กินเที่ยวกันแต่ในตัวเมืองบริสเบนมาตั้งนาน คงมีบ้างแหละที่อยากจะออกไปผจญภัยนอกตัวเมือง เปลี่ยนบรรยากาศ ไปรับประสบการณ์ใหม่ ๆ สุดพิเศษ ที่แตกต่างจากในตัวเมือง อย่ารอช้า วันนี้เราจะเพื่อน ๆ ไปเที่ยวในแต่ละภูมิภาค (Region) รอบตัวเมืองบริสเบนกัน มาดูกันว่าแต่ละเมือง มีของดีอะไรให้เราได้สัมผัสกันบ้าง
ที่มาภาพ : visitbrisbane.com.au
IPSWICH : สัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้
ที่มาภาพ : assets.nationbuilder.com
ด้วยระยะทางไม่ไกลมาก ขับรถเพียง 30 นาทีจากบริสเบน ทำให้เมืองนี้ เป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบเช้าไปเย็นกลับได้ อีกทั้งเมืองนี้ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรม และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่จะพาเราได้ย้อนเวลาไปในอดีต รวมไปถึงอาคารโบราณที่ถูกรักษา ไม่ว่าจะเป็น Workshops Rail Museum พิพิทธภัณฑ์รถไฟโบราณ ที่จัดแสดงรถไฟเคยใช้วิ่งในอดีต สามารถถ่ายรูปคู่กับรถไฟดีไซน์คลาสสิค หรือจะพาเด็ก ๆ มาเรียนรู้ความเป็นมาของการรถไฟใน Queensland รวมถึงได้ทดลองนั่งในห้องคนขับจริงด้วย อีกหนึ่งสถานที่สุดคลาสสิคนั่นก็คือ Ipswich Antique Centre แหล่งรวบรวมสินค้าเครื่องใช้ในสไตล์วินเทจ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์จากอังกฤษ, เครื่องปั้นดินเผาสไตล์ออสเตรเลีย รวมไปถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับย้อนยุค และอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ชื่นชอบความสวยงามแบบคลาสสิค เหมือนได้ย้อนยุคไปเกือบร้อยปี
ที่มาภาพ : discoveripswich.com.au
หากใครที่ชื่นชอบธรรมชาติล่ะก็ เมืองนี้ก็มีอุทยานแห่งชาติที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น White Rock - Spring Mountain Conservation Estate ที่สามารถเจอหน้าผาหินสีขาวได้ นอกจากจะมีเส้นทางเดินป่าแล้ว ยังมีเส้นทางจักรยานเสือภูเขา ภายในระยะทาง 19 กิโลเมตร ใครที่มากันเป็นครอบครัวล่ะก็ พาเจ้าตัวน้อยไปที่ Denmark Hill Conservation Reserve เส้นทางธรรมชาติในตัวเมือง Ipswich ที่มีทางเดินระยะสั้น เดินง่าย สะดวก ปลอดภัย แถมยังมองเห็นวิวเมืองได้อีกด้วย ความพิเศษของสวนแห่งนี้ คือในอดีตเคยเป็นถ้ำขุดเจาะถ่านหิน ทำให้ระหว่างทางที่เดินสามารถพบเห็นร่องรอยการก่อสร้างในอดีตได้อีกด้วย
LOCKYER VALLEY : สัมผัสธรรมชาติที่โอบล้อมที่ทุกย่างก้าว
ที่มาภาพ : southernqueenslandcountry.com.au
อีกจุดหมายของการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ จะเที่ยววันเดียวก็ได้ ค้างคืนก็ดี เพราะที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่และกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติ อย่างที่ Awassi Cheesery ฟาร์มผลิตชีสที่ผลิตจากน้ำนมแพะ ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอะโวคาโด ภายในฟาร์มเองมีผลผลิตมากมายให้ลองลิ้ม ไม่ว่าจะเป็นชีสนมแพะหลายรูปแบบ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากนมแพะและผลอะโวคาโด ทั้งบริโภคและอุปโภค หรือจะลองเปิดประสบการณ์ การออกไปขี่ม้ากับผู้เชี่ยวชาญที่ Fordsdale Horseback Adventures เป็นกิจกรรมทั้งแบบ 1-2 ชั่วโมง หรือจะแบบเต็มวัน ในพื้นที่ธรรมชาติกว่า 1,000 เอเคอร์ เหมาะสำหรับมือใหม่อยากลองขี่ม้า หากติดใจต่อล่ะก็ ที่นี่เองยังมีแพคเกจพร้อมที่พักจำนวน 1 คืน ตื่นมาขี่ม้า พร้อมกับพระอาทิตย์ยามเช้าได้เลย
ที่มาภาพ : queensland.com
รู้หรือไม่...ในอดีต เมือง Lockyer Valley คือที่ตั้งของชุมชนผู้อพยพชาวเยอรมัน แม้ว่าในปัจจุบันไม่หลงเหลือร่องรอยให้พบเห็นแล้ว แต่นักท่องเที่ยวเองสามารถสัมผัสกลิ่นอายไตล์เยอรมันได้ตั้งแต่ German Bake and Wurst House ร้านเบเกอรี่สไตล์โฮมเมด ด้วยรสชาติขนมที่มีสูตรจากครอบครัวชาวเยอรมันที่มีรสชาติหวานน้อยอันเป็นเอกลักษณ์ หรือจะ Das Neumann Haus บ้านที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1893 ปัจจุบันบุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในบ้านฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
CITY OF LOGAN : เมืองที่รวมกิจกรรมสุดสนุก ครบวงจร
ที่มาภาพ : hotwaterbrisbane.com.au
ใครที่เคยเดินทางไป Gold Coast ด้วยรถยนต์ คงต้องมีโอกาสได้ขับรถผ่านเมืองนี้บ้างแหละ โอกาสนี้แหละเราจะได้จอดแวะเมืองนี้กัน เริ่มต้นที่ Chung Tian Temple หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็น International Buddhist Association of QLD ก่อตั้งมาร่วม 30 ปี วัดแห่งนี้ต้อนรับทุกคนที่ต้องการทำบุญ นั่งสมาธิท่ามกลางความสงบ ภายในสถาปัตยกรรมทางศาสนา สถานที่อีกแห่งหนึ่ง ที่ยอดฮิตไม่แพ้กันเลย นั่นก็คือ Daisy Hill Koala Centre ศูนย์อนุรักษ์โคอาล่า ที่เราจะได้พบกับเจ้าโคอาล่า เกาะอยู่บนต้นไม้ท่ามกลางธรรมชาติอันสมบูรณ์ นอกจากจะได้เห็นอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังได้เรียนรู้วงจรชีวิต และความสำคัญของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ภายในศูนย์แห่งนี้ได้อีกด้วย ที่สำคัญ เข้าชมฟรีอีกต่างหาก
ที่มาภาพ : hellobrisbane.com.au
เรียกว่าเมืองนี้เป็นเมืองแห่งกิจกรรมรองลงมาจาก Gold Coast เลยก็คงจะไม่ผิด เพราะมีความสนุกให้เราได้ออกไปท้าทาย ไม่ว่าจะเป็น สนามแข่งขนาดใหญ่ สำหรับรถ Go Kart ที่ Kingston Park Raceway พากลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว มาท้าทายความเร็ว ที่สนุกและปลอดภัยไปในตัว หรือจะกิจกรรมทางน้ำก็ลองเล่น Wakeboard ได้ที่ Bayside Aqua Park หรือจะที่ Darlington Parklands สวนน้ำสำหรับครอบครัว เด็กเล่นได้ผู้ใหญ่เล่นดี เป็นเมืองที่สามารถหาความสนุกและความสงบได้ในเมืองเดียว
MORETON BAY REGION : จุดหมายของการพักผ่อนแบบโรแมนติก
ที่มาภาพ : billsboathire.com.au
อีกภูมิภาคที่มีแหล่งให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ ทั้งแบบป่าเขาและลงทะเลได้ในแห่งเดียว จุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่นี่ คงหนีไม่พ้น Bribie Island เกาะเล็ก ๆ ที่ไม่ไกลตัวเมือง เป็นเกาะเดียวที่สามารถขับรถจากตัวเมือง เดินทางสะดวกสบาย ข้ามสะพานไปยังเกาะได้แบบไม่ต้องพึ่งเรือ เพียบพร้อมไปด้วยกิจกรรมบนเกาะมากมาย เช่น การ Camping, เล่น Surf อีกอย่างที่น่าสนใจสำหรับใครที่มากับเพื่อน ๆ นั่นคือการเช่าเรือขนาดเล็ก ซึ่งบนเรือสามารถทำ BBQ หรือ Barbie ได้ ครึกครื้นและอิ่มท้องไปในเวลาเดียวกันเลย หรือใครที่พาหวานใจมา อยากจะโรแมนติกล่ะก็ บริการเช่าเรือ Gondola สุดหรูหรา บนเกาะ Bribie Island ก็มีเช่นเดียวกัน
ที่มาภาพ : sandstonepointholidayresort.com.au
เปลี่ยนอารมณ์ของการพักผ่อน มาลิ้มรสชาติอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษส่งตรงจากทะเล อย่างที่ Ocean View Estates ร้านอาหารท่ามกลางไร่องุ่น เอนจอยไปกับเมนูสุดอร่อย เลือกทานคู่กับไวน์ท้องถิ่น หรือจะไปให้สุดกับร้านอาหารที่มีรางวัลการันตี อย่าง The Golden OX บริเวณ Redcliffe โดดเด่นด้วยเมนู Seafood ที่แค่เห็นรูปก็น้ำลายไหล หรือถ้าอยากหาร้านนั่งสบาย ๆ ไม่ต้องหรูหรา แต่เน้นบรรยากาศล่ะก็ ต้องที่ Sandstone Point Hotel ห้องอาหารสไตล์ Outdoor กับวิวเกาะ Bribie ที่อยู่ตรงข้าม พิเศษโดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่จะมีดนตรีสดกลางแจ้ง ที่เราสามารถนั่งทานเบียร์คู่กับหอยนางรม ซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตของร้าน นั่งชิล ๆ รับลมทะเลแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว
MORETON ISLAND : สนุกกับกิจกรรมบนเกาะมากมาย เดินทางง่ายจากตัวเมือง
ที่มาภาพ : swantours.com.au
ที่มาภาพ : cruisemapper.com
หากนึกถึงเกาะที่สามารถเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หนึ่งในใจคงต้องมี Moreton Island อย่างแน่นอน เพียงแค่เดินทางไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถไปสัมผัสน้ำทะเลและฟ้าใสที่โอบล้อมเรา อีกทั้งบนเกาะเองก็มีกิจกรรมให้เราได้ออกไปสนุกกันตั้งแต่เช้ายันมืดเลย จะไปค้างสักหนึ่งคืนก็ได้เหมือนกัน
ที่มาภาพ : tangalooma.com
Moreton Island เกาะทรายที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สามของโลก ด้วยลักษณะของเกาะแบบนี้ ทำให้มีเนินทราย (Dune) เป็นจำนวนมาก กิจกรรมที่ใครมาต้องลอง นั่นก็คือการไถลจากด้านบนเนินทรายลงมาด้านล่างด้วยแผ่นกระดาน ทั้งเร็วและสนุกอย่าบอกใคร มาเกาะทั้งที กิจกรรมที่หนีไม่พ้นต่อมา นั่นก็คือการ Snorkeling ว่ายน้ำตื้น ดูความสวยงามใต้ท้องทะเล โดยความพิเศษของเกาะแห่งนี้ คือการว่ายน้ำรอบซากเรืออับปางกลางทะเล ซึ่งเรือเดินสมุทรเหล่านี้ ถูกทิ้งตัวจมลงมาตั้งแต่ปี 1963 เวลาผ่านไปยาวนาน ระบบนิเวศใต้ท้องทะเลก็บังเอิญ เราสามารถพบเห็นความสวยงามและสิ่งมีชีวิต รายล้อมซากเรือที่มีสนิมเกาะ ไม่ว่าจะเป็นหมู่ปลาที่มาหาอาหาร, ปะการังกลุ่มใหม่ที่เกาะขอบเหล็ก แต่ถ้าโชคดีหน่อย มีโอกาสเจอพี่เต่าด้วยนะ
ที่มาภาพ : tangalooma.com
หรือใครที่มีโอกาสค้างคืนล่ะก็ กิจกรรมยามกลางคืนไม่ใช่เที่ยวผับบาร์ หรือแสงสี แต่คือการให้อาหารปลาโลมาที่ริมหาด ที่ต่างแวะเวียนมาบริเวณน้ำตื้นโดยเฉพาะ กิจกรรมนี้สำหรับลูกค้าที่เข้าพักที่ Tangalooma Island Resort เท่านั้น หรือใครที่ถนัดการขับรถ 4WD มาล่ะก็ สนุกบนเกาะได้มากขึ้นกับการขับรถ ตระเวนไปยังจุดสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Cape Moreton Lighthouse ประภาคารแห่งแรกที่ตั้งขึ้นในรัฐ Queensland อีกทั้งบริเวณนั้น ยังเป็นจุดชมวิวปลาวาฬ, โลมา ในมุมสูงอีกด้วย ระหว่างทางบนเกาะเอง เราสามารถพบเห็นซากโครงสร้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบังเกอร์, จุดหลบภัย เพราะว่าในอดีตเกาะแห่งนี้เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ เพื่อป้องกันการโจมตีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง ไปเล่นน้ำกันต่อที่ Champagne Pools เป็นเหมือนสระขนาดย่อม (หรือหลุม) ที่เกิดจากน้ำทะเลที่ซัดเข้ามา หรือจะเดินไปถ่ายรูปหาดมุมสูงที่ Honeymoon Bay ก็สวยดีเหมือนกัน
ยังมีอีก 4 ภูมิภาค ให้ได้มาค้นหาความสนุกกันต่อ ไม่ว่าจะเป็น NORTH STRADBROKE ISLAND, REDLANDS COAST, SCENIC RIM และ SOMERSET ที่บางคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่รู้หรือไม่ ว่าแต่ละภูมิภาค มีความสวยงามซ่อนอยู่อีกมากมาย แล้วหน้าตาจะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามต่อได้ในบทความต่อไปเลย