“ในมุมมองของพี่จอย พี่คิดว่าการเป็นนักข่าว เราต้องมีความเข้าใจในเนื้อข่าว และสื่อข่าวออกมาอย่างเป็นกลางค่ะ”
ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 20 ปี กับช่องข่าวคุณภาพ “เนชั่น” คุณจอย ศุนันทวดี อุทาโย ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจเป็นครั้งแรก เกี่ยวกับมุมมองต่างๆที่ผ่านมาเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวสารทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เก็บนักข่าวรุ่นใหม่
พี่จอยเป็นผู้ประกาศข่าวมากี่ปีแล้วคะ
ประมาณ 20 กว่าปีได้แล้วค่ะ
ก่อนหน้าที่จะเป็นผู้ประกาศข่าว พี่จอยทำอะไรมาก่อนคะ
ช่วงแรก ๆ สมัยพี่ยังรุ่น ๆ อยู่ พี่ก็เริ่มมาจากการทำหนังสือแฟชั่น นิตยสารเปรียว ในส่วนกองบรรณาธิการข่าวสังคม ซึ่งเป็นอะไรที่สนุกและท้าทายเรามากในตอนนั้น และค่อยย้ายมาทำขายโฆษณาเพราะรายได้ก็ค่อนข้างดีกว่า คือช่วงที่เราเป็นเด็กวัยรุ่นนั้นเรามักจะให้ความสำคัญกับตัวเงินมากกว่า มันเป็นช่วงเวลาค้นหาตัวเอง ตอนนั้นมีงานอะไรเข้ามา ใครจะให้ทำอะไร รับหมดทุกงาน เพื่อให้โอกาสตัวเองว่าเราจะเหมาะกับอาชีพอะไรที่สุด จริง ๆ พี่จอยชอบงานทุกงานที่ทำนะ 555
เข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าวได้อย่างไรคะ
ก็ช่วงที่ทำหนังสือ ก็อ่านสปอตโฆษณาบ้าง เสียงเลยไปเข้าหูพี่ ๆ ผู้จัดรายการวิทยุ ทางพี่ ๆ เค้าก็เลยเรียนมาให้ลองจัดดู ก็ปรากฎว่าผ่าน
จำได้ไหมคะ ว่ารายการวิทยยุชื่ออะไร
รู้สึกจะชื่อ 1 ป.ณ FM ค่ะ เป็นการจัดรายการเพลงสากล ซึ่งทำพร้อมๆกับรายการข่าวจราจรบ้าง สวพ. 91
ไปยังไงมายังไงถึงได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์คะ
เอาจริง ๆ เลยนะ จุดเริ่มคงเพราะจากการประกวด ไม่ใช่ประกวดร้องเพลงหรือประกวดนางงามอย่างคนอื่นเค้านะคะ(หัวเราะ) พี่ประกวดสไตล์ ความสามารถพิเศษอะไรประมาณนี้ ของรถยนต์ยี่ีห้อหนึ่ง สมัยนั้นยังไม่มีพริ้ตตี้ เค้าประกวด เน้น บุคคลิกภาพ การพรีเซนต์ ไม่เน้น หน้าตา เข้ารอบแค่ 10 คนสุดท้าย แต่จำแม่นเลยว่า วันนั้น อาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ท่านพูดกับพี่หลังเวทีว่า “คอยดูนะ อนาคตคุณจะได้ทำงานทางด้านนี้เหมือนผม” พี่ยังจำได้อยู่จนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ ก็ถือเป็นแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นมาอยู่บนเส้นทางสายนี้
จากนั้นพี่ก็ได้มาทำงานในเครือเนชั่น คุณสุทธิชัย หยุ่น เห็นแววก็เรียกพี่มาทดสอบ "วิชาข่าว" สอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ดู ปรากฎว่าผ่าน แต่ยังต้องมีการเทรนอีกกับกองบรรณาธิการ ออกทำข่าวภาคสนาม รายงานสด ทำสกู้ป ประมาณเกือบสองปีค่ะ ถึงจะมาอยู่หน้าจอได้อ่านข่าวหลัก ในช่วง 06.00-08.00 น.
คุณสุทธิชัย หยุ่น - คุณศุนันทวดี อุทาโย
อย่าลืมว่าสมัยนั้น รายการสดยังเริ่มกันประมาณ 8 โมง เราโผล่มาเช้าสุด อัพเดททุกสถานการณ์ก่อนช่องอื่น หน้าตาแปลก เสียงเข้ม ปลุกคุณผู้ชมทุก ๆ เช้า ถือว่าเกิดเลยนะ อ่านข่าวในสตูดิโอเสร็จ บ่าย ๆ ก็ออกทำข่าวภาคสนาม
จะรายงานข่าว หรือ รายงานสด หรือเป็น พิธีกร ก็ต้องรู้จักการที่จะแก้ไขรับมือกับทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ดี เกิดอะไรขึ้นก็ต้องรักษาหน้าจอไม่ให้เสียความน่าเชื่อถือ ก็เป็นช่วงชีวิตที่สนุก ตื่นเต้นหลากหลายดีค่ะ
แล้วถ้าเกิดมีการผิดพลาดขึ้นมาในขณะรายงานข่าว พี่จอยมีวิธีรับมือกับเหตุการณ์นั้นอย่างไรบ้างคะ
ถ้าพูดถึงในวิธีของพี่เองนะ ส่วนตัวถ้าพี่พูดผิดพี่จะไม่กล่าวคำว่า ขออภัยค่ะ แต่พี่จะใช้วิธีในการอ่านใหม่อีกครั้ง โดยการเน้นถ้อยคำให้ชัดและถูกต้องมากขึ้น เพราะฉะนั้นทางแก้ของพี่คือ “อ่านใหม่ให้ถูกต้อง”
ในฐานะที่พี่เป็นนักข่าวหรือผู้ประกาศข่าวที่มีประสบการณ์มาค่อนข้างยาวนาน พี่มองว่าผู้ประกาศข่าวสมัยก่อนกับสมัยนี้ ต่างกันอย่างไรบ้างคะ
อืม ในมุมมองของพี่นะคะ พี่คิดว่าผู้ประกาศข่าวควรจะต้องมีความเข้าใจในเนื้อข่าว ว่าเป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับอะไร พูดถึงอะไร ไม่ใช่แค่การออกมาพูดเหมือนรายงานหรือการท่องจำ คือพี่ได้รับการฝึกสอนมาในระบบงานของเครือเนชั่น ซึ่งเรามีกระบวนการที่จะทำให้ทั้งผู้สื่อข่าวหรือผู้ประกาศข่าว สามารถสื่อข่าวสารนั้นๆมาถึงผู้ชมได้อย่างแท้จริง
แต่ในสมัยนี้ช่องข่าวหรือรายการมีเยอะมากกว่าเมื่อก่อนมาก และหลายๆช่องก็เน้นไปที่หน้าตาของผู้รายงานข่าวซึ่งพี่ก็เข้าใจว่า เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญทางการตลาด ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าน่าฟังน่าติดตาม ก็พูดค่อนข้างยากนะคะ เอาเป็นว่า “แล้วแต่ความชอบของผู้ฟังดีกว่าค่ะ” เพราะบางครั้งเราก็ต้องปรับไปตามยุคสมัย การนำเสนอของแต่ละสถานีย่อมมีความแตกต่างกันไป ตามนโยบายของแต่ละช่องนะค่ะ
นอกจากเป็นผู้ประกาศข่าวแล้ว พี่ทำงานด้านไหนอีกหรือเปล่าคะ
พี่จัดรายการข่าวให้ช่องเนชั่น 22 และดูแล Production Supporting for Marketing & Sales ให้ ช่อง Now26 (เครือเนชั่นมีสถานีโทรทัศน์2ช่อง) นอกนั้นพี่ก็ได้รับการติดต่อให้เป็นวิทยากรให้ไปพูดตามสถาบัน และสถานศึกษาต่าง ๆ ซึ่งพี่ภูมิใจมากที่เราได้มีโอกาสนำวิชาความรู้และประสบการณ์ของเรา มาเผยแผ่ให้กับบุคคลอื่นๆได้รับรู้
ทำงานหนักอย่างนี้ แล้วมีเวลาให้กับเรื่องหัวใจไหมคะ
(หัวเราะ) คิดหนักนะ คือพี่เป็นคนที่อยู่ไม่ค่อยนิ่งน่ะคะ ก็เรียกว่าตอนนี้ยังมีความสุขในชีวิตโสดดี แต่พี่ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองนะ แต่เรายังไม่เจอคนที่ใช่ในขณะนี้มั้งคะ อีกอย่างพี่ไม่ได้คิดด้วยว่าจะต้องแต่งงานมีลูกมีครอบครัว แค่ต้องการเพื่อนคู่คิดที่จะอยู่เคียงข้างกับเราได้ในยามแก่เฒ่า คือเป็นคนที่เข้าใจกันเป็นเพื่อนกันปรับทุกข์ สุข ปรึกษาหารือกันได้ อ้อแต่ที่สำคัญต้องฉลาดและเป็นผู้นำพี่ได้ค่ะ (เยอะไปไหมคะ หัวเราะ)
สรุปคือ ว่าง ใช่มั้ยคะ
โสดค่ะโสด (หัวเราะ)
เวลาไปไหนมาไหนคนจำได้บ้างไหมคะ
มีค่ะ ก็จะมีคนมาทัก เรียกพี่ว่า "คุณนักข่าว" บางคนก็เข้ามาถ่ายรูปด้วย ซื้อขนมมาให้ ก็น่ารักดีค่ะ ซี่งพี่ต้องขอบคุณหน้าที่การงานนี้จริงๆที่ทำให้พี่มีโอกาสได้พบเจอเพื่อน ๆ มากขึ้น แต่จริง ๆ แล้วที่พี่ภูมิใจที่สุดในการเป็นผู้ประกาศข่าวหรือนักข่าวแล้วแต่คนจะเรียก ก็คือ “เราได้ช่วยเหลือสังคม ตอบแทนสังคมทางอ้อม ได้มีโอกาสเสนอสิ่งต่าง ๆ ที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้หรือไม่เคยรุ้ ได้มีโอกาสนำเสนอชีวิตของผู้คนในทุกระดับชั้น ซึ่งพี่คิดว่ามันเป็นความทรงจำและประสบการณ์ในชีวิตที่ดี ๆ ค่ะ”
มีข้อแนะนำสำหรับน้อง ๆ ที่อยากจะเป็นผู้ประกาศข่าวอย่างไรบ้างคะ เช่น วิธีการเตรียมตัว ในด้านต่างๆ
เดี๋ยวนี้น้อง ๆ รุ่นใหม่มีโอกาสมากกว่าสมัยพี่นะคะ เพราะสมัยนี้เรามีโรงเรียนและสถาบันต่าง ๆ ที่จะช่วยให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ ถ้าใครสนใจงานด้านนี้ก็สามารถที่จะไปสมัครเรียนลงคอร์สกันได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ขอให้มีใจรักในงานและความตั้งใจค่ะ แล้วเดี๋ยวทุกอย่างก็จะเป็นไปตามวิถีของมันเอง และอย่าลืมหมั่นฝึกฝน และต้องเป็นผู้เดินเข้าหาโอกาสด้วย ไม่ใช่รอให้โอกาสเดินเข้ามาหาเราอย่างเดียว
สุดท้ายพี่จอยมีอะไรจะฝากไปถึงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้องคนไทยในออสเตรเลียไหมคะ
“คนไทย ยังไง คือคนไทย เวลาพี่ไปเมืองนอก แค่ได้ยินเราพูดไทยเท่านั้นแหละ คนไม่เคยรู้จักกันก็เป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันทันที เพราะเราเป็นคนไทยเหมือนกัน ก็อยากให้ รักกัน สามัคคีกันเมือนชุมชนไทยที่บริสเบนนี่แหละค่ะ ทุกคนน่ารักและมีน้ำใจให้กันไม่ทอดทิ้งกัน”
และอย่าลืมติดตามฟังพี่จอยอ่านข่าวในรายการ “ข่าวข้นรับอรุณ ทางช่องเนชั่น 22 เวลา ตีห้าครึ่ง ถึงแปดโมงเช้านะคะ ส่วนพี่จอยเองจะอ่านข่าวในช่วง 05.30-07.30 น. ค่ะ ถ้ามีโอกาสจะไปพบเพื่อน ๆ ที่ออสเตรเลียนะคะ เพราะน้องสาวพี่ก็อยู่ที่บริสเบนค่ะ..
รายการ "ข่าวข้น รับอรุณ" ช่องเนชั่น 22
Twitter: @sununtawadee
IG: @sunantawadee (Sunantawadee Joy Outayo)