ถ้าพูดถึงการเดินทางระยะทางไกลๆ หรือเดินทางข้ามรัฐแล้ว “เครื่องบิน” คงเป็นตัวเลือกแรกของใครหลายคนที่เลือกใช้บริการ แต่ก็ยังมีการเดินทางอีกรูปแบบ ที่แม้จะไม่ได้เป็นที่นิยมนัก แต่ขอบอกเลยว่า สวยงามและน่าสนใจไม่แพ้กัน ถึงจะเป็นการเดินทางที่ใช้เวลาสักหน่อย แต่ระหว่างทางบอกเลยว่า สวยสุดใจ และนั่นคือ “เส้นทางสายรถไฟ” นั่นเอง ด้วยความปลอดภัย ราคาย่อมเยา และมีรอบเวลาที่ชัดเจนนั่นเอง เราจึงต่างคุ้นชินการเดินทางแบบนี้กันภายในเมืองซะมากกว่า แต่คราวนี้เราจะให้เพื่อน ๆ รู้จักเส้นทางรถไฟในประเทศออสเตรเลียให้กว้างยิ่งขึ้น เป็นการเดินทางที่เราได้ซึมซับบรรยากาศวิวทิวทัศน์ของประเทศระหว่างนั่งรถไฟอย่างเต็มอิ่ม อีกทั้งเรายังจะได้ใช้เวลาไปกับเพื่อนร่วมทริปหรือคนที่เรารักไปนานยิ่งขึ้นอีกด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด เรามาเริ่มต้นทำความรู้จักกับการเดินทางรูปแบบนี้ก่อน เส้นทางรถไฟเส้นแรกในประเทศออสเตรเลีย เกิดขึ้นในปี 1831 โดยบริษัท Australian Agricultural Company ที่ก่อตั้งในรัฐ New South Wale ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อขนส่งเชิงพาณิชย์ แต่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการขนส่งแร่เท่านั้น และ 23 ปีต่อมา ก็มีการสร้างเส้นทางรถไฟขึ้นที่รัฐ Victoria เป็นระยะทางทั้งหมด 4 กิโลเมตร จาก Flinder Street ถึง Sandridge ( Port Melbourne ในปัจจุบัน ) ซึ่งเป็นการสร้างขึ้นในยุคตื่นทอง (Gold Rush) และเป็นการใช้งานรถไฟหัวจักรไอน้ำครั้งแรกในประเทศอีกด้วย จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เกิดขึ้นในปี 1883 นั่นคือปีที่เริ่มต้นการเดินทางด้วยรถไฟข้ามรัฐในครั้งแรก จากรัฐ New South Wale ไปถึงรัฐ Victoria ที่เมือง Albury และระบบรถไฟได้ถูกพัฒนาจนมาถึงปัจจุบัน ผู้คนสามารถเดินทางด้วยรถไฟด้วยระยะทางไกล อย่างสมบูรณ์แบบและปลอดภัย
ถ้าพูดถึงระบบรถจักรดีเซล (Diesel Locomotive) ที่ปัจจุบันยังนิยมใช้กันในหลายประเทศ ถูกนำมาผลิตในประเทศออสเตรเลียในช่วงต้นปี 1950s เริ่มจากการนำเข้าเทคโนโลยีจากประเทศฝั่งประเทศตะวันตก อย่างสหราชอาณาจักรฯและสหรัฐอเมริกา ร่วมกันออกแบบโดยบริษัทท้องถิ่นในยุคนั้นคือ บริษัท Clyde Engineering และ Goninan รวมไปถึง Partner ทางธุรกิจวิศวกรรม ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จนถึงปัจจุบัน ยังคงเห็นชื่อ Downer Rail และ UGL Rail ปรากฎในบทบาทผู้ดูแลระบบเส้นทางรถไฟ คือ ซึ่งชื่อในอดีตก็คือ Clyde และ Goninan นั่นเอง เรียกว่าผลิตและดูแลกันมาอย่างยาวนาน
หากย้อนกลับไปดู Timeline การสร้างเส้นทางรถไฟแล้ว แน่นอนว่าช่วงแรกเริ่ม เป็นการสร้างเส้นทางภายในรัฐกันเองซะมากกว่า ถ้าพูดถึงในรัฐ Queensland แล้ว เส้นทางรถไฟแรกเกิดขึ้นในปี 1865 นั่นคือเส้นทางจากเมือง Ipswich ถึง Bigges Camp ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นชื่อ Grandchester Railway Stationในปัจจุบัน หมดช่วง COVID-19 แล้ว อย่าลืมเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศสุดวินเทจ ที่ยังคงถูกดูแลรักษาภายในสถานีนี้
หลังจากที่เรียนรู้ที่มากันพอหอมปากหอมคอแล้ว มาดูกันว่าทุกวันนี้มีเส้นทางให้เราเดินทางไปไหนกันบ้าง ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า บริษัทที่จัดการเดินทางด้วยรถไฟระหว่างรัฐ มีทั้งหมด 4 บริษัทใหญ่ ได้แก่ Journey Beyond, NSW TrainLink, Queensland Rail และ V/Line หากจะให้เล่าทั้งหมด เกรงว่าเพื่อน ๆ คงจะนั่งหาวเอา ครั้งนี้เราจะขอเล่าเฉพาะเส้นทางรถไฟยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวกันดีกว่า จากบริษัท Journey Beyond ซึ่งเปิดให้บริการทั้งหมด 4 เส้นทาง เป็นการเดินทางที่มาพร้อมกับบริการที่พิเศษสุด ๆ เพราะนอกจากจะมีที่นั่งและที่นอนโดยสาร พร้อมอาหารสุดหรูและไวน์ ที่เสิร์ฟทุกมื้อระหว่างการเดินทางแล้ว ยังมีการแวะจอดรถไฟตามเมืองเล็กเมืองใหญ่ เพื่อให้ผู้ร่วมเดินทางได้แวะเที่ยว เยี่ยมชมบรรยากาศที่ไม่ได้เดินทางมาถึงกันได้บ่อย ๆ เป็นอีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจกว่าการนั่งรถไฟเจ้าอื่น ๆ นั่นเอง แต่ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการเดินทางข้ามรัฐ อย่างไรก็ตามอย่าลืมอัพเดทความเคลื่อนไหว ตรวจสอบรอบรถไฟปัจจุบันได้จาก https://journeybeyondrail.com.au/ ได้โดยตรงเลย เรามาดูกันดีกว่า ว่าทั้ง 4 เส้นทางที่น่าสนใจนั้น มีอะไรบ้าง
เส้นทางแรกที่พาเพื่อน ๆ ให้รู้จักกัน นั่นคือ Indian Pacific เส้นทางรถไฟที่รวมชื่อสองมหาสมุทรเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยเส้นทางจาก Sydney – Adelaide – Perth ข้ามซีกทวีปจากตะวันออกไปยังสุดขอบตะวันตก เป็นเส้นทางรถไฟที่ยาวถึง 4,352 กิโลเมตร เป็นระยะทางเกือบครึ่งนึงของทางรถไฟ Trans-Siberian ซึ่งมีไม่กี่เส้นทางในโลกที่มีการเดินทางวิธีนี้ รถไฟขบวนนี้เริ่มต้นเดินทางครั้งแรกในปี 1970 ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 70-75 ชั่วโมงหรือเกือบ 3 วัน แบบขาเดียวเท่านั้น!
ระหว่างการเดินทาง รถไฟจะจอดแวะตามสถานที่ท่องเที่ยว และเมืองต่าง ๆ ให้เราออกไปยืดเส้นและเยี่ยมชม ได้แก่ เมือง Broken Hill เมืองที่ได้รับสมญานามว่าเป็น ‘Silver City’ ในอดีตโด่งดังช่วงยุคตื่นทอง ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์การขุดแร่ในอดีตได้ในเมืองนี้
แวะจุดต่อมากันที่เมือง Adelaide เมืองใหญ่ทางตอนใต้ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์คุณภาพ นักเดินทางสามารถเลือกเข้าไปเดินชมไร่องุ่นก็ได้ หรือจะไปเดินเล่นในเมืองแบบ City Tour ง่าย ๆ ก็ดี ก่อนตื่นมาพร้อมกับวันใหม่ที่เมือง Nullarbor Plain ซึ่งจอดให้เราได้ยืดเส้นยืดสาย และทานดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟอันเก่าแก่ ก่อนรับอรุณวันสุดท้าย กันที่เมือง Perth และจอดยังจุดหมายปลายทางในช่วงบ่าย
เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีความพิเศษ ทั้งด้านประวัติศาสตร์และความยาวนาน ในทุก ๆ ปี จะมีการออกขบวนพิเศษที่เรียกว่า “Christmas Train” เป็นขบวนที่จะมีการแสดงดนตรีภายในขบวน ขนทัพศิลปินหรือวงดนตรีที่มีชื่อเสียงในประเทศ มาร่วมเดินทางและมอบความสุขระหว่างทริป โดยศิลปินที่เคยร่วมเดินทางในขบวน Christmas Train นั้นได้แก่ Guy Sebastian, วง Human Nature และ David Campbell อิ่มเอมไปกับวิวธรรมชาติและดนตรีบรรเลงตลอดทั้งทริป โรแมนติกสุด ๆ
จากการเดินทางข้ามซีก หนี Time Zone กันแล้ว คราวนี้มาเดินทางจากซีกเหนือลงมาทางใต้สุดท้าสภาพอากาศกัน ด้วยเส้นทาง The Ghan หรือที่มีชื่อเต็ม ๆ คือ “The Afghan Express” เป็นการตั้งชื่อที่ให้เกียรตินักเดินอูฐชาวอัฟกานิสถาน ที่ในอดีตได้การช่วยเหลือชาวอังกฤษที่ล่าอาณานิคมในยุคนั้น ได้ค้นพบพื้นที่กว้างใหญ่ใจกลางทวีปนั่นเอง เส้นทางนี้วิ่งผ่านเมือง Adelaide – Alice Springs – Darwin ผ่าใจกลางประเทศด้วยระยะทาง 2,979 กิโลเมตร ใช้เวลา 54 ชั่วโมง หรือ 2 กว่านิด ๆ ในการเดินทาง
ด้วยความที่วิ่งผ่านเส้นลองจิจูด ทำให้ได้พบกับสภาพแวดล้อมตั้งแต่ความอุดมสมบูรณ์แบบร้อนชื้น ความร้อนระอุจากทะเลทราย จนไปถึงความหนาวเย็นจากลมมหาสมุทร ทริปนี้แวะจอดตั้งแต่ Katherine เมืองที่รายล้อมไปด้วยความเขียวขจีทางธรรมชาติ นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมความอุดมสมบูรณ์ที่ Nitmiluk National Park อุทยานแห่งชาติอันกว้างใหญ่ และยังเปิดโอกาสให้เรียนรู้วัฒนธรรมการอยู่อาศัยของชาวพื้นถิ่น อย่าง Aboriginal ก่อนที่จะลืมตาตื่นมาวันใหม่ที่ Alice Spring ที่ตั้งของ Uluru มรดกโลกอันเลื่องชื่อให้เราได้สัมผัสถึงภูมิประเทศที่แห้งแล้งแต่มีสเน่ห์ ที่สำคัญในเวลาคำ่คืนมืดมิดที่ท้องฟ้าเปิด เราสามารถมองเห็น Milky Way หรือทางช้างเผือกได้ขณะที่อยู่ในโบกี้โดยสารอีกต่างหาก
จบทริปวันสุดท้ายกันที่เมือง Adeliade กับภาพวิวทิวทัศน์จากทะเลทรายเป็นไร่องุ่นอันอุดมสมบูรณ์ หากใครที่สนใจอยากท่องเที่ยวในเมืองต่อ ทาง Journey Beyond ก็มีทริปให้ไป Barossa Valley ไร่องุ่นชื่อดัง หรือจะเป็น Kangaroo Island เกาะเล็ก ๆ ทางตอนใต้ แต่ความสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว
หากใครที่นั่งรถไฟนาน ๆ แล้วกลัวเบื่อหรือเพิ่งเริ่มต้น ทดลองการเดินทางรูปแบบนี้ มาลองเริ่มด้วยเส้นทางสั้น ๆ ระหว่าง Melbourne – Adelaide ด้วยระยะทางเพียง 828 กิโลเมตร กับเวลาเดินทางเพียง 10 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น แม้ว่าระหว่างทริปไม่ได้แวะพักจอดที่เมืองไหน แต่เชื่อได้เลยว่าผู้โดยสารจะได้ชื่นชมกับวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่สมบูรณ์พร้อมการบริการระหว่างเดินทางอันแสนประทับใจอย่างแน่นอน ถ้าผ่านทริปนี้ได้อย่างแฮปปี้ รับรองว่านั่งรถไฟไปเส้นไหน ๆ ก็มีแต่คำว่าเพลิดเพลินแน่นอน
Great Southern
(ที่มาภาพ : Journey Beyond)
เมื่อขบวนรถไฟวิ่งเข้าสู่รัฐ New South Wale แล้ว ก็ไม่พลาดที่จะแวะทานดินเนอร์สุดหรูที่ Coffs Harbour ก่อนที่จะจอดทำกิจกรรมวันต่อไปที่ Hunter Valley ที่เปิดให้ชมไร่องุ่นท่ามกลางวิวหุบเขาสลับซับซ้อน เรียนรู้ที่มาการผลิตไวน์อย่างลึกซึ้ง อีกทั้งได้จิบไวน์จากแหล่งต้นกำเนิด หรือใครสายลุย ไปร่วมทริปเล่นน้ำทะเล ขับรถฝ่า Sand Dune ด้วยรถ 4WD ที่ Port Stephens หรือ Newcastle ผู้โดยสารสามารถเลือกได้ ก่อนที่จะหมดวัน เพื่อออกเดินทางอีกครั้งในช่วงกลางคืน
กิจกรรมต่อมาเริ่มกันที่รัฐ Victoria มีทั้งทริปเดินทางเลียบชายชายฝั่งมหาสมุทรสุดอลังการที่ Great Ocean Road หรือจะจิบไวน์ท่ามกลางธรรมชาติ ที่ Moorabool Valley และเดินชิลบริเวณชายหาด พร้อมชมงานศิลปะท้องถิ่นที่ Geelong Waterfront ก่อนจบทริปในวันรุ่งขึ้นที่เมือง Adelaide โดยสวัสดิภาพ เรียกได้ว่าทริปเดียวผ่านทั้ง 4 รัฐเลย
(ที่มาภาพ : Journey Beyond)
ความพิเศษและทำให้การเดินทางด้วยรถไฟกับ Journey Beyond นั้นแตกต่างจากเจ้าอื่น ๆ นั่นคือทริปย่อยต่าง ๆ ที่ทางบริษัทจัดขึ้น พร้อมให้บริการระหว่างแวะจอด หรือเมื่อถึงปลายทาง มีทั้งแบบ 3 วัน 2 คืน หรือเที่ยวสบาย ๆ ตลอดทริปแบบ 14 วัน 13 คืนก็มี เรียกได้ว่าตอบโจทย์การท่องเที่ยวและการเดินทางแบบครบเครื่อง อิ่มเอมใจไปอีกนาน
(ที่มาภาพ : travelonline.com)
https://www.youtube.com/watch?v=zqmgdB0UV1Y
ก่อนจบบทความนี้ไป อยากฝากคลิปรายการ “Great Railway Journeys” สารคดีท่องเที่ยว ที่ฉายในช่อง BBC ประเทศอังกฤษ ซึ่งจะพาเราไปนั่งรถไฟบนเส้นทางที่น่าสนใจในแต่ละประเทศ หรือเส้นทางข้ามประเทศเลยก็มี Episode ที่มาแนะนำคือ "The Long Straight” ที่ฉายในปี 1980 บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางจาก Sydney ไป Perth มาดูกันว่าเมื่อ 40 ปีที่แล้ว การเดินทางข้ามซีกทวีปนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร สนุกมากน้อยแค่ไหนกันเมื่อเทียบกับยุค 2020 นี้