มาถึงรัฐ Queensland ทั้งที ถ้าไม่ได้เที่ยวทะเลก็เหมือนมาไม่ถึง
เพราะรัฐนี้ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องทะเลใส ชายฝั่งทะเลที่ขาวสะอาด ปะการังงาม และ Great Barrier Reef หรือแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลกที่เราๆต่างเคยเรียนในวิชาสังคมศึกษา ก็อยู่ในรัฐนี้เช่นกัน
เกริ่นมาซะยาว จริงๆจะบอกว่า แม้เรามีเวลาแค่ 1 วัน เราก็ไปสัมผัสประสบการณ์ทะเลแสนสวยได้ง่าย ๆ ..Moreton Island คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมไม่ไกลจากตัวเมือง Brisbane ซึ่งเหตุที่เราจะตัดสินใจรีดทรัพย์ตัวเอง(ค่าทัวร์)ไปนั้น เพราะว่าเราถูกนำเสนอด้วยภาพทะเลสีฟ้าใส เนินทรายกว้างใหญ่ และกิจกรรมให้อาหารปลาโลมาในยามค่ำคืน สวยงามควรค่าแก่การสัมผัสจริงๆ
ทริปนี้เริ่มต้นจากซื้อ Package Tour 1 day trip จาก Travel Agent แห่งหนึ่งในเมือง ในราคาที่พี่เค้าบอกว่า “คุ้มสุดๆแล้วนะคะคุณน้อง” อืม..แต่ก่อนจะจองนั้น เราควรจะเช็คสภาพอากาศก่อน ว่าวันไหนที่ไปแล้วไม่โดนเท (หมายถึงฝนไม่เทลงมา) ซึ่งช่วงสิ้นปีกำลังเริ่มเข้าหน้าร้อน อากาศช่างแปรปรวนเสียเหลือเกิน แต่ถ้ามั่นใจแล้ว ซื้อทัวร์ได้เลย!!
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนออกเดินทาง แน่นอนคือชุดว่ายน้ำ, น้ำดื่ม และก็ขนมเล็กๆน้อยๆสำหรับกินระหว่างเดินทาง โดยทัวร์มารับเราที่ Brisbane Transit Centre หรืออารมณ์เหมือนหมอชิตบ้านเรานั่นแหละ
เราใช้เวลาเดินทางบนรถประมาณ 45 นาที ก่อนต่อเรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือ MiCat Ferry อีกประมาณ 1 ชม.
หรือสำหรับใครที่ต้องการทัวร์รอบเกาะ การขับรถจากในเมืองข้ามฝาก ก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ (ซึ่งควรจะเป็นรถ 4x4 นะ เพราะว่าเส้นทางเป็นทรายแทบทั้งหมด)
นอกจากสมาชิกทัวร์จากทั่วฟ้าเมืองบริสเบนแล้ว ยังมีชาวออสซี่บางส่วนที่ขับรถมา Picnic, Kayaking หรือแม้แต่มา Camping ค้างคืนโดยเฉพาะ ซึ่งทางเกาะก็ได้จัดเตรียมพื้นที่โดยเฉพาะสำหรับการ Camping ให้เหมือนกัน น่าอิจฉาจริงๆ
เมื่อถึงที่หมายในเวลา 10.30 น. ณ จุด The Wrecks campground ก็มีพี่ไกด์ทัวร์นำทางแบ่งลูกทัวร์ทั้งหมดเป็น 3 กลุ่ม โดยแยกทำกิจกรรมเพื่อง่ายต่อการจัดการ ซึ่งกิจกรรมมีตั้งแต่ Kayaking, Snorkeling และ Sand boarding โดยกลุ่มเราเริ่มจาก Kayaking ก่อน ซึ่งความพิเศษอยู่ตรงที่เรือของเราเป็นแบบใส มองเห็นน้ำทะเลข้างล่าง โดยพี่ไกด์พาเราไปพายบริเวณซากเรือ ซึ่งวันที่เราไปลมแรงมากกกก พายเท่าไหร่ก็ไม่ไป โดนลมลากพัดไปกลางทะเลจนพี่ไกด์ขับเจ็ทสกีไปดึงเรากลับมา ฮ่าๆ
หลังจากที่พาย Kayak (อยู่กับที่) จนปวดแขนแล้ว ก็ถึงเวลา Snorkeling โดยพี่ไกด์คนเดิมตระเตรียมอุปกรณ์ตั้งแต่ตีนกบ, Swimsuite, แว่นตา Snorkel รวมไปถึงถุงมือผ้าหนาๆ?? งงล่ะซิ เดี๋ยวจะมาเฉลยว่าให้เรามาทำไม หลังจากใส่ชุดอุปกรณ์พร้อม พี่ไกด์ก็พาเราไปดูปลาและปะการังบริเวณรอบซากเรือ ซึ่งพอเราว่ายใกล้ๆแล้ว จะพบว่ารอบเรือเต็มไปด้วยสนิมเหล็กและโครงสร้างบางจุดที่แหลมคม อาจจะเป็นอันตรายต่อนักว่าย ดังนั้นถุงมือจะช่วยลดการบาดเจ็บในกรณีที่เราต้องการจับหรือดันตัวเองออกจากซากเรือ แค่นั้นยังไม่พอ ระหว่างที่ดำมุดๆอยู่ พี่ไกด์ก็เอาขนมปังให้เราเอามาให้อาหารปลา อย่าคิดว่าปลาจะกินแบบสวยๆน่ารักๆ พอจุ่มลงไปในน้ำเท่านั้นแหละ ปลาจากทั่วสารทิศมารุมทึ้งขนมปังในมือ แม้ว่าขนมปังจะหมดแล้ว มันก็ยังมากัดถุงมืออีกเอ้อ!!
จบไป 2 กิจกรรมอย่างรวดเร็ว ก็ได้เวลามื้อเที่ยง ทัวร์ได้จัดเตรียมอาหารง่ายๆและอิ่มท้องให้ลูกทัวร์บริการตัวเองอย่างทาโก้และขนมขบเคี้ยวเล็กๆน้อยๆ
หลังจากที่อิ่มหนำแล้ว ก็ได้เวลาทำกิจกรรมต่อไป นั่นคือ Sand boarding คือการสไลด์ตัวจากเนินทราย (Sand Dune) ลงมาด้านล่างเท่ๆคูลๆ ซึ่งการไป Sand Dune นั้นต้องนั่งรถบัสจากริมหาดเข้าไปในตัวเกาะ ซึ่งเส้นทางเรียกได้ว่า สามารถเปลี่ยนจากรถบัสเป็นรถบั๊มได้เลย โยกไปโยกมาตลอดทาง
พอถึงที่หมาย ก็ได้พบกับทะเลทรายกว้างขวาง และเนินทรายใหญ่อยู่ไกลลิบๆ ก่อนที่จะทำกิจกรรมพี่ไกด์ก็ไม่ลืมที่จะสอนวิธีการเล่น Sand boarding อย่างถูกวิธี โดยเริ่มจากการทาแว็กซ์บนหน้าแผ่นสไลด์ซึ่งก็คือแผ่นไม้บางๆ ก่อนที่จะนอนคว่ำลงไปบนแผ่นสไลด์และอย่าลืมยกศอก เพื่อไม่ให้ตัวไปเกาะกับทรายตอนสไลด์ ไม่งั้นเราจะหยุดอยู่กับที่ หรือไม่ก็กลิ่นหลุนๆ ลงไปแทนแผ่นสไลด์นั่นเอง
ระหว่างทางที่ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย
พอจบกิจกรรม Sand boarding ตอนบ่ายแก่ๆ ก็ได้เวลาเตรียมตัวกลับ เรายังพอมีเวลาเหลือประมาณชั่วโมงกว่าๆ เลยเล่นน้ำทะเล ถ่ายรูปบรรยากาศและเพื่อนสาว ซึ่งเราจะได้พบกับปลาดาวจำนวนนึงเกยตื้นอยู่ริมหาด สร้างความตื่นตเต้นให้เรามาก เพราะไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าฮ่าๆ
จบทริปหนึ่งวันสำหรับ Moretone Island ถือว่าทริปที่น่าสนใจอีกทริป สำหรับใครที่อยากเที่ยวทะเลและทำกิจกรรมสนุกๆ สิ่งที่ประทับใจนอกจากการได้สัมผัสความสวยงามแล้ว คือระบบการจัดการทัวร์ที่ดีมาก พี่ไกด์ที่จับตาดูเราตลอดและไม่ปล่อยให้ออกนอกเส้นทาง และอุปกรณ์ที่มีเพียงพอสำหรับลูกทัวร์ทุกคน ซึ่งสะดวกสบายและทำให้เราอุ่นใจไปได้เยอะเลย
อย่าลืมติดตามทริป “1 วันไปไหน” ตอนต่อไป ส่วนจะไปที่ไหนนั้น รออ่านได้เลยจ้า...