มาบริสเบนพาเที่ยว แอดเวนเจอร์ ไปเองไม่ง้อทัวร์ ประหยัด ท้องอิ่ม ฟินสุด ๆ
..ทริปครั้งนี้เราจะพาไป ตะลุยทราย บุกป่า แช่น้ำใสกิ๊ง เยี่ยมดิงโก้ ตั้งแคมป์ริมทะเล นอนดูดาว ในทริปเดียวที่.. Fraser Island ขาลุย คนรัก Angling.. Camping.. Trekking.. ต้องไม่พลาด!!
ทริปครั้งนี้เราเลือกเที่ยวโดยใช้การเช่ารถ และตั้งแคมป์ค้างคืนบนเกาะ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีสุดในการชื่นชมความสวยงามของเกาะทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ (รายละเอียดเพิ่มเติม.. Fraser Island ดินแดนแห่งความฝันของผู้รักการผจญภัย) ทริปคร่าว ๆ ที่เราวางแผนไว้.. “ใช้เวลาเที่ยวอยู่ที่ 3 วัน 2 คืน เราจะขับรถไปขึ้นเรือข้ามฟากที่ River Heads เพื่อไปลงที่ท่าเรือ Kingfisher Bay บนเกาะ Fraser Island เราจะวิ่งรถจากฝั่งซ้ายของเกาะไปที่ฝั่งขวา โดยระหว่างทางจะแวะ Lake McKenzie ก่อนจะขึ้นเหนือผ่านเส้นทางเรียบชายหาด 75 Mile Beach ตั้งแคมป์ที่ Dundubara และ Waddy Point อย่างละคืน โดยแวะเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่น่าสนใจตลอดเส้นทาง ก่อนจะขับกลับลงมาในวันสุดท้าย และถ้าเวลาเหลือเราจะไปยังจุดที่ยังไม่ได้ไป ตามแต่เวลาจะเอื้ออำนวย”
ถือว่าเป็นการวางแผนที่ดีทีเดียว เพื่อน ๆ สามารถเอาไปใช้เป็นแนวทางได้ เกริ่นมายาวแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาเริ่มทริปของเรากันเลยดีกว่า..
"Great Sandy National Park map (Fraser Island)"
ดูแบบ PDF (คลิ๊กที่นี่, 375KB)
Fraser Island วันที่หนึ่ง - ออกเดินทางจาก Brisbane, พักทานข้าวเที่ยง Hervey Bay, เล่นน้ำที่ Lake McKenzie, ตั้งแคมป์ที่ Dundubara, ดูดาวริมทะเล
งัวเงียตื่นกันมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากบริสเบนกันแต่เช้าตรู่ เราเช่ารถ 4WD ไว้ตั้งแต่ช่วงค่ำเมื่อวานจำนวน 2 คัน เพื่อไปขับผจญภัยมัน ๆ กันตั้งแต่ที่บริสเบนกันเลย เป็น Toyota Prado นั่งได้ 7 ที่นั่ง(รวมคนขับ) แต่ว่าเราพับเบาะหลัง 2 ที่นั่ง เพื่อใช้เก็บสัมภาระการตั้งแคมป์ของเรา จึงเหลืออยู่ 5 ที่นั่ง ทั้งสองคันมีอุปกรณ์วิทยุสื่อสารเพื่อพูดคุยกัน รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่จำเป็น อย่างที่เติมและวัดลมยาง สายพ่วงแบตฯ เชือกลาก อุปกรณ์ปฐมพยาบาล เป็นต้น (เดี๋ยวตอนจบท้ายทริป เราจะมีบทความพิเศษว่าเราเตรียมไรกันบ้าง) การเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ½ ชั่วโมง บนเส้น M1 ผ่านเมืองธรรมชาติ พบเจอชื่อเมืองแปลก ๆ Mudjimba, Gympie, Maryborough และไปจบที่ Hervey Bay พักทานอาหารกลางวันบริเวณสวนสาธารณะเล็ก ๆ เราพกกันมาจากที่บ้าน ข้าวเหนียวไก่ทอด หมูทอด และแหนมซี่โครง แหล่มจริง ๆ เหมือนอยู่ไทยยังไงยังงั้น ลมกรรโชกแรงเพราะอยู่ติดชายทะเล ทานข้าวไปชมวิวไป ยังไม่ถึง Fraser ก็ฟินแล้ว
อิ่มท้องกันเสร็จเรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันต่อ ไปขึ้นเรือข้ามฝากที่ท่าเรือไม่ไกลจากจุดแวะพักมากนัก ใครที่ขับรถแบบธรรมดามา สามารถหาที่จอดแถวนี้ก่อนขึ้นเรือได้ หรือจะขับขึ้นเรือแล้วไปจอดที่ Kingfisher Bay บนฝั่ง Fraser Island ซึ่งเขามี 4WD ให้เช่าบนเกาะด้วย ทั้งเรือข้ามฟากและรถเช่าจำเป็นจะต้องจองไว้ล่วงหน้า เพราะพื้นที่บนเรือสำหรับเอารถขึ้นได้นั้นมีจำนวนจำกัด เราไปถึงก่อนสุดท้ายพอดี ระหว่างถอยหลังเอารถขึ้นเรือก็ยื่นตั๋วที่จองไว้ให้เจ้าหน้าที่ที่คอยสั่งรถ ผู้โดยสารควรลงก่อน ให้เหลือแต่คนขับ ไม่ใช่ว่าน้ำหนักคนด้านหลังเกินขึ้นยากหรืออะไร แต่ว่าที่จอดรถบนเรือมันน้อยฮ้าฟ เขาจะพยายามให้เราจอดให้ชิดติดหนึบกันที่สุด ไม่งั้นจะออกจากรถลำบาก
Tips: ในเที่ยวขาไป Fraser Island นั้น รถที่จะเอาขึ้นเรือต้องถอยหลังเข้า ส่วนเที่ยวขากลับเพื่อออกเกาะให้เอาหน้ารถเข้าได้เลย สำหรับผู้โดยสารที่มากับรถ เรือบางเที่ยวเจ้าหน้าที่จะให้ลงจากรถ แต่บางเที่ยวเราสามารถนั่งอยู่ในรถ ไม่ต้องลงก็ได้
เมื่อลงจากรถเราก็ขึ้นไปนั่งในห้องโดยสารบนเรือข้ามฟาก บนเรือมีอยู่หลายชั้นด้วยกัน จะนั่งพักหรือเดินชมวิวก็แล้วแต่ชอบเลย มีห้องน้ำ มีอาหารขาย สำหรับคนกลัวเมาเรือก็หายห่วง ไม่รู้สึกถึงคลื่นใด ๆ เนื่องจากเรือลำค่อนข้างใหญ่มาก เหมือนจอดอยู่กับที่ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเราก็ถึงฝั่งแล้ว สิ่งแรกเลยที่เราต้องทำเมื่อเอารถลงจากเรือก็คือ.. การปล่อยลมยางของรถให้เหลือเพียง 22-24 (พกเครื่องวัด/ปล่อยลม และที่สูบลมแบบเสียบกับรถไปด้วย) โดยปล่อยลมข้างซ้ายทีขวาทีเพื่อให้รถสมดุลนะงับ และควรใช้เครื่องวัด/ปล่อยลมเพียงตัวเดียวในการวัดล้อทั้งสี่นะฮะ เดี๋ยวอันนี้เยอะไปอันนี้น้อยไปไม่ได้ไปไหนกันพอดี เหตุที่เราต้องปล่อยลมยางออกเพราะว่าทั้งเกาะเฟรเซอร์เนี่ยเป็นทราย และทางที่เราไปเนี่ยไม่ได้ลาดยางแน่นอน ถ้ายางแข็งแล้วรถมันก็จะจมและไปต่อไม่ได้นะก๊ะ (บริษัทให้เช่ารถเขาบอกมาแบบนี้)
โอเค ยางลมพร้อม มุ่งหน้าออกไปแอดเวนเจอร์กันเลย เราต้องทำเวลากันหน่อยเพราะว่าวันนี้เวลาน้ำขึ้นอยู่ที่บ่ายโมง น้ำขึ้นแล้วเป็นอย่างไร? ถ้าน้ำทะเลสูงขึ้นมันก็จะมากลบเส้นทางการเดินทางของเราแถบริมชายหาด(75 Mile Beach) ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของเกาะเฟรเซอร์ ไม่เห็นเป็นไรเลยก็ลุยน้ำไปสิ 4WD ทั้งที มันก็คงจะมันดีเหมือนกันอย่างนั้น ถ้าไม่ติดว่ามีโขดหินและหล่มทรายที่ทรุดตัว เซฟตี้เฟิร์สนะงับ กฎการวิ่งรถบนเกาะเฟรเซอร์ก็จำได้ง่าย ๆ 30 km/h วิ่งภายในเกาะ และ 80 km/h วิ่งเรียบบนชายหาด อย่าคิดว่ามาไกลขนาดนี้รถลายตารางหมากรุกจะตามมาไม่ถึงนะจ๊ะ เขามีตำรวจวิ่งผ่านไปมาและยังมีสถานีตำรวจอยู่บนเกาะอีกด้วย
โอ้โห พอผ่านประตูรั้วกั้นระหว่าง Kingfisher Bay เข้าไปในถนน (ไม่อยากใช้คำว่าถนนเล้ย) เรียกว่า เส้นทางเดินรถดีกว่า เส้นทางบนเกาะ แม่เจ้า ดีนะอาหารกลางวันย่อยหมดแล้ว มันมันส์ตั้งกะยังไม่ได้ไปบุกป่าเลยอ้ะ เหวี่ยงกันแบบ คุณผู้หญิงนี่แนะนำใส่บราแบบกระชับ ส่วนท่านชายก็เน้นกระชับเหมือนกันนะฮะ ไม่งั้นอาจจะเกิดอาการจุกกันได้ ควรจับแฮนเดิ้ลข้างประตูไว้ด้วยนะสำหรับคนที่นั่งติดประตู กันหัวเหวี่ยงไปโขกกระจกเอาได้ คุณผู้หญิงท่านไหนพกตลับแป้งมานี่เตรียมร้องไห้เลยนะคับ เพราะจากแป้งอัดมันจะกลายเป็นแป้งฝุ่นในพริบตา
ภารกิจแรกของการเดินทางวันนี้คือ Lake McKenzie เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใสกิ๊ง สวยมว๊าก ทรายสีขาวนวล น้ำในทะเลสาบสะอาดมาก พวกเราไม่รอช้า เปลี่ยนเสื้อผ้าและเอาเท้าแตะน้ำทดสอบความเย็น น้ำเย็นเจี๊ยบบ พยายามเลือกมุมที่มีแสงแดดส่อง อุ่นเลย
Lake McKenzie
เล่นน้ำกันสดชื่นแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปยังแค้มป์ของเราในคืนนี้ ที่ Dundubara วิ่งทางเรียบชายหาดเหยียบได้ 80 km/h และไม่ต้องใช้ระบบ 4WD เป็นทางชายหาดยามโพล้เพล้ ฮือ ๆ น้ำตาจิไหล ไมมันสวยอย่างนี้... สีขอบฟ้ากับหาดทรายเป็นสีชมพูมีน้ำทะเลและคลื่นกั้นตรงกลาง แล้วเป็นชายหาดวิ่งยาวกว่าชั่วโมง เห็นผู้คนมาตกปลาอยู่ประปราย ระหว่างทางเราผ่านซากเรือ Maheno เรือที่ถูกสร้างในสก็อตแลนด์เพื่อใช้โดยสารในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ระหว่างออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ ก่อนจะถูกนำมาเป็นเรือพยาบาลในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และมาอับปางที่นี่เนื่องจากเจอพายุไซโคลน ขับเลยไปอีกนิดก็จะเจอภูเขาหินสีส้ม The Cathedrals เป็นอีกวิวหนึ่งที่แปลกตาดี
ในที่สุดก็มาถึงแล้วจุดตั้งแค้มป์ของเราในคืนนี้ และแน่นอนว่าต้องจองก่อนล่วงหน้า ที่ตั้งแค้มป์ก็แบ่งเป็นหลายโซน มีทั้งที่ตั้งของเทรลเลอร์ และแบบธรรมดาอย่างเรา ๆ บางจุดก็จะมี Campfire rings ไว้ให้เราสามารถก่อไฟได้ วันนี้เรามาถึงช้าไปหน่อยทำให้ไม่ค่อยมีตัวเลือกเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรเราพกเตาแก๊สกระป๋องมาเตรียมพร้อม การตั้งเต็นท์บนเกาะเฟรเซอร์เราควรจะต้องมีหมุดปักพิเศษสำหรับปักพื้นทรายโดยเฉพาะ ควรเตรียมหมุดปักและเชือกผูกเต้นท์ไปเผื่อเยอะหน่อย เพราะนอกจากทรายแล้วยังต้องเจอเรื่องลมกรรโชกอีก หากไม่อยากตื่นมานอนในรถเพราะเต็นท์พังละก็ยึดไว้ให้มั่นกันนะฮะ อย่าลืมเอาใบอนุญาตตั้งแคมป์(Camping permit tag)ที่เราจองไว้ผูกไว้กับเต็นท์หรือรถด้วย เวลาเรนเจอร์เดินมาดูเขาจะได้เห็น
Tips: จุดที่สามารถก่อกองไฟบน Fraser Island ได้ มีแค่ 2 จุดเท่านั้น คือ จุดตั้งแคมป์ที่ Dundubara และ Waddy Point โดยจะต้องจุดใน Fire rings ที่กำหนดไว้เท่านั้น สำหรับฟืนก็ต้องเตรียมมาเอง หาซื้อได้ที่ปั๊มน้ำมันกับร้านขายอุปกรณ์ทำสวนทั่วไปก่อนขึ้นเกาะ ข้อกำหนดเหล่านี้หากฝ่าฝืนมีโทษปรับแพงมั๊ก ๆ
สำหรับโซนตั้งแคมป์ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตที่เจ้าหน้าที่ทำการล้อมรั้วเหล็กสูงเอาไว้เพื่อป้องกันดิงโก้เข้ามา ในบางแห่งตรงประตูทางเข้าเขาจะห้ามคนเดินผ่าน เพราะมีกระแสไฟฟ้าตรงทางรถผ่าน เข้าใจว่ามันจะช๊อตดิงโก้ (หมาป่าที่หน้าตาเหมือนน้องหมาบ้านเรา) เวลามาเหยียบ เพื่อไม่ให้ผ่านเข้าไปได้ แต่กระนั้นก็ตามยังมีสัตว์เล็ก ๆ อีกมากมายที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาภายในโซนตั้งแคมป์ได้
หมาป่าดิงโก้ (Dingo)
รูปร่างหน้าตาคล้ายสุนัขบ้าน
จัดกันไปเต็มที่เลยคืนนี้อาหารญี่ปุ่นและฝรั่ง มาม่ากับไส้กรอกย่าง ฮ่า ๆ ทานกันเสร็จแล้วก็ต้องเก็บพวกอาหารและเศษขยะให้มิดชิดไว้ในรถนะ ในเต็นท์ก็ไม่ได้ แม้จะมีรั้วแต่อาจจะมีน้องหมามาและสหายสัตว์ป่ามาเยี่ยม หรือแม้แต่จะเก็บไว้ในถังน้ำแข็งก็ตาม ควรเอากลับขึ้นไปเก็บบนรถด้วยนะคะ เศษอาหารควรเช็ดเก็บลงถุงขยะก่อนนำพวกหม้อ กระทะ จานชามไปล้างที่ ๆ เขาจัดไว้ให้ เราต้องเตรียมพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดไปเองนะ ที่ล้างที่นี่เขาดีมีน้ำร้อนให้ด้วย อุ่นเลย
สำหรับแค้มป์ที่จุดนี้เขามีเวลาเคอฟิวด้วยนะเออ หลัง 3 ทุ่มไป No noise หากฝ่าฝืนจะถูกปรับนะจ้ะ หุ ๆ 3 ทุ่มคือเวลาดีของเราเลย เพราะไฮไลท์ของวันนี้อยู่ ณ จุด ๆ นี้แหละ ได้เวลาพวกเราก็เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม เราจะไปส่องช้างกัน!
ขับออกไปเพียงไม่กี่นาทีตรงชายทะเลทางเข้าที่เราตั้งแคมป์ ยังไม่ทันลงรถก็ อุ๊ต๊ะ! ดาวเต็มฟ้าเบย เห็นทางช้างเผือกเป็นแนวยาวด้วยตาเปล่า ทีมช่างภาพของเราไม่รีรอครับ หยิบเอากล้องถ่ายรูปออกมายิงช้างกันกระจาย ได้เป็นภาพสวย ๆ มาให้เพื่อน ๆ ได้ชมกัน เราโชคดีกันมากที่คืนนี้ฟ้าเปิด ไม่มีเมฆมาบังดาวเลยแม้แต่นิด เรามองเห็นทางช้างเผือกเป็นแนวยาว พาดผ่านท้องฟ้าเหมือนกับว่าอยากให้เราเข้าไปวิ่งเล่น ผืนดาวบนท้องฟ้าตัดกับคลื่นทะเลและชายหาดด้านหลัง เป็นความงามที่ต้องมาชมให้ได้จริง ๆ
เราไปในช่วงที่กำลังเข้าสู่หน้าหนาวพอดี (ปลายเดือน พ.ค.) อากาศในตอนกลางคืนหนาวจริงอะไรจริง แม้ว่าพยากรณ์จะบอกว่าแค่ 10 กว่าองศา แต่บวกลมทะเลแล้วหนาวสั่นถึงขั้นใครลืมถุงมือนี่ต้องเอาไปซุกรักแร้แก้หนาวกันเลยทีเดียว ใครขี้หนาวก็ควรพกเสื้อหนา ๆ กางเกง หมวกไหมพรม ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า ที่อุ่น ๆ กันไปด้วยนะ
หลังจากชมทางช้างเผือกกันเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับสู่แคมป์เพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เราแพลนกันไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ตอนนอนก็ต้องสวมเสื้อผ้ากันเต็มที่นิดนึงสำหรับคนขี้หนาวแบบเรา หากรถมีที่ว่างก็พกผ้าห่มผืนหนา ๆ ไปด้วย เพราะคืนนั้นพลาดคิดว่าเอาอยู่ แต่ตาสว่างนอนสั่นกันทั้งคืนเลย ปีศาจน้อยมีถุงนอนแบบเก็บได้ 5 องศาก็ยังไม่พอ เต็นท์ใครมีรูหรือช่องให้ลมผ่าน ก็อย่าลืมรูดซิปปิดรูกันให้ดีนะ
..ผ่านกันไปแล้วกับวันแรกที่ Fraser Island ในวันนี้เราได้เจอกับเกาะทรายที่สวยงามน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ใกล้เมืองบริสเบนของเราแค่ไม่กี่ชั่วโมง ในวันต่อไป.. เราจะพาไปตลุยทรายกันยิ่งกว่านี้ คนนำทริปบอกกับเราว่า เส้นทางวันพรุ่งนี้ขับยากกว่ามาก ถ้ารถใครติดทรายอาจจะต้องมีการลาก o_O แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง:
nprsr.qld.gov.au - "Fraser Island, Great Sandy National Park"
visitfrasercoast.com - "Fraser Coast QLD"