ข่าวล่าสุด:
หนาว ๆๆ Winter is coming! การอยู่ในซีกโลกใต้ทำให้ฤดูกาลต่าง ๆ ตรงข้ามกับซีกโลกเหนือ ในขณะที่หลายแห่งทั่วโลกเจอกับอากาศร้อน ที่ออสเตรเลียกำลังเข้าสู่หน้าหนาว ฤดูหนาวของออสเตรเลียคือช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนสิงหาคม เดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นฤดูใบไม้ร่วงจึงเป็นช่วงที่เราจะได้ชมธรรมชาติที่สวยงามจากใบไม้เปลี่ยนสี มาดูกันว่าที่ไหนบ้างจะเป็นโลเคชั่นในการเก็บรูปสวย ๆ ของเรากัน
ภาพสวย ๆ จาก @Southern Queensland Country
Girraween National Park
อยู่ทางตอนใต้ของควีนส์แลนด์ ใช้เวลาขับรถออกจากบริสเบนไปประมาณ 3 ชั่วโมง ขึ้นชื่อเรื่องหินแกรนิตขนาดใหญ่ตั้งสูงอยู่กลางป่าไม้เขียวขจี วิวจากข้างบนที่เก็บทั้งท้องฟ้าและป่าข้างล่างอย่างสุดลูกหูลูกตาทำให้จุดนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ตั้งแคมป์ยอดนิยม แต่การไปถึงยอดก็ต้องใช้ความพยายามกันหน่อย ระยะทางเดินในสวนนี้รวมทั้งหมดกว่า 30 กิโลเมตร ใครที่ชอบเดินป่า บวกป่ายปีน อาจจะลองพิชิต The Pyramid จุดที่มีวิวเด็ดและน้อยคนนักจะไปถึง ด้วยความลาดชันของภูเขาสูง ขาขึ้นว่ายากแล้ว ขาลงต้องแปลงร่างเป็นสไปเดอร์แมนไหลลงมากันเลยทีเดียว
นอกจากวิวบนยอดเขา บริเวณจุดตั้งแคมป์เรายังสามารถเห็นสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นจิงโจ้น้อย, กระต่าย, turquoise parrot, นกป่าสายพันธุ์ต่าง ๆ และหากโชคดีอาจจะได้ยิน lyrebird เลียนแบบเสียงของนกตัวอื่น, กิ้งก่าเบียร์ดดราก้อน, jacky dragon ซึ่งเป็นกิ้งก่าท้องถิ่นในออสเตรเลียตะวันออกเฉียงใต้, ringtail possum, วอมแบต
Ju Raku En Japanese Garden, Toowoomba
สวนสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความกว้างกว่า 4.5 เฮกตาร์ ตั้งอยู่ใน University of Southern Queensland ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ออกจากตัวเมืองบริสเบนประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง เป็นสวนให้คนเดินชมที่มีความเป็นญี่ปุ่นมากที่สุดและใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย มีพันธุ์ไม้กว่า 230 ชนิดทั้งของญี่ปุ่นและออสเตรเลีย การจัดสวนแบบญี่ปุ่นมีการนำหินมาจัดวางเพื่อเพิ่มมิติให้กับภาพ โดยการวางหินใหญ่ ๆ ทั้งหมดในสวน Ju Raku En ถูกออกแบบโดยศาสตราจารย์ Kinsaku Nakane จากเมืองเกียวโต ในฤดูใบไม้ผลิ สีสันของต้นเมเปิลญี่ปุ่นยิ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินอยู่ในสวนที่เกียวโตเลย
Stanthorpe
เมืองทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ ขับรถไปจากบริสเบนประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ขึ้นชื่อเรื่องสวนไวน์หรือไวเนอรี่ และเมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นปีที่หนาวจับใจได้เกิดหิมะตกที่เมืองนี้ จุดที่คนนิยมไปชมใบไม้สีสวยกันคือ High St ระหว่าง Brock Ave และ Plant St และอีกที่หนึ่งที่สังเกตได้ไม่ยากเพราะอยู่ใกล้กับ Visitor Information Centre คือ Quart Pot Creek โดยบริเวณนั้นมีที่เหมาะสำหรับไปปิกนิก บาร์บีคิวกัน ใครพกขนมปังมาด้วยก็สามารถให้อาหารเป็ดแถวนั้นเพลิน ๆ และสำหรับเด็ก ๆ ก็มี Kidspace ให้ได้เล่น เป็นวันรีแลกซ์กันทั้งครอบครัว
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stanthrope ได้ที่.. ใครว่าควีนส์แลนด์ไม่มีเมืองหนาว.. พาไปเยือน "Stanthorpe" เมืองแห่งไวน์
Ballandean, Granite Belt
เมืองเล็ก ๆ ใน Granite Belt มีประชากรเพียง 338 คน (จากการสำรวจสำมะโนประชากรออสเตรเลียในปี 2016) แต่เป็นเมืองที่คนชอบไวน์ต้องแวะเวียนมา เพราะมีไร่องุ่นอยู่หลายแห่ง สองแห่งที่แนะนำคือ Golden Grove Estate และ Ballandean Estate Wines ตั้งขึ้นเมื่อปี 1932 เป็นไวเนอรี่ที่เก่าแก่ที่สุดในควีนส์แลนด์ เดินชมวิวสีทองเหลืองอร่ามของต้นองุ่นที่ปลูกเรียงกันเป็นแนวยาว มองดูแสงอาทิตย์ลับยามเย็นผ่านแนวภูเขาพร้อมกับจิบไวน์ไปด้วย ช่างได้บรรยากาศ
นอกจากนี้เมือง Ballandean ยังมีของดีอีกอย่างคือ Ballandean Pyramid ไม่ต้องไปไกลถึงอียิปต์ที่ควีนส์แลนด์เราก็มีให้ดู ปิรามิดหินที่คนสร้างนี้สูงเกือบ 15 เมตร สร้างจากก้อนหินแกรนิตในพื้นที่ อยู่ในบริเวณพื้นที่ส่วนบุคคล แอบแว่บไปถ่ายรูปกันตรงริมรั้ว
Killarney
เป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Warwick ติดกับเส้นแบ่งเขตรัฐ New South Wales ขับรถจากบริสเบนไปประมาณ 2 ชั่วโมง ด้วยเส้นทางไปเมือง Killarney ไม่ใช่ถนนสายหลักทางผ่านไปเมืองใหญ่ ๆ เลยทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไร แต่ด้วยความสวยงามของทิวทัศน์และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง มันจึงเป็นเมืองนึงที่ควรไปเยือน
รอบ ๆ เมือง Killarney มีน้ำตกขึ้นชื่ออยู่ 5 แห่งด้วยกันคือ Teviot Falls, Queen Mary Falls, Dagg's Falls, Brown's Falls และ Upper Brown's Falls และในหน้าฝนยังมีน้ำตกเพิ่มอีกสองแห่งคือ Black Fella Falls และ Jack Brunton's Falls
ไฮไลท์ของ Killarney ก็คือเส้นทางในการเดินทางของเรา ที่จะเห็นทิวทัศน์ ต้นไม้ใบหญ้า ภูเขาเรียงราย ถนนเส้นเล็กวิ่งผ่านทุ่งหญ้าและป่าเขา เดินป่าไปชมน้ำตก และชมวิวมุมกว้างจากจุดชมวิว ซึ่งในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเห็นพื้นที่ทำฟาร์มเป็นทุ่งหญ้าสีเหลืองทองสุดลูกหูลูกตา
