ทุกครั้งเมื่อเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองใดสักแห่ง จุดท่องเที่ยวที่ไม่พลาด ต้องแวะไปถ่ายรูป หนึ่งในนั้นมักจะต้องมีสะพานประจำเมือง ที่ถ้าไม่แวะไปเหมือนไปไม่ถึงเมืองนั้น ๆ เลย นอกจากความสวยงามภายนอกแล้ว แต่ละที่มักแฝงไปด้วยเรื่องราว ไม่ว่าจะทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน การก่อสร้าง หรือแม้แต่ดีไซน์ที่แตกต่างและโดดเด่น วันนี้เราจะมาแนะนำสะพานที่มีชื่อเสียง แถมสวยงามและเรื่องราวที่น่าสนใจ มาดูกันว่ามีที่ไหนกันบ้าง
Sydney Harbour Bridge
Location : Sydney , New South Wales
ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@jmanoto
Sydney เมืองแห่งศูนย์กลางความเจริญและการท่องเที่ยวของรัฐ New South Wales มีสะพานใหญ่ใจกลางเมืองอย่าง สะพาน Sydney Harbour ที่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์คประจำประเทศ โดยสามารถพบหน้าตาสะพานนี้ได้ตั้งแต่บนโปสการ์ด จนถึงป้ายโฆษณาบิลบอร์ด โดยมักจะถ่ายคู่กับ Sydney Opera House ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดัง ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ต้องเดินทางไปเพื่อถ่ายรูปกับสองสถาปัตยกรรมนี้กันแทบทุกคน
ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@shirley_icepoint
นอกจากความสวยงาม สะพานแห่งนี้มีเรื่องราวอันน่าสนใจไม่แพ้กัน นับย้อนไปในช่วงปี 1932 คือปีที่เปิดตัวสะพานแห่งนี้ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างยาวนานมากถึง 8 ปี และใช้คนงานก่อสร้างมากถึง 1,400 คน จนกลายมาเป็นสะพานทรงโค้งทำจากเหล็กที่สูงที่สุดในโลก โดยคนในเมืองตั้งฉายาสะพานแห่งนี้ว่า "Coathanger" หรือไม้แขวนเสื้อนั่นเอง
นอกจากปัจจุบันสะพานถูกใช้ในการสัญจรสำหรับรถยนต์, จักรยาน และคนเดินเท้า ไปมาระหว่างใจกลางเมือง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ไปยังทางตอนเหนือของเมืองที่เป็นย่านพักอาศัยและชุมชน นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงด้านบนแบบ Panorama อีกทั้งยังมองเห็น Sydney Opera House ได้ นับเป็นจุดชมวิวยอดฮิตของเมืองเลยทีเดียว หรือใครที่อยากชมวิวในมุมด้านล่างผ่านใต้สะพานล่ะก็ สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ จากสถานี Circular Quay ไปลงยัง Barangaroo, Darling Harbour, Cockatoo Island และ Parramatta ได้ทั้งหมด เรียกได้ว่าใครมาเที่ยว Sydney อย่าพลาดที่จะถ่ายรูปคู่กับสะพานแห่งนี้เลย
Sea Cliff Bridge
Location : Clifton , New South Wales
ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@benjaminpunzalan
ขยับออกนอกตัวเมืองสักนิด มายังแนวสะพานลัดเลาะสันเขาริมมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งอยู่ทางตอนใต้จาก Sydney เป็นเส้นทางที่ใช้สำหรับเดินทางไปมาจากย่าน Clifton ไปยัง Coalcliff ด้วยรถยนต์เป็นหลัก และมีทางเดินเลียบด้านข้าง เป็นสะพานที่มีความยาวกว่า 450 เมตร เชื่อมต่อเข้ากับสะพาน Lawrence Hargrave Drive อีก 250 เมตร ซึ่งเคยได้รับความเสียหายไปบางส่วน จากการถล่มของหินจากหน้าผา ทำให้ทุกวันนี้สะพานทั้งสองเส้นบรรจบเป็นเส้นเดียวกัน
ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@blakeliskphoto
ชื่อสะพานแห่งนี้ถูกตั้งโดยเด็กอายุ 11 ปี จากการประกวดตั้งชื่อสะพานโดยโรงเรียนประถมฯในชุมชน และถูกเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2005 ที่ผ่านมา สะพานแห่งนี้มีทางคนเดินที่สามารถชิมวิวผืนน้ำอันกว้างใหญ่ และมีแนวเขาอยู่เบื้องหลังอย่างใกล้ชิด กลายเป็นจุดยอดฮิตที่คู่รักมาคล้องกุญแจกัน นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวมุมสูงที่อยู่ด้านบนเขา มีชื่อว่า Pioneer Walks แต่อย่างไรก็ดี เส้นทางนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้เดินโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงไม่มีความปลอดภัยเท่าไหร่มากนัก เคยมีคนเกิดอุบัติเหตุบนเส้นทางด้านบน แนะนำว่าไม่ควรปีนป่ายขึ้นไปล่ะ
Webb Bridge
Location : Melbourne , Victoria
ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@russmail
Webb Bridge เป็นสะพานสำหรับคนเดินและนักปั่นจักรยานเดินทางไปมาระหว่างย่าน Dockland ข้ามผ่านแม่น้ำ Yarra ไปยังย่านพักอาศัยทางตอนใต้ที่ในเมือง Melbourne เปิดใช้งานเมื่อปี 2005 เป็นหนึ่งในโครงการสร้าง Public Art ของเมือง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างและมีดีไซน์ และเส้นทางของสะพานที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงโครงสร้างหลังคาและมีมุมโค้งสวยงาม คล้ายกับตาข่ายปกคลุมตามชื่อ
ที่มาภาพ : architonic.com
การออกแบบสะพานนี้แบ่งเป็นสองส่วนหลัก ส่วนแรกคือทางราบปกติทั่วไป ความยาว 145 เมตร อีกส่วนที่เป็นจุดเด่นคือทางโค้งตัวยูที่เป็นทางลาดลง แม้ระยะทางยาวเพียง 80 เมตร แต่มีโครงการดีไซน์โครงเหล็ก ปกคลุมด้านบนดูสวยงาม โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่ประดับไฟสวยงาม ทำให้เป็นสะพานที่ได้รับรางวัล Victorian Architecture Awards ในสาขา Urban Design ในปี 2005 อีกด้วย ใครที่ไปเที่ยว Melbourne ล่ะก็ อย่าลืมที่จะปั่นจักรยานแวะไปถ่ายรูปกับสะพานมาด้วยล่ะ
Ross Bridge
Location : Ross , Tasmania
ที่มาภาพ : https://unsplash.com/@rondellh
เปลี่ยนจากสะพานดีไซน์สุดโมเดิร์น มาเป็นสะพานโบราณประจำเมืองอย่าง Ross Bridge ที่ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 1836 ร่วมร้อยกว่าปีที่สะพานหินนี้ออกแบบมาผู้คนสัญจรข้ามแม่น้ำ Macquarie River ในเมือง Ross จากสะพานไม้ที่ไม่มีความแข็งแรงและปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงฝนตกหนัก
ที่มาภาพ : discovertasmania.com.au
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นก่อสร้างสะพานขึ้นมาใหม่ด้วยหินในพื้นที่ ซึ่งมีความแข็งแรงแต่ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปีโดยนักโทษในยุคนั้น (ซึ่งต่อมาหลังจากสร้างเสร็จ ก็ได้ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ) ปัจจุบันนับเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดอันดับสามของออสเตรเลียอีกด้วย นอกจากจะคงไว้ซึ่งดีไซน์สุดคลาสสิคแล้ว ความพิเศษนอกจากนี้ คือการใส่ดีเทลแกะสลักไม่ว่าจะเป็นรูปสัตว์, แมลง, พืช ฯลฯ บริเวณโค้งด้านล่าง รวมแล้ว 186 จุด จนถูกขึ้นเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ประจำเมือง (Tasmanian Heritage List) ใครไป Road Trip บนเกาะ Tasmania อย่าลืมแวะเมือง Ross และชมรายละเอียดของสะพานแห่งนี้ด้วยล่ะ
Algebuckina Bridge
Location : Oodnadatta , South Australia
ที่มาภาพ : en.wikipedia.org/wiki/Algebuckina_Bridge
มาต่อกันอีกสะพานวินเทจอีกแห่ง ที่แม้ว่าทุกวันนี้ไม่ถูกใช้งานแล้ว แถมอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง Oodnadatta มากถึง 58 กิโลเมตร แต่ตัวโครงสร้างสะพานยังคงไว้ซึ่งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจกลางทะเลทรายที่ยากจะลบเลือน นั่นคือสะพาน Algebuckina สะพานที่ทำจากเหล็กแท้ ก่อสร้างมาตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เพื่อข้ามแม่น้ำ Neales ในช่วงน้ำหลากโดยเฉพาะ เพื่อรองรับเส้นทางรถไฟในยุคนั้น
ที่มาภาพ : en.wikipedia.org/wiki/Algebuckina_Bridge
โดยโครงการทางรถไฟนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง Central Australia Railway เพื่อการเดินทางจาก Oodnadatta ไปยังตอนกลางของประเทศ นั่นคือ Alice Spings อดีตสะพานแห่งนี้เคยเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในภูมิภาค South Australia ถึง 587 เมตร ใช้คนก่อสร้าง 350 คนท่ามกลางอากาศแห้งแล้งแสนสาหัส จนสะพานถูกเปิดใช้งานในปี 1892 จนปิดการใช้งานในปี 1981 อย่างเป็นทางการ ทำให้ทุกวันนี้เหลือไว้เพียงโครงสร้างเก่า แห้งแล้ง ท่ามกลางทะเลทรายรอบข้าง ใครที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศเหมือนในอดีต สามารถขับรถแวะเวียนไปเดินชมสะพานประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้
Story Bridge
Location : New Farm, Queensland
ที่มาภาพ : pixabay.com
ไม่พูดถึงไม่ได้ กับสะพานที่เปรียบเสมือน Iconic ประจำเมืองอย่าง Story Bridge สะพานเหล็กที่ยาวที่สุดในออสเตรเลีย ที่ใช้สัญจรไปมาระหว่าง Fortitude Valley กับ Kangaroo Point ข้ามผ่านแม่น้ำบริสเบนในเบื้องล่าง เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1940 โดยชื่อสะพานนั้น มาจากคุณ John Douglas Story บุคคลที่ผลักดันให้สะพานนี้เกิดขึ้นได้จริง แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงลูกจ้างทั่วไปก็ตาม Story Bridge คือสะพานที่มีความยาว 777 เมตร (เลขสวยเชียว) และความสูง 74 เมตร วัตถุประสงค์ของการสร้างสะพานนี้ คือเพื่อการสัญจรรไปมาระหว่าง Customs House หรือด่านศุลกากร ไปยัง Kangaroo Point ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยของชาวบ้านในตัวเมือง
ที่มาภาพ : visitbrisbane.com.au
ทุกวันนี้ Story Bridge มีบทบาทสำคัญมากกว่าแค่สะพานที่ใช้สัญจรกันภายในเมือง แต่ยังเป็นจุดที่มีส่วนร่วมกับกิจกรรมสำคัญภายในเมือง ไม่ว่าจะเป็นงาน Riverfire งานประจำปีที่จะมีโชว์พลุดอกไม้ไฟ ซึ่ง Story Bridge เป็นจุดที่ใช้ในการจัดแสดงโชว์ความสวยงามยามค่ำคืน อีกทั้งยังมีกิจกรรมท้าทายความสูง กับการไต่ขึ้นไปยังด้านบนกับ Story Bridge Adventure Climb พร้อมทีมงานที่มีประสบการณ์และอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัย เริ่มต้นเพียง $99 AUD ต่อคน หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านต่อได้ที่นี่เลย หรือตอนเย็นๆวันไหน จูงมือคนรักเดินข้ามสะพาน ไปชมวิวพระอาทิตย์ตก พร้อมกับแม่น้ำบริสเบนและ Kangaroo Point ที่อยู่ตรงหน้า ก็สุดแสนโรแมนติกแบบไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท
Kurilpa Bridge
Location : Brisbane , Queensland
ที่มาภาพ : archdaily.com
ปิดท้ายกันกับสะพานสวย ๆ ใกล้บ้านเราที่บริสเบน ที่ใครหลายคนมีโอกาสได้ใช้งานแทบทุกวัน สะพานสีขาวที่มีดูทันสมัยกว่าสะพานอื่น ๆ แม้จะไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่เท่า Story Bridge ที่เป็นสะพานหลักสำหรับการสัญจร แต่ Kurilpa Bridge หรือมีอีกชื่อว่า Tank Street Bridge คือสะพานที่ออกแบบมาสำหรับนักปั่นโดยเฉพาะ รวมไปถึงผู้คนที่สัญจรไปมาระหว่าง George Street ใจกลางเมือง ไปย่าน South Bank ใกล้ ๆ กับ GOMA นั่นเอง
ที่มาภาพ : archdaily.com
สะพาน Kurilpa นับเป็นหนึ่งในโครงการที่ใช้งบประมาณในการสร้างที่ค่อนข้างสูงถึง 63 ล้าน AUD ด้วยการออกแบบภายนอกที่แตกต่าง ดูเหมือนใช้แท่งเหล็กระโยงระยางไปมาดูไม่สมมาตร ซึ่งความยากนี้ต้องผสมผสานเทคโนโลยีการออกแบบทั้งด้านศิลปะและทางวิศวกรรม เกิดเป็นสะพานที่มีความยาว 470 เมตร โดยมีจุดนั่งพักชมวิวแม่น้ำและ Story Bridge ที่อยู่ขนาบข้าง จากความสวยงามและแตกต่างเช่นนี้ ทำให้สะพาน Kurilpa ได้รับรางวัลทางสถาปัตยกรรมของ World Architecture Festival อีกด้วย นับเป็นสะพานที่โดดเด่น เป็นจูดดึงดูดให้แวะเวียนมาถ่ายรูปโดยเฉพาะยามค่ำคืนอีกด้วย
ยังคงมีสะพานอีกหลายจุด ที่แม้ว่าจะไม่ได้มีชื่อเสียงหรือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นสะพานที่ ที่มีเรื่องราวและความประทับใจในชีวิต จนกลายเป็นสะพานโปรดในดวงใจของเพื่อน ๆ ที่น่าจดจำ ว่าแต่สะพานในดวงใจของแต่ละคนคือที่ไหนกันบ้าง อย่าลืมชวนเพื่อน หรือคนรักไปแบ่งปันความสวยงามร่วมกันด้วยล่ะ
ที่มา:
https://ondeckby.dinga.com.au, https://journeyz.co, https://www.theguardian.com, https://www.sydney.com, https://en.wikipedia.org, https://www.architonic.com, http://www.visitross.com.au, https://www.pichirichirailway.org.au, https://www.visitbrisbane.com.au, https://storybridgeadventureclimb.com.au, https://www.archdaily.com