เกมวางจำหน่ายในออสเตรเลียวันฝนตกพายุเข้าพอดิบพอดี เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา เหมาะแก่การหลบฝนเอ็นจอยกับการเล่นเกมจริง ๆ หลังจากที่ตกเป็นข่าวครึกโครมก่อนเกมออกไม่กี่วัน The Order: 1886 ซึ่งเป็น PS4 Exclusive เกมแอคชั่นพจญภัย จากทีมสร้าง Ready at Dawn ซึ่งเป็นทีมเดียวกันกับเกม God of War โดยตัวเกม The Order ได้ถูกวิจารณ์จากทั้งผู้เล่นและหลาย ๆ สื่อ ถึงความสั้นของเกมตัวนี้
ประเด็นเกิดจากมีคนอัพคลิปการเล่นของเกมตั้งแต่ต้นจนจบในระดับความยากแบบ Normal โดยไม่มีการตัด Cut Scene ใช้เวลาทั้งหมดในการเคลียร์เกมเพียงแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น ทาง CEO ของค่ายเกม Ready at Dawn ได้ออกมาแถลงว่า “เกมดี ๆ ไม่จำเป็นต้องมีชั่วโมงเล่นที่ยาวเสมอไป บางเกมเล่นเป็น 10-20 ชั่วโมงก็ยังเบื่อ” ทางพนักงานและเกมเมอร์บางคนก็ออกมาแย้งว่าความยาวของตัวเกมจริง ๆ แล้วประมาณ 7-10 ชั่วโมง พอ ๆ กับ The Last of Us ที่ได้รับตำแหน่งเกมยอดเยี่ยมแห่งปี 2013
แต่หลายคนก็แย้งว่า.. แม้จะมีหลายเกมที่มีความยาวสั้น แต่เกมเหล่านั้นมีโหมด Multi-player ที่ผู้เล่นสามารถเอนจอยได้ต่อหลังเคลียร์เนื้อเรื่องหลักของเกมไปแล้ว ทำให้ไม่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบจากบริษัทผู้ผลิตเกมจากราคาแผ่นเฉลี่ยที่ $100 The Order ที่เป็นปัญหาให้ได้ถกกันอยู่นี้เป็น Single player ล้วน ๆ แน่นอนว่าประเด็นนี้ทำให้เกมเมอร์หลายคนตัดสินใจที่จะไม่ซื้อเกมในราคาเต็ม และอาจจะซื้อมาเล่นเมื่อราคาตกลงมา
สำหรับ Pre Order ของเกมที่วางจำหน่ายในออสเตรเลียเป็นชุด Collector’s Edition มาในกล่องสีดำ ข้างในมีแผ่นเกม การ์ดตัวละครหลักทั้ง 4 คน โปสการ์ด และสร้อยคอสัญลักษณ์ The Order: 1886 ราคาที่ $129.95 ซึ่งถือว่าราคาสูงไปนิดนึงสำหรับเกมที่ไม่มี Action Figure มาให้ โดยถ้าเป็นเซ็ตขนาดใหญ่จะมีจำหน่ายในบางประเทศ
เนื้อเรื่องโดยย่อ
ย้อนไปยังในยุคสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ เรื่องราวของเกมกล่าวถึงกลุ่มอัศวินโต๊ะกลมที่มีสมาชิกทั้งหมดสี่คนที่รู้จักกันในนามว่า “The Order” ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์อาเธอร์ เรารับบทเป็น Sir Galahad หนึ่งในสมาชิกของ The Order ที่ต้องคอยสืบหาความจริงบางอย่าง และต่อสู้กับผู้ที่คอยมาขัดขวางซึ่งมีทั้งคนและตัวอะไรบางอย่าง..??
ระบบการเล่น
เริ่มเกมเป็นการเล่าเรื่องที่ช้าพอสมควร บางฉากที่นานเกินไปทำให้รู้สึกว่า เฮ้ย ตอนนี้เราต้องบังคับทำอะไรกับจอยรึเปล่า มีระบบคอยบอกว่าให้กดปุ่มอะไรตอนไหน แต่ขึ้นมาถี่เหลือเกิน ด้วยตัวหนังสือที่เล็กมาก (ขนาดทีวีจอ 60 นิ้ว ยังต้องหยีตา) ทำให้จุดโฟกัสของเราไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาของเกม แต่เป็นการพะวงว่าจะอ่านคำอธิบายไม่ทัน และกดปุ่มไม่ทันไป
กราฟฟิคสวย ให้ความละเอียดกับเสื้อผ้าและสิ่งรอบข้างดี ฉาก Cut Scene เยอะและถี่มาก เดินไปประมาณ 50 ก้าว มาอีกละ ผ่านประตูไป มาอีกละ เข้าตึก เข้าซอย เปลี่ยนถนน เจอเพื่อน มาเรื่อย ๆ เข้าใจว่าทางผู้สร้างต้องการให้เราได้อารมณ์เหมือนดูหนังอยู่ Cut Scene ในเกมนี้ยังมีฉากโจ๋งครึ่มแบบเต็มตาทั้งของหญิงและของชายโดยไม่มีการเซนเซอร์ใด ๆ สมกับเรตของเกมที่ตั้งไว้สำหรับผู้เล่น 18+
การบังคับ เป็นการวิ่งที่ลำบากที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา เลยทนเดินช้า ๆ เอาดีกว่า ตอนแรกยังกังวลอยู่ เจอศัตรูแล้วจะทำไงละทีนี้ แต่ก็ยกภูเขาออกจากอกไปได้ เพราะแอคชั่นเมื่อไรวิ่งเร็วทันที เย้..!
มุมกล้อง ไม่เข้าใจว่าคนทำเป็นพวกถนัดขวาหรืออย่างไร ตัวละครค่อนไปทางซ้ายตลอด ความรู้สึกของมุมมองในฉากธรรมดาเหมือนเล่น Bioshock หรือ FPS (First Person Shooting) มากกว่า แต่ที่ชอบคือมุมการสำรวจสิ่งของที่ทำได้มีมิติและแตกต่างจากเกมอื่น
แอคชั่นไทม์! เข้าฉากการต่อสู้ครั้งแรก สำหรับคอเกมแนว Third Person Shooting คงจะจิ๊บ ๆ ผ่านฉลุยได้สบาย ๆ แต่ศัตรูยิงมาทีแดงเร็วหมือนกัน การบังคับเป้าเป็นไปอย่างสวยงาม Head Shot ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย มีอาวุธสลอตอยู่ 4 อัน ปืนเล็ก ปืนใหญ่ ระเบิด สูตรปกติตามหลัก Shooting Game ศัตรูมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือแนวคนทั่วไป ซุ่ม ลอบฆ่า จ่อหัวทีเดียวตาย ปืนลูกซองมีเกราะฆ่ายากหน่อย แบบที่สองคือพวกคนไม่ธรรมดาหรือปีศาจ (เพื่อเป็นการไม่สปอยขออุบไว้ในที่นี้) ซึ่งขอบอกว่า.. วิสัยทัศน์ในการเล่นแย่มาก คือ นอกจากมุมมองโดยปกติจะแคบอยู่แล้ว (โดยเฉพาะด้านซ้าย ไหล่พี่แกบังเต็ม ๆ) ยังอยู่ในที่มืดแบบไร้ตะเกียง (สมัยนั้นยังไม่มีไฟฉาย) แม้จะมีการกลิ้งหลบศัตรู แต่กว่าจะหันหลังกลับมาหาศัตรูยังไม่ทันเจอก็โดนซัดอีกรอบแหล่ว หนทางรอดคือหาฝาแล้วเอาหลังชนนะฮ้าฟ
การเดินเกม เป็นแบบบังคับเลย คือพยายามวิ่งทั่วฉากเผื่อมีไรเล็ก ๆ น้อย ๆ สอดแทรก อย่างมากก็แค่สิ่งของเล็กน้อยที่เก็บติดตัวไม่ได้ จดหมายแบบอ่านไม่ออก รูปภาพใคร คือมึน ๆ ว่าสิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อ? ฉากแต่ละที่จำกัดมาก คือมีประมาณ 1 ซอกทางตัน และอีก 1 ทางไปต่อ เปลี่ยน Chapter เร็วมว๊ากก ถ้าไม่นับว่าตายหลายรอบในที่มืดตอนโดนปีศาจรุมสกัม 1 ชั่วโมงผ่านไป 3 Chapter อย่างเอื่อย ๆ ได้เลย
ในส่วนของเนื้อเรื่อง ตัวละคร และการจัดฉาก The Order: 1886 ทำคอนเซ็ปต์เอาไว้ได้ดีมาก พูดถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อเรื่องแล้วถือว่าค่อนข้างที่จะใหม่และแหวกแนวเทียบกับเกมอื่น ๆ ในเกมประเภทเดียวกัน ที่เน้นออกไปทางผจญภัย อนาคต โลกหลังเกิดเหตุการณ์เลวร้าย ซอมบี้ สงคราม ตัวเอกเองก็มีบุคลิกลักษณะความเก๋าแบบลุง ๆ ที่แตกต่างจากตัวละครหลักในเกมอื่น (ไม่นับ Joel จาก The Last of Us และ Ezio จาก Assassin’s Creed Revelations) แต่ว่าการแสดงอารมณ์ของตัวละครยังไม่สุด
ภาพรวมของเกม
ค่อนข้างผิดหวังพอสมควร เพราะทำ trailer ออกมาได้โดนมาก และให้ความรู้สึกว่าเป็นเกมที่แหวกแนวมีเอกลักษณ์ดี โดยรวม.. กราฟฟิคดี คอนเซ็ปต์ดี แต่ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่เหลือ คิดว่าเกมเมอร์หลายคนคงได้ประสบการณ์ดี ๆ กับเกมอื่น ๆ ที่ออกตลาดมาก่อนหน้านี้แล้ว หากว่าต้องการเล่นแบบสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่คิดอะไรมาก ก็ถือว่าเป็นเกมคุณภาพดีเกมหนึ่ง แน่นอนว่าถ้าเราเอาไปเทียบกับ The Last of Us, Tomb Raider, หรือ Uncharted แล้วล่ะก็ คงจะไม่ได้อารมณ์และอินกับการเล่นได้เท่ากัน อารมณ์ประมาณดูหนังแต่มีส่วนร่วมด้วยอย่างเกม Beyond: Two Souls ให้คะแนนรวม 5.5/10