ออกมาให้ชาวออสเตรเลียได้ยลโฉมกันเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา กับ Final Fantasy Type-0 HD สำหรับเครื่อง Xbox One และ PlayStation 4 ภาครีเมคของ Action RPG โดยค่าย Square Enix ที่ออกตัวครั้งแรกให้กับ PlayStation Portable เมื่อปี 2011 เนื้อเรื่องของเกมมีส่วนเกี่ยวข้องกับ Fabula Nova Crystallis ซึ่งถูกใช้กับเกมอื่นในซี่รี่ส์ Final Fantasy (FF) คือภาค XIII และ XV
ส่วนตัวแล้วภาค HD นี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจในการจับจองเกมนี้แต่อย่างใด จุดน่าสนใจคือ.. Playable Demo ของ Final Fantasy 15 (FFXV) ซึ่งเป็นซี่รี่ย์ล่าสุดของ FF ที่กำลังจะออก (รึเปล่า เพราะรอกันมานานเหลือเกิน ประมาณ 9 ปีแล้ว) หากใครต้องการทดลองเล่น คงต้องรีบหน่อยเพราะมันมาพร้อมกับตัวเกมล็อตแรกเท่านั้น(Day-One Edition)
เกริ่นกันมายาวแล้ว ตอนนี้เราจึงขอหยิบเอาเดโม FFXV มาพรีวิวกันดีกว่า..
ตัวเดโมตัวนี้ใช้ชื่อว่า FFXV Episode Duscae ดุสเค? ดัสแค? นอกจากไม่รู้ว่าอ่านยังไง สิ่งที่เราไม่รู้อีกอย่างก็คือเราสามารถเก็บค่าประสบการณ์ EXP หรือของที่เราเก็บได้ในเดโมนี้ ไว้ใช้กับตัวเกมจริงได้หรือไม่?
เริ่มเกมมากับชายหนุ่มรูปงาม 4 คนในเต้นท์กลางทุ่ง อยากรู้จังใช้เจลยี่ห้อไรผมพี่อยู่ทรงมาก ตัวเอกของเราองค์ชาย Noctis ชื่อเล่น นกโต (ภาษาญี่ปุ่นเรียก นก-คุ-โตะ ตามที่ Prompto [พร้อมโต] หนึ่งในตัวละครหลักเรียก) ออกเดินทางมากับคู่ขา เอ้ย คู่หูสามคน Prompto, Gladiolus และ Ignis (อีกนิดส์) รถของพวกเขาพังโดยฝีมือของพร้อมโต เนื่องจากไม่มีกะตังจ่ายค่าซ่อมรถ องค์ชายนกโตและผองเพื่อนจึงตัดสินใจไปตามล่าค่าหัวปราบ Behemoth ทรงผมโมฮอค (คาดว่าใช้เจลยี่ห้อเดียวกันกับกลุ่มองค์ชาย) นามว่า “Deadeye” กัน
เริ่มเกมก็มีระบบสอนการบังคับ ปรับมุมกล้องตามสไตล์ ฝึกระบบการต่อสู้กับ Gladiolus ระบบการต่อสู้ภาคนี้แปลกแหวกแนวมั่ก ๆ เป็นอารมณ์แนว Action RPG มากกว่า Turn-based อย่างภาคก่อน ๆ เหมือนคัดลอกมาจาก FF Type-0 กลาย ๆ แอคชั่นแบ่งเป็นช่วงโจมตีกับป้องกัน การโจมตีซึ่งไม่ต้องมานั่งกดปุ่มรัวแบบ Hash and Slash กดค้างไปเลย อันนี้ขอชื่นชมในการปรับปรุงแก้ไข ระหว่างป้องกันสามารถสวนกลับได้ด้วยการกดปุ่มให้ถูกจังหวะ HP เพิ่มทีละนิด แต่หากเราวาร์ปองค์ชายไปอยู่ในที่สูงจะทำให้เพิ่มพลัง HP, MP คืนมาได้อย่างรวดเร็ว วาร์ปขึ้นไปแล้วก็วาร์ปลงมาจู่โจมศัตรูได้อีกด้วย ไม่แน่ใจว่าคอนเซ็ปนี้ Shadow of Mordor ได้ไปหรือใครก๊อปใครกันแน่?
อาวุธขององค์ชายนกโตมีให้เลือกอยู่หลายสล๊อตแตกต่างหลากหลายประเภทกันไป เวลาต่อสู้อาวุธจะถูกเปลี่ยนอัตโนมัติตามสถานการณ์การต่อสู้ ในฉากต่อสู้เราสามารถบังคับองค์ชายได้เพียงคนเดียว โดยตัวละครอื่นช่วยเราสู้ตามคำสั่งที่ได้ตั้งไว้ ระบบที่น่าสนใจอีกอย่างคือระบบช่วยเหลือพวกพ้องเมื่อ HP แท่งสีขาวหมดลง หลอด HP จะกลายเป็นสีแดงและจะทำให้ตัวละครตัวนั้นทรุดลง เดินได้ช้า หากถูกศัตรูโจมตีตอนนี้จะทำให้หลอด HP สีแดงลดลง ทำให้ Max HP เราลดตามไปด้วย ซึ่งระบบนี้คล้ายกับเกม End of Eternity (ฉบับภาษาญี่ปุ่น) หรือ Resonance of Fate (ฉบับภาษาอังกฤษ) เราสามารถช่วยเหลือเพื่อนเราได้โดยการไปใกล้ ๆ แล้วกดปุ่ม X (PS4) เท่านั้นเอง จิ๊บๆ ก็จะไปเติมพลังหลอดเลือดสีขาวให้กับเพื่อนเรา
หลังจบการต่อสู้ HP ของเราจะคืนมาเต็มโดยอัตโนมัติ ยกเว้นในกรณีที่สเตตัสเราผิดปกติ จะค่อย ๆ ขึ้นช้า ๆ
เมื่อเป็น FF แล้วแน่นอนว่าต้องมีมนต์อสูร นกโตสามารถเรียกเหล่าอสูรออกมาช่วยรบได้ ในเดโมนี้เราได้สัมผัสกับเทพสายฟ้าไม่ใช่ใครอื่นคือลุง Ramuh โฮ๊ะๆๆ ลุงเท่ห์มากขอบอก มันแบบสะใจอลังการมากอ่ะกับฉากถล่มทลายศัตรูให้แหลกเป็นผุยผง คือมันได้อารมณ์มาก ๆ ว่าแรงจริงแบบเดี๊ยงแน่ ๆ หลังจากปล่อยพลังเสร็จกราฟฟิคพื้นที่แถวนั้นก็แสดงได้แจ่มสมจริงดี ไม่ใช่เหมือนเป็นผีโผล่มาน้ำซัดไฟเผากระจัดกระจายแต่ฉากรอบ ๆ ยังเหมือนเดิม อันนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องการปรับปรุงในจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทำให้ความรู้สึกสมจริงมากขึ้น
การเคลื่อนไหวของตัวละครหากมองว่าเป็นเกม RPG ก็ถือว่าพัฒนามาก ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่หากเปรียบเทียบกับเกมอื่น ๆ ทางฝั่งอเมริกา เช่น Assassin’s Creed Unity ยังสะดุดอยู่ อารมณ์การเล่น มุมมองที่เห็นจากการเคลื่อนไหวของตัวละครค่อนไปทาง Third Person Action-adventure นิด ๆ
ตัวอย่าง Gameplay FF XV
ภาพประกอบ: Gamespot
การเข้าสู่ Battle mode เป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่มีการตัดฉาก เปิดโอกาสทางเลือกว่าเราจะหลบหรือสู้กับศัตรูจากสัญญาณว่าศัตรูเห็นเรารึยัง
จุดที่แตกต่างจาก FF ภาคอื่นคือระบบการพักผ่อน เราต้องหาจุดตั้งแคมป์ หรือขบวนคาราวานในการพักผ่อนนอนหลับ โดยอาหารที่เรากินที่แคมป์ในแต่ละครั้งจะช่วยเพิ่มค่า Stat แตกต่างกันออกไปตามเมนูนั้น ๆ เรื่องที่สำคัญคือ ค่าประสบการณ์ของเราจะถูกอัพเดทให้ตัวละครที่แคมป์เท่านั้น นั่นหมายความว่าเราจะ Level Up ได้ก็ต่อเมื่อเราพักที่แคมป์นั่นเอง
กราฟฟิคของเกมทำได้ดีพอสมควร แต่ด้วยความสามารถของเครื่องยุคนี้ คาดว่าเวอร์ชั่นสุดท้ายที่ออกขายน่าจะมีการพัฒนากราฟฟิคขึ้นไปได้อีก
แม้ว่าหลายคนจะมีเสียงโต้แย้งออกมาถึงความสัมพันธ์ของตัวละครชายล้วนในเกม บางคนก็บอกว่ากลายเป็นเกมบอยแบนด์ไปแล้ว (ทำไงได้ ตัวละครแต่ละตัวเฉี่ยวจริง ๆ) อาจเป็นเพราะหลังจาก Cloud และ Squall ทาง Square Enix ได้หันทิศทางดีไซน์ตัวเอกไปอีกแนว ตัดความเท่ห์เก๊กหล่อออกไป เห็นได้จากตัวละครหลักของภาค IX เด็กน้อยลูกลิง, X หนุ่มนักกีฬาผิวแทนกางเกงขาแหว่ง, XII หนุ่มบ้านนาผิวแทนเปิดอก และ XIII หญิงเท่ห์หน้าชา ต่างพบเสียงวิพากย์วิจารย์ความผิดหวังจากแฟน ๆ ของซีรี่ย์นี้อย่างต่อเนื่อง โดยรวมแล้วประทับใจกับเดโมตัวนี้เลยทีเดียว แต่เกมนี้จะสามารถก้าวข้ามเกมสุดยอดตำนาน FFVII ได้หรือไม่นั้น คงต้องจับตารอดูฉบับสมบูรณ์กัน