แล้วไม่มาที่ร้านอาหาร “เชียงใหม่ไทย” แสดงว่าคุณยังมาไม่ถึง เห็นร้านอาหารสวยๆ อย่างนี้ ประวัติการก่อตั้งของเจ้าของร้านก็ใช่ว่าจะสวยงามโรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ พี่อ๋อย หรือคุณอนุรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “พี่เดินทางมาถึงเมืองบริสเบนโดยมีเงินติดตัวมาแค่ 20เหรียญออสเตรเลีย(เมื่อสมัยกว่า20ปีที่แล้ว) ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเงินจำนวนมากนักแต่ด้วยความเป็นคนมีเลือด “นักสู้” อยู่ในตัวทำให้พี่คิดว่า “ต้องหนักเอา เบาสู้ และอย่าเกี่ยงงาน” ที่สำคัญคือต้องสะสมประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด วันนี้พี่อ๋อยและภรรยาคนสวยคือพี่แหม่ม(คุณนพพร) สองสามีภรรยาแห่งตระกูล “ธีระวนิช” จะมาเปิดใจเล่าให้ทาง MaBrisbane ฟังว่าสิ่งที่พี่ทั้งสองต้องพบเจอนั้นมีอะไรบ้าง
พี่อ๋อย : ตอนที่พี่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ กับพี่แหม่ม ด้วยความที่เราไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไร เชื่อไหมว่าพี่จะมานั่งตกปลาอยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าร้านนี้เป็นประจำ เพราะเราต้องประหยัด ผู้หลักผู้ใหญ่คนเก่าๆ เค้าจะจำภาพพี่สองคนมานั่งตกกุ้งหอยปูปลาแถวนี้ได้อยู่ ซึ่งพี่คิดว่านั่นคือความโชคดีของพี่ เนื่องมาจากพื้นฐานครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน มันเลยทำให้เราได้เรียนรู้ในเรื่องของการใช้ชีวิตและอดทนต่อความยากลำบาก พี่จะคิดเสมอว่า ถ้าไม่ใช่วันของเรา เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด รู้จักหน้าที่ของเรา พอใจในความเป็นตัวของตัวเอง ให้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด อย่าไปคิดน้อยอกน้อยใจเปรียบเทียบแข่งขันกับใคร เพราะมันยังไม่ถึงเวลาของเรา ประวัติพี่ก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยใช้เวลา 8 ปีเต็ม(หัวเราะ) คือเรียนจนสุดเวลาเค้าว่างั้นเถอะ แต่พี่เป็นคนเรียนดีนะ แต่ที่ช้าเพราะต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย จนในที่สุดก่อนก็เรียนจบและได้มีโอกาสย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่โกลด์โคสต์ ซึ่งพี่ก็เริ่มอาชีพจากการเป็นเชฟร้านอาหารไทยเหมือนกับคนไทยหลายๆ คนที่มาตั้งรกรากที่นี่ใหม่ๆ แล้วก็ได้มาทำที่ร้านไทยออร์คิดของพี่ติ๊ก ทีน่า นั่นล่ะ ก่อนที่พี่จะได้รับการเสนอให้เข้าทำงานที่เชอราตัน มารีน่า มีราจ โกลด์โคสต์ (Sheraton Marina Mirage Gold Coast) ซึ่งพี่ถือว่า ตรงนี้ล่ะที่เป็นความโชคดีของพี่อีกครั้งที่ได้มีโอกาสไปทำงานในโรงแรมระดับห้าดาว และทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการทำงานที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานแบบสากล เพราะหลังจากที่พี่เปิดร้านอาหาร พี่ก็ได้ใช้ประสบการณ์ต่างๆที่ได้มาจากทั้งร้านอาหารไทยและโรงแรม มาปรับปรุงและพัฒนาร้านอาหารเชียงใหม่ไทย ให้มีความเป็น International มากขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งในเรื่องของการอนุรักษ์ ศิลปะ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมไทย
MaBrisbane : ร้านเชียงใหม่ไทยถือกำเหนิดมาปีไหนคะ
พี่อ๋อย : ร้านอาหารเชียงใหม่ไทยเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1993 และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี ร้านเราก็ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีมากว่า 40 รางวัลแล้ว โดยรางวัลแรกคือ Best Thai Restaurant in the Gold Coast ในปี 1994 และหลังจากนั้น ก็ได้รับรางวัลร้านอาหารที่เป็นสุดยอดแห่งโกลด์โคสต์มาโดยตลอด แต่รางวัลที่พี่อ๋อยและพี่แหม่มภูมิใจมากๆ (จริงๆ แล้วภูมิใจทุกรางวัล) นั้นคือ Best Themed Restaurant in Queensland and Best Themed Restaurant in Australia 2005 ของ Restaurant & Catering Australia ซึ่งพี่แหม่มบอกว่า “ถือว่าเป็นรางวัลสูงสุดของร้านเรา” และตำแหน่งที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ (ฟังแล้วคล้ายประกวดนางงาม) คือ Best Thai Restaurant of the Gold Coast 2013 ของ Restaurant & Catering Queensland ค่ะ ปัจจุบันนี้ ร้านเชียงใหม่ไทยมี 2 สาขา คือ เชียงใหม่ไทย สาขา Broadbeach และ เชียงใหม่ไทย สาขา Surfers Paradise
MaBrisbane : ไม่แปลกใจเลยค่ะที่ร้านเชียงใหม่ไทยได้รับรางวัลมาอย่างมากมาย เพราะในวันที่ทางทีมงานไปสัมภาษณ์ เป็นวันที่ฝนตกหนักมาก แต่ทางร้านมีบริการพิเศษคือ “จัดพนักงานถือร่มไว้คอยต้อนรับลูกค้า ซึ่งจะไปรับตั้งแต่ในรถเลยทีเดียว” ทางเราเลยแซวพี่อ๋อยไปว่า พี่อ๋อยคะ เวลาเราไปตามโรงแรมเค้าจะมี Door man แต่ร้านพี่นี่สุดยอดเลยนะคะ มี Umbrella man พี่อ๋อยหัวเราะก่อนจะตอบกลับมาว่า เราต้องคิดถึงใจเค้าใจเรานะครับ เพราะลูกค้าคงไม่สนุกเลยถ้าจะมาทานข้าวแต่ตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ (หัวเราะ) อันนี้บางคน บางร้าน อาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พี่คิดว่า เป็นอะไรที่ไม่ควรมองข้าม เพราะลูกค้าถ้าเค้าจะประทับใจ เค้าต้องประทับใจตั้งแต่การก้าวเท้าครั้งแรกที่ได้ลงมาจากรถคือ First impression
MaBrisbane : เห็นทางร้านใหญ่โตสวยงาม และมีหลายสาขาอย่างนี้ อยากทราบว่า พี่เคยประสบปัญหา “ขาดทุน” บ้างไหมคะ เพราะดูแล้วค่าใช้จ่ายน่าจะค่อนข้างสูง
พี่อ๋อย : การลงทุนกับการขาดทุนเป็นของคู่กัน ช่วงแรกๆ พี่เคยขาดทุนเป็นหลายแสนเหรียญออสเตรเลียเลยนะ ประมาณห้าแสนเหรียญได้ เคยแม้กระทั่งคุยกับพี่แหม่มว่า “เราจะหนีเหมือนคนอื่นๆ เค้าหรือจะสู้” ทางพี่แหม่มเนี่ยเค้าเป็นคนเข้าวัดและไหว้พระเป็นประจำสม่ำเสมอ พี่แหม่มก็ได้ให้ข้อคิดพี่มาเหมือนกันเกี่ยวกับในเรื่องของการทำดีแล้วจะได้ดี พี่เลยคิดว่าเราน่าจะลองสู้ดูคือตอนนั้นพี่มีสองร้านนะ ก็ใช้วิธีเอาเงินจากทางร้านนั้นมาโปะร้านนี้บ้างจนในที่สุดพี่ก็ขายร้านที่สองไป ก่อนที่จะมีโอกาสมาเปิดที่ร้านสาขา Surfers Paradise หลังจากนั้น ก็เพิ่งโดนไปอีกล่าสุดคือปีที่แล้ว ที่ทางเมืองโกลด์โคสต์มาสร้างทางรถราง เค้าก็ต้องปิดถนนในหลายๆ ที่ พี่ก็ขาดทุนไปหกแสนเหรียญ เรียกว่าขายบ้านไปหลังหนึ่งเลย แต่พี่ก็ไม่ได้ท้อนะ เพราะเราจะเตือนตัวเองเสมอว่า “คนเรามีขึ้นมีลง อย่าไปหวังอะไรมาก การช่วยเหลือกัน การมีน้ำใจให้กัน นั้นดีที่สุด” แต่ช่วงที่พี่ขาดทุนพี่จะไม่ให้ทางพนักงานอดเลยนะ เพราะเราเป็นนายจ้าง พนักงานพี่เคยได้รับค่าตอบแทนอย่างไร เค้าก็ต้องได้ยังงั้นเหมือนเดิม สิ่งที่เราต้องทำคือ ประคับประคองร้านให้ดีที่สุด พี่ไม่อยากให้ลูกน้องเสียขวัญและกำลังใจ เพราะฉะนั้นการที่เราแสดงให้เห็นว่า เรากำลังใจดี ลูกน้องก็จะมีกำลังใจในการทำงานไปด้วย
MaBrisbane : เรียกว่า สู้ไม่ถอยจริงๆ นะคะ เดี๋ยวนี้ร้านอาหารไทยเกิดขึ้นมาก และปิดตัวไปก็เยอะ พี่มีข้อแนะนำอย่างไรฝากไปถึงน้องๆรุ่นใหม่บ้างไหมคะ
พี่อ๋อย : พี่ขออนุญาตฝากทางทีมงาน MaBrisbane ประชาสัมพันธ์นิดนึงละกันครับ สิ่งที่พี่เป็นห่วงเกี่ยวกับร้านอาหารไทยคือ เรื่อง “คุณภาพ” พี่เข้าใจนะว่าการจ้างคนที่เป็นพีอาร์ หรือ Permanent Resident ของที่นี่ เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ แต่อย่าลืมว่าหลายๆ คนเค้าเรียนจบวิชาการเป็น เชฟมาอย่างถูกต้องตามกฏหมายของรัฐบาลออสเตรเลีย เพราะฉะนั้น ในเรื่องของมาตรฐานต่างๆ เค้าจะได้รับการฝึกฝนมาแล้ว พวกเราในฐานะเจ้าของกิจการก็ควรที่จะให้การสนับสนุนเค้า ส่วนเด็กนักเรียนนักศึกษาที่เรียนมาทางด้านนี้เราก็ต้องให้โอกาสเค้า ไม่ใช่ว่าขอแค่ให้มีคนทำอาหารเป็น ผัดเป็นก็พอ อย่าลืมว่าเรามาอาศัยอยู่ในบ้านเมืองเค้า อะไรที่เป็น กฏ กติกา ของเค้าเราก็ควรที่จะเคารพ ถ้าเป็นไปได้พี่แนะนำว่า อยากให้ร้านอาหารไทยทุกร้านเป็นสมาชิกของ Restaurant Catering เพราะเค้าจะมีมาตรฐานที่เป็นระบบสากล และที่สำคัญคือ ทำให้ทางรัฐบาลและคนของออสเตรเลียให้ความเชื่อถือร้านอาหารไทยมากขึ้น การที่จะจ้างพนักงาน อยากให้ทำกันแบบ “ถูกต้องตามกฎหมาย” เพราะมันเป็นชื่อเสียงของร้าน เจ้าของร้านที่ดีต้องเป็นเจ้าของร้านที่อยู่ในใจพนักงาน ไม่ใช่อยู่บนหัวพนักงาน อย่าคิดว่าจะเอาแต่กำไรอย่างเดียว ให้นึกถึงใจเค้าใจเรา และสิ่งดีๆ ก็จะตามมา ชื่อเสียง เงินทอง จะตามมาเอง เชื่อไหมว่าร้านเชียงใหม่ไทยของเรานี่ได้ให้การสนับสนุนคนไทยหลายๆ คนจนได้เป็น Permanent Resident ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวของเชฟ และผู้จัดการร้านเรามากว่า 11 ครอบครัว รวมแล้วก็ประมาณ 40 คนเลยนะ ซึ่งการได้ช่วยเหลือคนไทยด้วยกันให้ได้มีโอกาสดีๆ อนาคตที่ดีพีถือว่า “เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งที่เราสามารถตอบกลับให้กับพนักงานเราได้ และเค้าก็จะได้มีโอกาสสร้างชีวิตของเค้าให้ดียิ่งๆขึ้นไป”
MaBrisbane : อีกอย่างที่น่าประทับใจคือ ร้านพี่ทำอาหารได้แบบรวดเร็วมาก ทั้งๆ ที่คนก็แน่นร้าน
พี่อ๋อย : นั้นคือ มาตรฐานของร้านเราเลยครับ ต่อให้ลูกค้ามาทานอาหารในวันธรรมดาหรือวันหยุด อาหารก็ต้องได้เร็วเหมือนกันทุกครั้งที่เค้ามาร้านเรา อีกอย่างหนึ่งที่พี่เน้นมากก็คือ เรายังให้พนักงานของเราใส่ชุดไทยในการบริการลูกค้าและการยิ้ม เพราะประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรอยยิ้ม เราต้องสร้างความแตกต่างในการรับประทานอาหารให้เค้า สร้างบรรยากาศให้เค้ารู้ถึงความแตกต่างกับการทานข้าวที่บ้าน การทานอาหารนอกบ้าน พี่คิดว่าเป็นเรื่องพิเศษ เชื่อไหมว่าหลายๆ คน หลายๆคู่ มาขอคู่รักแต่งงานที่ร้านเรานะครับ บางคนมีลูกแล้วยังเอามาโชว์เราเลยเค้าบอกว่า เค้ามาจีบกันครั้งแรกก็ที่นี่ เพราะฉะนั้น พี่จึงให้ความสำคัญในเรื่องของมารตฐานของร้าน ต้องมีแต่ดีขึ้นไม่ใช่พัฒนาลง อย่าลืมว่าลูกค้าประจำเค้ายังคงคาดหวังการบริการและรสชาติอาหารที่เหมือนเดิมกับที่เค้าเคยมาทาน เราควรต้องนำเสนอแต่สิ่งดีๆ ที่จะสร้างชื่อให้กับร้านเราและประเทศชาติเรา ผลที่จะตามมาก็คือ เค้าอยากจะไปเที่ยวประเทศไทย นี่ก็เท่ากับว่าพวกเราร้านอาหารไทยมีส่วนช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจไทยทางอ้อม ปัญหาการเมืองมีทุกประเทศแต่เศรษฐกิจยังคงต้องเดินหน้าต่อไปครับ
MaBrisbane : พูดถึงลูกค้าบ้างค่ะ มีแขกคนสำคัญที่ไหนบ้างคะที่ทางร้านประทับใจ
พี่อ๋อย : จริงๆ แล้วพี่ประทับใจทุกคนนะ แต่ถ้าเรียกว่าเป็นความภูมิใจของร้านดีกว่านะ ก็คือทางเรามีโอกาสได้ต้อนรับ “สุลต่านและราชินีของมาเลเซีย” ทั้งสองพระองค์ได้มาเสวยพระกระยาหารค่ำที่ร้านของเรา ท่านมาในวันเสาร์อาทิตย์นี่ล่ะครับและทางเราก็ยังคงให้บริการลูกค้าเป็นปกติ แต่เราได้แบ่งส่วนให้ท่านทั้งสองได้เป็นส่วนตัวนิดนึง โดยจะไม่มีลูกค้าที่โต๊ะรอบๆ ของท่าน นอกจากนั้นก็จะมีนักการเมือง นักร้องดารา ทั้งเมืองไทย และต่างชาติทางร้านเชียงใหม่ไทยได้ต้อนรับมาแล้วทั้งสิ้น พี่อ๋อยยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ร้านเราเป็น Walking History คือเรายังไม่ตายแต่เราเป็นประวัติศาตร์ที่ยังคงเดินอยู่ สิ่งที่พี่ได้มาทุกวันนี้ พี่ก็อยากตอบแทนสังคมกลับคืนบ้างเพราะฉะนั้น การที่ได้มีโอกาสสนันสนุนนักเรียนนักศึกษาไทยที่มาเรียนที่นี่ให้มีงานทำ และบางคนพี่ก็ช่วยแม้กระทั่งเป็นสปอนเซอร์ให้ เพื่อเค้าได้มีอนาคตที่ดี และจะได้นำไปพัฒนาประเทศได้ นอกจากนั้นเราก็ยังช่วยสังคมทุกครั้งที่มีโอกาส ทั้งสร้าง ช่วยทั้งองค์การของคนไทยและออสเตรเลีย พี่คิดว่าเราช่วยเค้าแล้วเราสบายใจ เราได้มาเราก็ต้องให้ตอบกลับไป
MaBrisbane : อีกอย่างที่เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์และความสามารถพิเศษของพี่อ๋อย นั่นคือ พี่เป็นนักร้องลูกทุ่ง ใช้ชื่อว่า “หนุ่ม ดอนทราย หรือ หนุ่ม ธีระวนิช”
พี่อ๋อย : สิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่พี่รักเรียกได้ว่า “อยู่ในสายเลือด” เพราะการร้องเพลงถือได้ว่าเป็นอาชีพแรกๆ ของพี่เลยที่ทำให้มีเงินมาเลี้ยงตัวเองตอนสมัยอยู่เมืองไทย ถึงแม้ว่าจะเป็นการร้องเพลงตามห้องอาหาร ไนท์คลับ หรือกิจการงานพิเศษต่างๆ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่พี่รัก และในวันนี้วันที่เราเริ่มมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน พี่คิดว่า เราควรจะได้ทำอะไรที่เป็น ความฝัน ของเราบ้าง
MaBrisbane : เห็นว่าพี่มีเพลงเป็นของตัวเอง ถ้าสมาชิกและแฟนๆ ของ MaBrisbane อยากฟังผลงานพี่บ้างจะฟังได้ที่ไหนคะ ต้องมาที่ร้านเชียงใหม่ไทยหรือเปล่าค่ะ (หัวเราะ)
พี่อ๋อย : (หัวเราะก่อนตอบ) ฟังได้เลยครับทาง Youtube ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยนี้นะ ที่มีช่องทางต่างๆ ที่ทำให้เราได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ พี่คิดว่า งานเพลงเป็นอะไรที่พี่รัก งานร้านอาหารก็เป็นอาชีพและธุรกิจที่เรารัก พี่โชคดีที่ได้มีโอกาสทำในสิ่งที่พี่รัก
MaBrisbane : สุดท้ายนี้ทางทีมงาน ขอกราบขอบพระคุณทั้งพี่อ๋อยและพี่แหม่มมากๆ ที่ได้สละเวลามาบอกเล่าถึงประสบการณ์ดีๆ ให้พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลานได้ฟังและมีกำลังใจ ต่อสู้ และใช้ชีวิตในเมืองที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเราต่อไปค่ะ ยังไงๆ เราต้องขอฝากสมาชิกไปแวะชมผลงานของพี่อ๋อย หรือ หนุ่ม ธีระวนิช ที่ทางช่องยูทูปด้วยนะคะ โดยเฉพาะเพลง “รอวันฉันตาย” ที่มีนางเอกมิวสิควีดีโอคือพี่แหม่มศรีภรรยาของพี่อ๋อยนั่นเอง สมแล้วค่ะที่เป็น “คู่รักตัวอย่างของโกลด์โคท”
Chiangmai Thai (Boardbeach)
2779 Gold Coast Hwy
Broadbeach, QLD 4218
(07) 5538 2144
Chiangmai Thai (Surfers Paradise)
5-19 Palm AveSurfers Paradise, QLD 4217
(07) 5526 8891