บริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้นำด้านไอทีในระบบปฏิบัติการณ์ Macintouch อย่าง Apple ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของตัวเองขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปีนี้ก็อีกเช่นกัน ทาง Apple ได้จัดงานนี้ขึ้น เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อว่า Apple - Live - September 2014 Special Event มีการถ่ายทอดสดแบบ Live Streaming ผ่านหน้าเว็บไซต์ของตัวเองกันเลยทีเดียว ทำเอาสาวก Mac ฝั่งเอเชียต้องอดหลับอดนอนเพื่อรอดูงานนี้โดยเฉพาะ งานมีขึ้นในเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาตี 3 ของออสเตรเลีย เรามาดูกันว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวมีอะไรกันบ้าง
เริ่มต้นกันด้วยการเปิดตัวงานนี้ โดย Tim Cook CEO ของ Apple
และหลังจากการเปิดตัวงาน ก็มาถึงคิวผลิตภัณฑ์ที่เป็นพระเอกของงานนี้ ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางของ iPhone 6 นั่นเอง คราวนี้มาพร้อมกับมุมมองและรูปแบบการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ออกมาเป็นแพ็คคู่ โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า iPhone 6 สำหรับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว และ iPhone 6 Plus สำหรับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว คิดว่าครั้งนี้คงสมใจสาวก Apple ที่ชื่นชอบจอใหญ่กันแน่ ๆ มาดูสเปคคร่าว ๆ กัน
iPhone 6
- หน้าจอ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล 326 ppi
- ตัวเครื่องใช้วัสดุ Anodized Aluminum, Stainless Steel พร้อมกระจกหน้าจอ Ion มีความแข็งแรงมาก
- ตัวประมวลผลใหม่ Apple A8 แบบ 64บิต
- กล้องด้านหลัง iSight Camera ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มาพร้อมกับระบบโฟกัสแบบใหม่แม่นยำกว่าเดิม รองรับการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด 1080p 240 fps ส่วนกล้องหน้า Facetime Camera ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียด 720p
- รองรับ NFC ซึ่งเป็นระบบชำระเงินแบบใหม่ที่เรียกว่า Apple Pay ซึ่งเหมือนระบบ Paypass ในปัจจุบัน
- รองรับ LTE ที่คลื่นความที่ 150Mbps และ Wi-Fi 802.11ac ที่มาพร้อมความเร็วกว่าเดิม 3 เท่า
- ขนาด ยาว 5.4 นิ้ว กว้าง 2.64 นิ้ว หนา 0.27 นิ้ว น้ำหนัก 112 กรัม
- ความจุ 16GB 64GB และ 128GB มีให้เลือก 3 สี คือ เงิน ทอง และเทา
iPhone 6 Plus
หน้าจอ Retina HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล 401 ppi
- ตัวเครื่องใช้วัสดุ Anodized Aluminum, Stainless Steel พร้อมกระจกหน้าจอ Ion มีความแข็งแรงมาก
- ตัวประมวลผลใหม่ Apple A8 แบบ 64 บิต มาพร้อมกับ iOS 8
- กล้องด้านหลัง iSight Camera ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มาพร้อมกับระบบกันสั้นสะเทือนและโฟกัสแบบใหม่แม่นยำกว่าเดิม
- วีดีโอรองรับที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 240 fps สามารถ Slow - Motion ได้ที่ 120-240 fps
- กล้องหน้า Facetime Camera ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียด 720p
- รองรับ NFC ซึ่งเป็นระบบชำระเงินแบบใหม่ที่เรียกว่า Apple Pay ซึ่งเหมือนระบบ Paypass ในปัจจุบัน
- รองรับ LTE ที่คลื่นความที่ 150 Mbps และ Wi-Fi 802.11ac ที่มาพร้อมความเร็วกว่าเดิม 3 เท่า
- ขนาด ยาว 6.22 นิ้ว กว้าง 3.06 นิ้ว หนา 0.28 นิ้ว น้ำหนัก 172 กรัม
- ความจุ 16GB 64GB และ 128GB มีให้เลือก 3 สี คือ เงิน ทอง และเทา
สำหรับ iPhone 6 ทั้งสองรุ่นนี้จะเปิดจองตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. นี้เป็นต้นไป และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งกลุ่มประเทศแรกที่วางจำหน่ายมีทั้งหมด 9 ประเทศด้วยกัน ได้แก่
- United States
- Canada
- United Kingdom
- France
- Germany
- Australia
- Hong Kong
- Singapore
- Japan
หลังจากพระเอกก็มาถึงพระรองกัน นั่นก็คือ iWatch นาฬิกาอัจฉริยะ ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยสำหรับ Apple ที่หันมาทำตลาดนาฬิกา แต่ที่ไม่ธรรมดาตรงที่มันเป็นนาฬิกาแบบ Smartwatch นั่นเอง มาดูกันว่า iWatch ทำอะไรได้บ้าง
iWatch
แบ่งเป็น 3 แบบ คือ iWatch, iWatch Sport และ iWatch Edition
iWatch ตัวเรือนทำจาก Stainless Steel กระจกหน้าจอแบบซัฟไฟร์ มีให้เลือกสองสี คือ Stainless Steel กับ Space Black Stainless Steel
iWatch Sport ตัวเรือนทำจาก Anodised Aluminium กระจกหน้าจอแบบ Ion-X มีให้เลือกสองสี Silver Aluminum กับ Space Gray Aluminum
iWatch Edition ตัวเรือนทำจากทองคำ 18k กระจกหน้าจอแบบซัฟไฟร์ มีให้เลือกสองสี คือ Yellow Gold กับ Rose Gold
มีสองขนาดให้เลือก คือ หน้าจอ 38 มม. กับ 42 มม.
จุดเด่นของ iWatch คือ
- มีสายข้อมือให้เลือก 6 แบบ
- เปลี่ยนหน้าจอได้หลายรูปแบบ
- สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้
- Digital Crown ใช้เม็ดมะยมในการซูมเข้า-ออก เลื่อนขึ้น-ลงได้
- Digital Touch สามารถสื่อสารระหว่าง iWatch ด้วยกันได้ด้วย Walkie-Talkie เป็นต้น
แต่ขอบอกก่อนว่าจะวางจำหน่ายกันในต้นปี 2015 ตอนนี้เก็บตังค์อดใจรอกันไปก่อน
และปิดท้ายกันด้วยการแสดงสดของวง U2 ซึ่งมาโชว์เพลงในอัลบั้มใหม่คือเพลง The Miracle (Of Joey Ramone) หลังจากการแสดงครั้งนี้ ยังมีเซอไพรส์จาก Apple ที่เปิดโอกาสให้เหล่าสาวกได้โหลดอัลบั้ม Songs of Innocence ของ U2 ฟรีกันทั่วโลกอีกด้วย ก็ถือว่างานนี้ได้ใจสาวก U2 และ Apple กันไปเลยทีเดียว
ติดตามชมวีดีโอย้อนหลังได้ที่ http://www.apple.com/live/
Reference:
apple.com - "Apple Inc."
macworld.com - "Apple 9/9 event"
macthai.com - "MacThai"