ข่าวล่าสุด:
มาต่อกันในตอนที่ 2 หลังจากเมื่อวานเราไปเล่นน้ำที่ทะเลสาบน้ำจืดและนอนดูทางช้างเผือกกันมาแล้ว(อ่านตอนที่ 1) ในวันนี้ถึงคิวเล่นน้ำทะเลกันบ้าง กับแอ่งน้ำทะเลที่ว่ากันว่าเหมือนแหวกว่ายในแก้วแชมเปญ หลังจากนั้นเราจะพาไปตกปลา กับ ปีนเนินทรายขนาดใหญ่ ก่อนจะไปแคมป์ปิ้งริมทะเล ลุยยยย...!!
Fraser Island วันที่สอง - ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Maheno Shipwreck, แวะพักซื้อของที่ The Cathedrals, เล่นน้ำทะเลที่ Champagne Pools, ตกปลาที่ Orchid Beach, ปีนเนินทรายที่ Sand Dunes, ตั้งแคมป์ที่ Waddy Point
โดนลากจากเต็นท์ให้มาดูแสงอาทิตย์ยามเช้าตอนตี 5 กว่า ๆ ที่ซากเรืออับปราง Maheno เสียดายที่วันนี้ท้องฟ้ามีเมฆบัง แต่ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ แนวกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ น้ำกำลังลงเลยเช้านี้ เข้าไปถ่ายใกล้ ๆ ได้ แต่ก็ระวังด้วย มีป้ายเตือนห้ามเข้าใกล้เกิน 3 เมตร
ซากเรืออับปราง Maheno
เราถ่ายรูปเล่นแป๊บ ๆ ก็กลับไปที่แคมป์เพื่อทานอาหารเช้าแบบออสซี่ ขนมปัง ไข่คน เบคอน กาแฟ ใครสนใจอาบน้ำตอนเช้าไม่ต้องกลัวหนาว มีเครื่องทำน้ำอุ่นบริการด้วยการหยอดเหรียญ รับเฉพาะเหรียญ $1 เท่านั้น หนึ่งเหรียญได้ 3 นาที หยอดได้ทีเดียวไม่เกิน 3 เหรียญ จริง ๆ แค่ 2 เหรียญก็น่าจะพอ แต่เราหยอดกันพลาดไปเลยทีเดียว 3 เหรียญ อาบน้ำสระผมเหลือเฟือ มีคนเปรี้ยวบอก 3 นาทีก็เสร็จ ฮึ ๆ พวกกะลังกินข้าวเช้ารออยู่ที่แคมป์ ส่งสายโชว์ซิกแพค (เข้าใจว่าสายเพิ่งอาบน้ำเสร็จอยู่ห้องข้าง ๆ แล้วรีบวิ่งมา) มาเบิกเหรียญเพิ่ม เป็นไงล่ะได้ยืนหนาวสั่นรอความช่วยเหลือจนฟองสบู่แฟบกันเลยทีเดียว แนะนำให้แลกเหรียญไปเผื่อเยอะ ๆ ก่อนขึ้นเกาะเลยนะ เวลาอาบน้ำก็ไปกันเป็นหมู่คณะเผื่อเกิดเหตุน้ำอุ่นขัดข้องจะได้ไม่ต้องยืนหนาวอยู่คนเดียว
Tips: ที่จุดตั้งแคมป์ Dundubara มีที่อาบน้ำ 2 แห่ง ในส่วนของเครื่องทำน้ำอุ่นหยอดเหรียญ หากหมดเวลาจะตัดทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นพร้อมกัน ซึ่งน้ำจะหยุดไหลไปโดยสิ้นเชิง จึงควรระวังในจุดนี้
จุดตั้งแคมป์ Dundubara
หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็รีบเก็บของเพื่อเดินทางต่อ ตรวจเช็คดูความเรียบร้อยไม่ลืมอะไร โดยเฉพาะสมอปักเต็นท์ เก็บขยะให้เรียบร้อย ตรวจเวลาน้ำขึ้นให้แน่ใจอีกครั้งก่อนออกเดินทาง สำหรับขยะนั้นเขาจะมีที่ให้ทิ้งโดยเฉพาะ ระหว่างเส้นทาง(ดูได้ในแผนที่) ไม่ลืมที่จะปิดประตูโซนทิ้งขยะให้เรียบร้อยเพื่อกันน้องหมาดิงโก้มาคุ้ยเขี่ยหาอาหาร
เมื่อวานไปเย็นชื่นใจกับทะเลสาบน้ำจืดกันแล้ว วันนี้เราไปชุ่มฉ่ำกับน้ำเค็มที่ Champagne Pools กัน!
ก่อนจะมุ่งหน้าไป Champagne Pools เราหันหลังกลับไปที่ The Cathedrals ภูเขาหินสีซึ่งมีโซนที่พัก ปั้มน้ำมัน และของขายหลากหลายอยู่ใกล้ ๆ แวะซื้ออาหารกลางวันที่มีทั้งเบอร์เกอร์และฟิชแอนด์ชิพ เขารับทั้งเงินสดและบัตร หากใครไม่มีเหรียญ $1 ไว้อาบน้ำก็ขอแลกเขาได้ ทำเวลากันหน่อยเพราะวันนี้น้ำขึ้นตอนเกือบเที่ยง ไปถึงแบบเฉียดฉิวมาก น้ำทะเลเกือบท่วมล้อเลยทีเดียวเชียว (ค่อนข้างอันตรายอย่างมาก แนะนำให้ควรหลีกเลี่ยง)
The Cathedral
ภูเขาหินสี และ จุดแวะพัก
Champagne Pools อยู่ห่างจากจุดตั้งแคมป์ Dundubara ออกไปไม่ไกลมาก บริเวณทางเหนือของ Indian Head เมื่อมาถึงเราก็พบกับกลุ่มคณะทัวร์มากมาย เนื่องจากเป็นจุดท่องเที่ยวหลัก ลมแรงมากก ตัวแทบปลิว ถอดหมวกเก็บเลยนะฮะปลิวแน่ ๆ ระหว่างทางมีจุดชมวิวให้เห็นทะเลและ Champagne Pools จากมุมสูง ตอนแรกได้ยินว่า Champagne Pools ก็นึกว่าสงสัยน้ำมันต้องเป็นสีชมพูนวลรึเปล่า ที่ไหนได้คือ เจ้า Pools แห่งนี้เป็นแอ่งน้ำริมทะเลที่มีแนวก้อนหินขวางกั้น เกิดเป็นเหมือนสระน้ำขึ้นมา และเมื่อคลื่นทะเลซัดโดนแนวหินอย่างแรงจนทะลักเข้ามาในแอ่งน้ำ ทำให้เกิดเป็นฟองสีขาว ๆ ลอยฟูฟ่องเหมือนกับฟองแชมเปญนั่นเอง เหมือนไม่เหมือนยังไงมาดูรูปกัน
Champagne Pools
วิวมุมสูงจาก Champagne Pools
สามารถมองเห็น Indian Head
สำหรับใครที่อยากลงไปเล่นน้ำ ให้ระวังเจ็บตัวกันด้วย เพราะทางเดินไปสระนั้นมีแต่หินแหลมคม เพื่อนร่วมทริปเราโดนบาดเท้าเลือดซิบ ๆ กันไปหลายราย
เล่นน้ำกันเหนื่อยละเริ่มหิว เราก็ขับออกจาก Champagne Pools มุ่งหน้าสู่จุดตั้งแคมป์ใหม่ในคืนนี้ที่ Waddy Point วันนี้มาเช้ามีที่ให้เลือกเยอะกว่าเมื่อวาน จุดตั้งแคมป์ที่นี่ค่อนข้างดีมากอยู่ติดทะเลและมีพุ่มไม้เล็ก ๆ คอยบังลมให้ อีกทั้งยังมี Campfire Rings ให้ทุกจุด แม้จะมีห้องน้ำให้บริการ แต่จุดอาบน้ำต้องเดินขึ้นเขาไปพอสมควร ตอนกลางคืนจะมืดมากและค่อนข้างอันตราย เลือกอาบน้ำช่วงบ่ายก่อนค่ำหรือเช้าจะดีกว่า
จุดตั้งแคมป์ Waddy Point
ทานกลางวัน ตั้งแคมป์เสร็จ เราก็ขับรถออกไปชายหาดใกล้ ๆ ที่ Orchid Beach มีคนบอกจะตกปลาทำซาชิมิให้กินกันคืนนี้ แถบชายทะเลมีฝูงนกกระทุงยืนคอหดต้านลมหนาวกันน่ารักเลยทีเดียว น้ำทะเลใส ๆ เห็นเปลือกหอยสีสันหลากหลายอยู่บนทราย ถ่ายรูปพระอาทิตย์ยามบ่ายฟังคลื่นซัดชิว ๆ (ยังคงหนาวอยู่นะ)
Orchid Beach
กลับมาที่จุดตั้งแคมป์ Waddy Point บริเวณนั้นมีเนินทรายขนาดใหญ่ หรือ Sand Dunes จึงได้โอกาสขึ้นไปปีนเล่นกัน ใส่กางเกงขาสั้นไปโดนลมพัดมาทีเล่นเอาแสบเลย เป็นการขัดผิวไปในตัวนะ แว่นกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นมากในการปีนป่ายเนินทรายแห่งนี้ ตากล้องของเราโดนทรายเข้าตาและปากไปเต็ม ๆ น่าจ๋งจาน
จากที่เราได้ข้อมูลมา ว่ากันว่าเนินทรายแห่งนี้ถูกลมพัดขยับไปตามทิศทางลมปีละ 1 - 2 เมตร และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยตามพื้นผิวของทรายยังมีลักษณะเป็นคลื่นสวยงาม ตรงด้านหน้ามีป้ายเตือนระวังดิงโก้ปักอยู่ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นอาณาเขตของมัน ก็พยายามเดินกันเป็นกลุ่มไม่ฉายเดี่ยวนะงับ และไม่วิ่ง นั่งดูแสงอาทิตย์ตกดินจากเนินทราย มองเห็นท้องฟ้าตัดกับทะเล โรแมนติกฝุด ๆ
Sand Dunes
กลับมาที่แคมป์.. คืนนี้เราปิ้งย่างและเล่นเกมรอบกองไฟ เงยหน้าขึ้นฟ้ามองดูดาว ฟ้าเปิดไม่มากนักเห็นทางช้างเผือกอยู่รำไร แต่เราก็ยังได้บรรยากาศที่ดีกว่าจุดตั้งแคมป์เมื่อวาน โซนนี้เราไม่เห็นป้ายเคอร์ฟิว เข้าใจว่าน่าจะไม่เข้มงวดเรื่องเสียง ถัดไปสองบล็อกพี่แกปาร์ตี้กันสุดเหวี่ยง อย่างกะแบกสเตอริโอเสียงดอลบี้เซอร์ราวด์มาจากบ้าน สังเกตดูแล้วคนที่มาตั้งแคมป์ ณ จุด ๆ นี้จะเป็นกลุ่มออสซี่ชายฉกรรจ์หนีคนที่บ้านมาพักผ่อนตกปลา หรือมาคอนเฟอเร้นส์กัน เราถูกประกบทั้งสองด้าน อีกด้านหนึ่งคอนเฟอเร้นส์รอบกองไฟกันหลายคนแต่เงียบมากค่ะ เพื่อนบ้านเราเดินเข้ามาทักทาย มีการเหน็บแนมกันเป็นระยะ ๆ ต่อว่ากลุ่มปาร์ตี้เพื่อนบ้านอย่างขำ ๆ ว่าคืนนี้ตรูคงไม่ได้นอนแน่ ๆ เราคนไทยใจดีก็ยื่นหมูปิ้งและลูกชิ้นให้ไปเลย ทำดีได้ดีเห็นผลทันตานะฮะ เขาเห็นกองไฟเราริบรี้ริบหรี่ (ของคนอื่นนี่ยังกะไฟบูชายัญ เปลวนี่สูงเกือบจะเลยหัว) บอกพวกไอมีฟืนเยอะนะยูเอาป่าว เราก็เกรงใจบอก..เอามาเลยยู 55 หันแว๊บกลับไปเสียงอะไร ป๊าง ๆ เหลือบไปดู คุณพี่แกเอาขวานผ่าฟืนให้เลย! เท่านั้นไม่พอ ไอกะลังจี่ข้าวเหนียวอยู่ (ภาษาไทยเรียกปิ้งข้าวเหนียว) ลุงอีกคนเดินมาพร้อมถุงปลาสด ๆ เชิญพวกเราไปดูวิธีการย่างปลาให้อร่อยที่แคมป์เขา มีการใช้พลั่วตักถ่านออกมาเพื่อมาย่างปลาให้เราโดยเฉพาะ น้ำตาจิไหล อร่อยจริง ๆ รอบดึกขณะที่เรากำลังเมามันกับเกมรอบกองไฟ คุณลุงสองคนนี้ก็ขอมาแจมด้วย
เป็นคืนที่สนุกสนานและได้เพื่อนใหม่หัวเราะทั้งคืน จนแต่ละคนเหน็ดเหนื่อยก็ได้เวลาแยกย้ายกันเข้าเต็นท์นอน เพราะเรามีนัดแก้ตัวดูพระอาทิตย์ขึ้นกันอีกวัน
..ผ่านไปแล้ว 2 วัน เราได้เล่นทั้งน้ำจืดใสแจ๋วและน้ำทะเลเย็นเจี๊ยบ แล้วยังได้ไปทำกิจกรรมในแบบออสซี่กับการตกปลา ถึงแม้จะไม่ได้ปลาก็ตาม แต่ก็ได้เจอเพื่อนชาวแคมป์แสนใจดีนำปลาที่ตกได้มาย่างให้ชิม ในตอนต่อไปนั้น.. เราจะไปชมแสงแรกรับรุ่งอรุณที่ Waddy Point ก่อนจบท้ายทริปวันสุดท้ายที่ Fraser Island, แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ
