ถ้าหากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวของประเทศออสเตรเลีย หลายคนคงจะคิดถึงภาพของอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์อย่าง Sydney Opera House หรือ Federal Square สถานีรถไฟใจกลางเมือง Melbourne และหากเป็นบริสเบนก็คงจะหนีไม่พ้นตัวหนังสือ Brisbane ขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้า Queensland Performing Arts Centre ซึ่งเป็นจุดที่ใครก็ต้องมาแวะเก็บรูปคู่ด้วย แต่รู้มั้ยว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีให้เราได้ชมกันในออสเตรเลีย มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง ได้โอกาสเมื่อไหร่ไปตามเก็บเช็คอินกันด้วยนะ
ตามล่าแสง (Aurora) บนเกาะ Tasmania
ที่มาภาพ : edition.cnn.com
ที่มาภาพ : spacetourismguide.com
เชื่อว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งความฝันของใครหลายคน ที่อยากดูปรากฏการณ์แสงเหนือด้วยตาตัวเองสักครั้ง แต่อย่างที่เรารู้กันว่า ปัจจัยด้านการเดินทางและสถานที่ที่ไป คืออุปสรรคสำคัญในการล่าความฝัน แต่รู้หรือไม่ ที่ออสเตรเลียเองก็สามารถไปตามดูแสงได้เหมือนกัน โดยที่ไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงขั้วโลกเหนือ หรือยุโรปตอนเหนือเลย เพียงเดินทางไปตอนใต้ของประเทศ อย่างเช่นหลายจุดบนเกาะ Tasmania ในช่วงฤดูหนาว (เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม) ด้วยตำแหน่งของเกาะที่ค่อนไปทางใต้ของโลก ทำให้เราสามารถมองเห็นแสงด้วยตาเปล่า จุดชมแสงใต้ที่แนะนำ ได้แก่ Bruny Island, Satellite Island หรือ Cradle Moutain-Lake St Clair National Park หากอยากเข้าไปดูภาพสวย ๆ ก่อนแพ็กกระเป๋าเดินทางล่ะก็ เข้าไปดูได้ในกรุ๊ปนี้เลย https://www.facebook.com/groups/auroraaustralis
ออกล่าท้าวิญญาณ ที่คุกนรกท่ามกลางบรรยากาศชวนขนหัวลุก Port Arthur Ghost Town
ที่มาภาพ : cdn.getyourguide.com
ที่มาภาพ : portarthur.org.au
ใครจะไปเชื่อว่าที่ออสเตรเลียเค้าก็มีสถานที่ลี้ลับเหมือนกันนะ เรายังคงอยู่บนเกาะ Tasmania กับ Port Arthur Ghost Town ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ มีเรื่องราวมากมายเมื่อครั้งปี 1833 สมัยก่อนที่แห่งนี้เป็นแหล่งขังนักโทษจากสหราชอาณาจักรที่มีประวัติอาชญากรรม ตั้งแต่ลักขโมยจนไปถึงคดีร้ายแรง ทำให้มีจำนวนผู้ต้องขังหนาแน่นจนกลายเป็นอาณานิคมใหม่ของนักโทษ มีการสร้างอาคารและโรงพยาบาลในพื้นที่ แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างเลวร้าย มีการเสียชีวิตของเหล่านักโทษจำนวนมากนับพันคน ทั้งด้วยโรคภัยและการประหารชีวิต นักท่องเที่ยวหลายคนที่ได้เข้ามาเยี่ยมชม อ้างว่าได้สัมผัส มองเห็นหรือได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ใครที่อยากไปสัมผัสสถานที่อันขนหัวลุกนี้ล่ะก็ ที่นี่เค้ามีทัวร์ 90 นาทีพาชมพื้นที่ภายในอาคารด้วยนะ ซึ่งขอบอกเลยว่าได้เห็นทั้งสถานที่จริงและเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวอันน่ากลัว เนื่องจากมาตรการในช่วง Covid-19 นี้ ผู้ที่สนใจอยากเข้าชมพื้นที่ จำเป็นต้องมีการจองออนไลน์ไว้ก่อน ทำให้มีการจำกัดจำนวนคนในแต่ละรอบ กว่าจะได้คิวต้องอดใจรอกันนิด อ่านรายละเอียดและกดจองกันได้ที่ https://portarthur.org.au/tour/ghost-tour/ บอกเลยว่าคุ้มค่ากับประสบการณ์แน่นอน
ไปดูหลุมอุกกาบาตใหญ่ยักษ์อันดับ 2 ของโลกที่ Wolfe Creek Crater
ที่มาภาพ : australiasnorthwest.com
ที่มาภาพ : 4s2018sydney.org
ข้ามไปอีกฝั่งของประเทศที่ Western Australia เมื่อ 300,000 ปีที่แล้ว บนพื้นแผ่นดินทวีปออสเตรเลีย ได้เกิดปรากฏการณ์อุกกาบาตขนาดยักษ์พุ่งชนโลก ซึ่งในเวลาต่อมา ยังคงไว้ซึ่งร่องรอยในอดึตอยู่เหมือนเดิม ที่ Wolfe Creek Crater คือจุดที่อุกกาบาตขนาดมหึมาถึง 50,000 ตัน พุ่งชนก่อให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ เกิดเป็นวงกว้างถึง 880 เมตร เห็นได้ชัดในมุมสูง แม้ว่าจุดนี้จะถูกค้นพบอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1947 โดยชาวยุโรป แต่คนท้องถิ่น Aboriginal ต่างรู้จักและเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า Kandimalal กิจกรรมที่นี่ คงหนีไม่พ้นการเดินปีนเขาไปยังจุดชมวิว โดยเฉพาะขอบปล่อง หรือจะเป็นการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิวจากมุมสูงก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ช่วงเดือนที่ควรไปคือ พฤษภาคมจนถึงตุลาคม
ชมปรากฏการณ์ประหลาด กับทะเลสาบสีชมพูที่รัฐ Western Australia
ที่มาภาพ : i.pinimg.com
ที่มาภาพ instagram : mkz.imagery
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่านอกจากทะเลสาบสีน้ำเงินที่เราพบเห็นได้ทั่วไป บนโลกนี้มีทะเลสาบสีชมพูด้วย ซึ่งไม่ได้เติมแต่งสีใด ๆ แต่เกิดจากธรรมชาติล้วน ๆ Pink Lake หรือทะเลสาบสีชมพู เกิดขึ้นจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า Halobacteria ในทะเลสาบ ที่ปล่อยสารเคมีเป็นสีชมพูออกมาให้เราเห็น หน้าที่ของเค้าคือการป้องกันแสงอาทิตย์ที่จะมากระทบกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย จุดยอดฮิตที่สามารถไปดูน้ำสีชมพู ได้แก่ Lake Hillier, Spencer Lake และ Hutt Lagoon ที่ตั้งอยู่ในรัฐ Western Australia หากไม่อยากข้ามมาทางตะวันตก จะไป Salt Water Lake ที่ Melbourne รัฐ Victoria ก็ได้นะ ระดับสีชมพูที่เราจะเห็น ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย แนะนำให้ไปดูในวันที่แดดแรงไร้เมฆ จะห็นเป็นสีชมพูเข้มเลย
ยืนชมแนวหน้าผาแท่งทรงประหลาดที่ Cape Pillar
ที่มาภาพ : zenandtheartofclimbing.com
ด้วยความสูงถึง 300 เมตรจากน้ำทะเลของเส้นทางหน้าผาที่สูงที่สุดในซีกโลกใต้ที่ Cape Pillar ตั้งอยู่ใน Tasman National Park ทางตอนใต้ฝั่งตะวันออกบนเกาะ Tasmania ทำให้มีความพิเศษที่หน้าผาที่อื่นไม่มี นั่นคือลักษณะรูปทรงที่เป็นแท่งสี่เหลี่ยม เหมือนเสาตั้งตระหง่านริมมหาสมุทร ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมา ที่นี่เหมาะสำหรับผู้รักการผจญภัย และผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า เพราะอย่างแรกเลย หากอยากชื่นชมทัศนียภาพบริเวณหน้าผาสูงล่ะก็ ที่นี่รถยนต์ไม่สามารถเข้าถึง การไปยังจุดปลายสุดของแนวหน้าผาต้องใช้วิธีเดินเท้าเท่านั้น ซึ่งใช้เวลาอย่างต่ำ 2-3 วันในการเดินทางไปและกลับ กับเส้นทาง “Cape Pillar” ตามชื่อสถานที่เลย หากอยากท้าทายความผจญภัย หรือสัมผัสวิวธรรมชาติที่แตกต่าง ก็ยังมีเส้นทางเดินป่าอีกหลายเส้น อาทิเช่น "Tasman Coastal Trail" และ "Cape Hauy" ซึ่งใช้เวลาแค่วันเดียวไม่ต้องค้างคืน หรือจะจัดไปยาว ๆ ที่ "Three Capes Track" ที่ใช้เวลาถึง 4 วัน 3 คืนเลยก็มี เชื่อว่าใครได้ไปสัมผัสมาแล้วล่ะก็ จะจดจำได้ไม่รู้ลืม
แนวกำแพงหินโค้งคล้ายคลื่นที่ Wave Rock
ที่มาภาพ : worldoftravelswithkids.com
ภาพที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจากธรรมชาติล้วน ๆ จากกาลเวลาที่ยาวนานกว่า 27 ล้านปี ผ่านการกัดเซาะของลมและน้ำอย่างยาวนาน ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์แห่งนี้ ที่เรียกว่า Wave Rock ตั้งอยู่ที่ Western Australia ด้วยแนวกำแพงหินโค้งที่ยาวถึง 110 เมตร สูง 15 เมตร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต่างต้องแวะเวียนมาถ่ายรูป หรือจะเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนก็น่าสนใจเหมือนกัน
The Pinnacles เสาหินปูนกลางทะเลทราย คล้ายดินแดนลึกลับ
ที่มาภาพ : pickyourtrail.com
ที่มาภาพ : www.stocksy.com
ภาพของเสาหินปูน ที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่กลางทะเลทรายคล้ายงานศิลปะนี้ ไม่ใช่ผลงานของศิลปินชื่อดังที่ไหน แต่ธรรมชาติเป็นผู้สร้าง กับการจัดเรียงเสาหินปูนนับพันจุด บนพื้นที่กว้างใหญ่ที่ Nambung National Park บริเวณฝั่ง Western Australia กับจุดที่มีชื่อเรียกว่า The Pinnacles หรือแปลตรงตัวว่าเป็นยอดแหลมของอาคาร จะได้บรรยากาศมากถ้ามาในช่วงตอนพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก ประหนึ่งจำลองพื้นดาวอังคารเลยก็ว่าได้ ที่นี่ไม่ได้มีแต่ความแห้งแล้งและเดียวดายเพียงอย่างเดียว เพราะช่วงสิงหาคมถึงตุลาคม เป็นช่วงเติบโตของพืชพันธุ์ป่าด้วยนะ
เงี่ยหูฟังหาดทรายเสียงแหลมกันที่ Squeaky Beach
ที่มาภาพ : visitmelbourne.com
แม้ภาพภายนอกจะดูเป็นหาดทรายขาวนวล ตัดกับน้ำทะเลฟ้าใสเหมือนกับชายหาดทั่วไป แต่ที่ Squeaky Beach ชายหาดบริเวณแหลมทางตอนใต้ Wilsons Promontory ที่รัฐ Victoria ซึ่งหากเราได้ไปเดินบนพื้นทรายแล้วล่ะก็ จะได้ยินเสียงแหลมอันน่าประหลาด เหมือนเวลาเราใส่รองเท้าผ้าใบแล้วลากบนพื้นเรียบ เสียงเอี๊ยด ๆ อาจทำให้บางคนขนลุกได้ แต่เสียงที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากแร่ควอท์ซที่ผสมอยู่ภายในทรายเสียดสีไปมาเวลาเกิดแรงกดทับ ทำให้เวลาเราเดินไปมาบนผืนทรายก็จะได้ยินเสียงตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเดินบนหาดจนเหนื่อยแล้ว ที่นี่ก็ยังมีจุดนั่งชมวิวจากมุมสูงเหมือนกัน เพียงปีนขึ้นไปบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่สุดทางหาด เราก็จะได้ทอดสายตามองทะเลสีฟ้าสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกนี่ สุดแสนจะโรแมนติกเลยทีเดียว
ถ้าอยากรู้ว่าเสียงจะน่าประหลาดแค่ไหน ลองฟังจากคลิปนี้ดูได้
และในประเทศออสเตรเลียยังมีสถานที่อีกมากมายให้เราได้ออกไปค้นหา ทั้งที่สวยงามและมีเรื่องราว หากออกเดินทางแล้วเจอที่ไหนมาล่ะก็ อย่าลืมที่จะแบ่งปันเรื่องราวให้ชาว MaBrisbane ได้รู้ด้วยล่ะ :-)