วันพฤหัสบดี, 21 พฤศจิกายน 2567

Booking.com

10 fun facts ของบริสเบนและสถานที่ต่างๆ

เผยแพร่เมื่อ 29 ตุลาคม 2567 โดย Yingg Is
10 fun facts ของบริสเบนและสถานที่ต่างๆ unsplash.com/@joshwithers

เข้าสู่เดือน 10...เดือนตุลาคม เหลืออีก 2 เดือนสุดท้ายก่อนจะหมดปี มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในปี 2024 อยากให้ช่วงเดือนนี้เพื่อนๆได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี รวมไปสิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไป ลองนึกถึงความรู้สึกแรก ที่ได้ไปท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ ๆ แต่ละแห่งต่างมีเรื่องราวที่แตกต่างกัน

วันนี้เราจะมาย้อนนึกถึงสถานที่ต่าง ๆ ในบริสเบน ผ่าน 10 เรื่องราวสนุกๆ ที่อาจยังไม่เคยรู้มาก่อน จะมีเรื่องราวอะไรบ้าง ติดตามกันได้เลย

 

  #10 : ก่อนจะมาเป็น Brisbane ที่นี่เคยมีชื่ออื่นมาก่อน   

 

10 fun facts of brisbane city 01

ที่มาภาพ : unsplash.com/@brisbanelocalmarketing

 

      รู้หรือไม่.. ก่อนที่เราจะเรียกชื่อเมือง บริสเบน ในวันนี้ ที่แห่งนี้เคยถูกเรียกด้วยชื่ออื่นมาก่อน ย้อนกลับไปในยุคโบราณ พื้นที่กว้างใหญ่บริเวณนี้เคยใช้ชื่อว่า “Meanjin” เป็นชื่อดั้งเดิมที่ใช้เรียกเป็นคำในภาษา Turrbal ของกลุ่มคนดั้งเดิม มีความหมายว่า "สถานที่ที่มีรูปร่างเหมือนหนามแหลม" ซึ่งอ้างอิงถึงรูปร่างของแม่น้ำบริสเบน ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นย่าน CBD ของบริสเบนนั่นเอง แต่นี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่มีการเปลี่ยนชื่อ เพราะต่อมาในสมัยล่าอาณานิคม จากการมาของผู้รุกรานฝั่งสหราชอาณาจักร ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น “Edenglassie” ในช่วงปี 1824 แต่ใช้ชื่อนี้อยู่ได้ไม่นาน เมื่อพื้นที่นี้ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองอย่างเป็นทางการ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “Brisbane”เพื่อเป็นเกียรติแก่ Thomas Brisbane ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ในขณะนั้น

 

   #9 : บริสเบน...เมืองแห่งแสงแดด   

 

10 fun facts of brisbane city 02

ที่มาภาพ : pixabay.com/users/kanenori-4749850

 

      รู้หรือไม่..บริสเบน เมืองใหญ่ประจำรัฐควีนส์แลนด์ มีอีกสมญานามว่า “Sunshine State” หรือรัฐแห่งแสงแดด เพราะเมืองบริสเบนมีแดดเฉลี่ยปีละ 283 วัน! ถือเป็นเมืองที่มีแดดจัดมาก อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ระหว่าง 21 ถึง 30 องศาเซลเซียส จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวบริสเบนจะขึ้นชื่อเรื่องการอยู่กลางแจ้ง เนื่องจากมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นและกึ่งร้อนชื้นแบบนี้ ทำให้รัฐควีนส์แลนด์ มีแนวปะการังอันยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงอย่าง Great Barrier Reef และชายหาดจำนวนมาก การท่องเที่ยวยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของรัฐอีกด้วย

 

  # 8 : Story Bridge สะพานเหล็กเอกลักษณ์ประจำเมืองบริสเบน   

 

10 fun facts of brisbane city 03

ที่มาภาพ : en.wikipedia.org

 

      รู้หรือไม่.. สะพานเหล็กคานยื่นแห่งนี้ใช้ในการสัญจรจากเขตชานเมืองทางตอนเหนือและตอนใต้ของบริสเบน ระหว่างย่าน Fortitude Valley กับ Kangaroo Point ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อีกทั้งเป็นสะพานคานยื่นที่ยาวที่สุดในออสเตรเลียที่กำลังจะครบรอบ 100 ปีไม่อีกไม่นาน สะพานนี้ถูกสร้างในปี 1930 เปิดให้บริการในปี 1940 โดยตั้งชื่อตาม John Douglas Story ข้าราชการที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น
นอกจากที่นี่จะเป็นสะพานที่มีความสำคัญต่อคนในพื้นที่แล้ว ยังเป็น Iconic หรือหนึ่งในแลนด์มาร์กประจำของเมืองเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลอย่างวันสิ้นปี New Year’s Eve และงาน Riverfire ที่มีการจุดพลุบนแม่น้ำ บริเวณใกล้กับสะพาน Story ที่มีการประดับไฟยามค่ำคืน อีกทั้งช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกในทุกวัน มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นสะพานในเบื้องหน้า และท้องฟ้าอันสวยงามอยู่เบื้องหลัง ถ่ายรูปออกมายังงัยก็สวย แถมยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยว สามารถไต่แนวสะพาน ขึ้นไปชมความสวยงามยามโพล้เพล้จากมุมสูงของ Story Bridge ได้อีกด้วย

 

  #7 : ต้นแมคคาเดเมียต้นแรกของโลก ถูกปลูกขึ้นที่นี่   

  

10 fun facts of brisbane city 04

ที่มาภาพ : pixabay.com/users/sunnysun0804-1788028

 

      รู้หรือไม่.. ก่อนที่จะมีเมล็ดแมคคาเดเมียให้เราได้ทานกันทุกวันนี้ สวนพฤกษศาสตร์ประจำเมือง Brisbane Botanic Gardens คือแหล่งบ่มเพาะต้นแมคคาเดเมียแห่งแรกของโลก เมื่อช่วงปี 1858 โดยแมคคาเดเมียชุดแรกถูกเก็บอย่างเป็นทางการ โดยนักสำรวจชาวยุโรปที่ชื่อ Ludwig Leichardt ในปี 1843 ซึ่งค้นพบแหล่งกำเนิดห่างจากบริสเบนไปทางเหนือประมาณ 60 กิโลเมตร หลังจากนั้นในเวลาต่อมา ก็การปลูกกันอย่างแพร่หลายตามบ้านเรือน โดยเมือง Gympie เมืองเล็ก ๆ ในควีนส์แลนด์ ได้รับการระบุว่าเป็นแหล่งกำเนิดของถั่วแมคคาเดเมีย 70% ของโลก
เมื่อมีการศึกษาลึกลงไปก็ค้นพบว่า ต้นแมคคาเดเมียดั้งเดิมเกิดขึ้นมาตั้งแค่สมัยโบราณ ชาวพื้นเมืองออสเตรเลียเป็นคนกลุ่มแรกที่เก็บเกี่ยวและแลกเปลี่ยนถั่วแมคคาเดเมีย เพื่อเป็นอาหารและเพื่อการใช้ประโยชน์อื่น ๆ โดยถูกค้นพบในบริเวณทางตอนใต้ของควีนส์แลนด์ ชาวอะบอริจินเรียกเมล็ดแมคคาเดเมียในหลากหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น Kendal, Gyndl/Jindill, Goomburra, Boombera and Baphal’s nuts ปัจจุบันสามารถเยี่ยมชมต้นแมคคาเดเมียชุดแรกที่ปลูกได้ที่สวนพฤกษศาสตร์บริสเบน ซึ่งยังคงแข็งแรงและให้ผลผลิตจนถึงวันนี้

 

   #6 : Gabba สนามคริกเก็ตคู่บ้านคู่เมือง   

 

10 fun facts of brisbane city 05

ที่มาภาพ : en.wikipedia.org

 

      เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน คือช่วงเวลาของการแข่งขันประจำปีที่ชาวบริสเบนต่างรอคอย นั่นคือคริกเก็ต สถานที่จัดแข่งขันคงหนีไม่พ้นที่ The Brisbane Cricket Ground ที่มีชื่อเล่นว่า Gabba รู้หรือไม่.. ชื่อเล่นนี้ ได้มาจากคำย่อจากชื่อย่าน Woolloongabba ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนาม (คนออสซี่ชอบย่อคำจริงๆ) จุดเริ่มต้นของสนามคริกเก็ต เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1895 ที่ใช้พื้นที่บริเวณนี้ในการแข่งขัน การแข่ง (เพื่อความบันเทิง) ครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างฝั่งสมาชิกรัฐสภากับฝั่งสื่อมวลชนในยุคนั้น จนถึงทุกวันนี้สนามกีฬาได้มีการพัฒนาเพื่อรองรับจำนวนผู้เข้าชมได้มากถึง 42,000 ที่นั่ง และออกแบบพื้นที่เพื่อกิจกรรมอื่น ๆ มากกว่าแค่การแข่งคริกเก็ต เช่น เบสบอล, รักบี้, ฟุตบอล รวมไปถึงการจัดแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินที่มีชื่อเสียง ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสเตเดียมที่มีมาตรฐานระดับโลก แห่งหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย

 

  # 5 : 3 คำศัพท์แสลง ที่เรียกกันเฉพาะในหมู่คนบริสเบน   

 

10 fun facts of brisbane city 06

ที่มาภาพ : unsplash.com/@jarritos

 

      ในออสเตรเลีย ที่แม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร แต่ "ภาษาแสลง” คำหรือวลีที่ไม่เป็นทางการ คือสิ่งชาวออสซี่ต่างใช้กันในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น Maccas - McDonald’s, Arvo - Afternoon, Brekkie - Breakfast ฯลฯ รู้หรือไม่.. ในหมู่คนบริสเบนเอง ก็มีภาษาแสลงที่ใช้กันเฉพาะในพื้นที่นี้ เช่น “Brissie/ Brisvagas” คือคำที่ใช้เรียกเมืองบริสเบน, "The Brown Snake" หมายถึงแม่น้ำบริสเบนสีน้ำตาลที่ไหลคดเคี้ยวผ่าตัวเมือง รวมไปถึง “Tallie/ Tally” คือการพูดถึงปริมาณเบียร์ 750 ml ที่ขายตามบาร์ หรือที่ชาวเมืองซิดนีย์, เมลเบิร์นสั่งว่า “Long Neck” นั่นเอง

 

   #4 : ศูนย์อนุรักษ์โคอาล่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่นี่   

 

10 fun facts of brisbane city 07

ที่มาภาพ : pixabay.com/users/lvlaomi-409936

 

      รู้หรือไม่.. The Lone Pine Koala Sanctuary สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของบริสเบน คือศูนย์อนุรักษ์โคอาล่าแห่งแรกของโลกที่ใหญ่ที่สุด ศูนย์ฯแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองบริสเบน สามารถเดินทางได้ทั้งรถส่วนตัวและรถสาธารณะ เริ่มก่อตั้งโดย Claude Reid ชาวควีนส์แลนด์ในปี 1927 ซึ่งในช่วงยุคนั้น โคอาล่ามักถูกจับเพื่อนำไปขายในตลาดค้าขนสัตว์ เขาได้ช่วยชีวิตเจ้าโคอาล่าได้มากมาย เพื่อรอดพ้นจากการล่าค้าสัตว์ ปัจจุบันที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของโคอาล่าขนฟูมากกว่า 130 ตัว เป็นทั้งศูนย์วิจัยและอนุบาลที่ทำการรักษาสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนปล่อยพวกมันกลับสู่ธรรมชาติ
นอกจากจะได้เห็นเจ้าโคอาล่านอนเกาะต้นไม้นอนแล้ว ที่นี่ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับเจ้าตัวนี้มากยิ่งขึ้น แถมยังใกล้ชิดมากขึ้นด้วยกิจกรรมอุ้มน้องโคอาล่า พร้อมถ่ายรูปคู่ไว้โพสอวดเพื่อน ๆ  และยังมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น จิงโจ้, นก, วัว, Wombat, Dingo ฯลฯ ที่เราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมหรือให้อาหารได้อย่างเป็นกันเอง

 

   #3 : South Bank ย่านที่อดีตเคยรกร้าง แต่กลับถูกชุบชีวิตอีกครั้ง   

 

10 fun facts of brisbane city 08

ที่มาภาพ : pixabay.com/users/memorycatcher-168384/

 

      รู้หรือไม่.. ย่านพักผ่อนหย่อนใจริมแม่น้ำบริสเบนอย่าง South Bank ที่นี่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 1840 ที่ชาวยุโรปได้เปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าว ให้เป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจของบริสเบน จากนั้นในปี 1883 เกิดน้ำท่วมรุนแรง ทำให้ต้องย้ายทำเลธุรกิจไปยังที่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่บนฝั่งเหนือของแม่น้ำบริสเบน ต่อมาในปี 1930 ที่นี่ได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่เป็นท่าเรือแม่น้ำที่คึกคัก มีทั้งตลาด ท่าเทียบเรือ และโรงละคร อย่างไรก็ตามพื้นที่ดังกล่าวค่อย ๆ  ทรุดโทรมลงเมื่อเวลาผ่านไป และพื้นที่แห่งนี้ก็ได้ถูกชุบชีวิตขึ้นอีกครั้งในปี 1984 เมื่อเซาท์แบงก์ ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดงาน World Expo 88 งานแฟร์ระดับโลกที่บริสเบนได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ World Expo 88 ประสบความสำเร็จอย่างมาก และทำให้เซาท์แบงก์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สามารถดึงดูดผู้คนกว่า 18 ล้านคน ให้มาเยือนพื้นที่แห่งนี้ในช่วงเวลา 6 เดือนที่จัดงาน และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่แห่งนี้ ในฐานะพื้นที่สาธารณะอีกด้วย หลังจากงาน World Expo 88 จบลง ชาวบริสเบนผลักดันให้คงพื้นที่นี้ไว้เป็นสวนสาธารณะ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เซาท์แบงก์ก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็น South Bank Parkland เปิดให้บริการในปี 1992 Little Stanley Street เปิดให้บริการในปี 1998 และท่าเรือ River Quay เปิดให้บริการในปี 2011
ปัจจุบัน เซาท์แบงก์เป็นหนึ่งในพื้นที่ของเมืองที่คึกคักโดยเฉพาะในวันหยุด ผู้คนต่างพักผ่อนกลางแจ้ง กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว พื้นที่ตรงนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและกำลังก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ มากที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย

 

   #2 : บริสเบนคือเมืองแรกของประเทศที่มีไฟฟ้าริมทาง   

 

10 fun facts of brisbane city 09

ที่มาภาพ : heritage.brisbane.qld.gov.au

 

      รู้หรือไม่.. บริสเบนเป็นเมืองแรกในออสเตรเลีย ที่มีโคมไฟถนนไฟฟ้าติดตั้งในปี 1882 แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะค้นพบการมีอยู่ของไฟฟ้ามาหลายร้อยปีแล้ว แต่โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันได้นำไฟฟ้ามาใช้จริงเป็นครั้งแรกในปี 1878 และในเมืองบริสเบน ก็ได้มีการนำไฟฟ้าแบบใหม่มาใช้เป็นครั้งแรกในปี 1882 โดยใช้หลอดไฟฟ้าแบบอาร์ค 8 หลอดที่ต่อกันตามแนวท่าเรือ North Quay ใกล้กับสะพานวิกตอเรียในปี 1886 ส่วนรัฐสภาควีนส์แลนด์ได้ใช้ไฟฟ้าส่องสว่าง การจัดหาไฟฟ้าสาธารณะครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1888 ภาพที่เห็นคือหนึ่งในตู้รวมสายไฟฟ้ายุคแรก ที่หลงเหลือเพียง 10 ตู้ในบริสเบน

 

   #1 : บริสเบน เมืองที่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่หลายครั้ง   

 

10 fun facts of brisbane city 10 1

ที่มาภาพ : unsplash.com/@joshwithers

 

      รู้หรือไม่.. บริสเบนเป็นเมืองที่เกิดอุทกภัยใหญ่หลายครั้ง ซึ่งสามครั้งใหญ่ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในปี 2022, 2011 และ 1974 ที่ผ่านมา เมื่อย้อนกลับไปในอดีต บริสเบนเคยประสบกับอุทกภัยครั้งร้ายแรง แถมเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในเดือนเดียว เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1893 ซึ่งในครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก เรามาดูกันว่าทำไมเมืองนี้ถึงเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เริ่มต้นจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของบริสเบน โดยเฉพาะระบบแม่น้ำบริสเบนซึ่งไหลคดเคี้ยวผ่านตัวเมืองและภูมิประเทศโดยรอบ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เมืองนี้เสี่ยงต่อน้ำท่วม แม้ว่าทำเลนี้จะมีข้อดีอยู่บ้าง แต่ก็ต้องแลกมาซึ่งความเสี่ยง หากระดับแม่น้ำสูงขึ้นจากน้ำป่าและน้ำฝนที่ไหลเทลงมาในช่วงฤดูร้อน ที่ต้องประสบกับพายุโซนร้อนที่รุนแรง เมื่อแม่น้ำไหลผ่านเขตเมืองของบริสเบน อาจท่วมพื้นที่ลุ่มน้ำของเมืองได้อย่างรวดเร็ว
อีกความท้าทายคือลักษณะพื้นที่ของเมือง ภูมิประเทศของเมืองมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่มและเนินเขา น้ำฝนสามารถไหลลงมาตามเนินเขาและไหลลงสู่แม่น้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้การจัดการน้ำท่วมทำได้ยากขึ้น แถมเมืองนี้มักมีฝนตกหนักและพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีแนวโน้มที่จะมีฝนตกกะทันหันและรุนแรง
อย่างไรก็ตาม จากการเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต ทำให้มีการจัดการเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ผ่านออกแบบพื้นที่ลุ่มน้ำแม่น้ำ, ติดตั้งระบบเตือนภัยขั้นสูง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บริสเบนดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้คนปลอดภัย ในขณะที่ยังคงวิถีชีวิตริมแม่น้ำไว้ได้เหมือนเดิม

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 30 ต.ค. 2567
Yingg Is

Yingg Is

ไปได้ทุกที่ ยกเว้นบ้าน