เข้าสู่กลางปี ประเทศไทยเองก็คงเป็นช่วง Low Season แต่ในออสเตรเลียกำลังจะเข้าสู่หน้าหนาวอย่างเป็นทางการ เป็นเวลาดีที่จะชักชวนเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาท่องเที่ยว แวะเวียนกันมาหาที่ออสเตรเลียแบบไม่มีเหงื่อตก อีกทั้งฤดูหนาวที่นี่เองก็มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่สวยไม่แพ้ฝั่งยุโรปเลย เมื่อได้วันที่จะเดินทางแล้ว สิ่งต่อไปที่จำเป็นต้องทำ คือการขอวีซ่าท่องเที่ยว
บทความนี้จะมาอธิบายในแต่ละขั้นตอนของการขอวีซ่าท่องเที่ยว/เยี่ยมเยียน (ประเภท 600) หรือชื่ออภาษาอังกฤษ Visitor Visa (Subclass 600) เป็นวีซ่ายอดนิยมสำหรับการมาท่องเที่ยว หรือเยี่ยมญาติพี่น้องและเพื่อน รวมถึงเข้าทำกิจกรรมในช่วงเวลาสั้น หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่น การศึกษาในช่วงระหว่างปิดภาคเรียนระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือนในประเทศออสเตรเลีย ในปี 2024 เอง การดำเนินการก็ไม่ได้ยากแต่ก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียว เพราะต้องทำบนหน้าเว็บไซต์ออนไลน์ และไปยืนยันตัวตนด้วยตัวเอง ซึ่งต้องมีการเตรียมตัว เตรียมเวลา และเตรียมงบประมาณพอสมควรสำหรับวีซ่านี้ โดยจะมาอธิบายง่าย ๆ ทั้งหมดมี 4 ขั้นตอน ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ไม่ต้องง้อใคร
ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมเอกสาร
การแนบเอกสารที่ครบถ้วนและเพียงพอให้กับเจ้าหน้าที่ เป็นการแสดงออกว่าเรามีความพร้อมในการท่องเที่ยว รวมถึงสร้างเชื่อมั่นให้กับผู้อนุมัติ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร ในการทยอยเตรียม แต่ถ้าทำครั้งเดียว ขอบอกเลยว่าสามารถนำไปใช้ได้ยาว ๆ รวมถึงไปขอวีซ่าประเทศอื่นได้อีกด้วย
ข้อมูลที่จำเป็นประกอบไปด้วยสอง 3 ส่วนหลัก ทำ Check List ตามนี้ได้เลย
ส่วนแรก : ข้อมูลส่วนบุคคล
1) พาสปอร์ตเล่มปัจจุบันและเล่มที่หมดอายุ : แสกนหน้าแรกและหน้าที่แสดงประวัติการเดินทางไปในต่างประเทศ
**หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน ต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือน และต้องครอบคลุมถึงระยะเวลาที่ท่องเที่ยวในออสเตรเลียด้วย
2) รูปถ่ายหน้าตรงปัจจุบัน (ขนาด 45 mm x 35 mm) ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนที่ผ่านมา ภาพควรเห็นบริเวณส่วนศรีษะและไหล บนพื้นสีเรียบ และเขียนชื่อผู้สมัครไว้ด้านหลังรูป
3) ทะเบียนบ้าน: แสกนเล่มปัจจุบันหน้าที่มีข้อมูลและแบบแปลภาษาอังกฤษ พร้อมลายเซ็นตัวเอง
4) บัตรประชาชน : แสกนบัตรหน้า-หลังและแบบแปลภาษาอังกฤษ พร้อมลายเซ็นตัวเอง
5) ใบขับขี่ (กรณีมีการเดินทางเช่ารถ) : แสกนบัตรหน้า-หลังและแบบแปลภาษาอังกฤษ พร้อมลายเซ็นตัวเอง
ส่วนสอง : หลักฐานการเงินและการทำงาน
1) เอกสารใบรับรองการทำงานภาษาอังกฤษ หรือ หลักฐานการเป็นเจ้าของธุรกิจ เช่น หลักฐานการจดทะเบียนบริษัท
2) รายการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน : ขอกับทางธนาคารโดยตรง ภาษาอังกฤษ ค่าเงินไทยบาทได้
3) สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน
ส่วนสาม : แผนการท่องเที่ยว
1) แพลนการท่องเที่ยวในทริป : ทำเป็นตาราง Excel แบ่งหัวข้อ วันที่-กิจกรรม-สถานที่และเมืองที่ไป
2) หลักฐานการจองที่พัก : เลือกแบบยกเลิกการจองได้ฟรีก็ได้
3) หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน : ส่วนตัวจะซื้อไปเลย เพราะตั๋วราคาถูกหาได้ไม่บ่อย ค่อยมาลุ้นเอาว่าวีซ่าจะผ่านมั้ย
4) หลักฐานการจองอื่น ๆ : เช่น หลักฐานการจองเช่ารถ, ตั๋วจองคอนเสิร์ตที่ต้องการจะไป
ขั้นตอนที่ 2 : กรอกข้อมูลออนไลน์
เมื่อเตรียมไฟล์เอกสารพร้อมทั้งหมดแล้ว ต่อไปคือการเข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ ImmiAccount https://online.immi.gov.au ก่อนอื่นเลย ทุกคนต้องเริ่มต้นสร้างบัญชีผู้ใช้งาน (Create an ImmiAccount) ให้เรียบร้อย เพราะเราสามารถกลับมากรอกได้เรื่อย ๆ ผ่านการ Log in เข้าใช้งาน
พอเข้ามาถึงหน้าแรก ใส่ข้อมูลส่วนบุคคลของเราให้เรียบร้อย ต่อไปนี้จะอธิบายในบางส่วนของคำถาม ที่อาจเกิดข้อสงสัยในบางหัวข้อท่านั้น
- เริ่มต้นกรอกข้อมูล ด้วยการเลือก “New application” ต่อมาเลือก “Visitor” และ “Visitor Visa 600” คือประเภทวีซ่าที่เรากำลังขอ
- Purpose of Stay : วัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยว เลือก “Tourist stream (tourism/visit family or friends)” ส่วนคำถาม “List all reasons for visiting Australia” สามารถเลือกได้มากกว่าหนึ่งหัวข้อโดยกดที่ + สีเขียว และอย่าลืมที่จะกรอกแผนการท่องเที่ยวเที่ยวพร้อมวันคร่าว ๆ ในช่องว่างด้านล่าง ซึ่งนี่เป็นเพียงช่องเดียวที่เราสามารถอธิบายวัตถุประสงค์การเดินทางได้มากที่สุด หลังจากนี้จะไม่มีช่องให้กรอกแล้ว
- Relationship status : หัวข้อนี้มีให้เลือกมากกว่าแค่ Single/ Married จะมาอธิบายความแตกต่างของแต่ละอย่างกัน
- De Facto : ขณะนี้อาศัยอยู่ร่วมกับคู่รักของคุณ (ตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน) โดยไม่ได้แต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- Divorced : หย่าร้างตามกฎหมาย และมีเอกสาร
- Engaged : คุณเป็นคู่หมั้นที่กำลังจะเข้าสู่การแต่งงานตามกฎหมาย
- Married : คุณและคู่ครอง ได้เข้าสู่การแต่งงานซึ่งเป็นที่ยอมรับและจัดทำเป็นเอกสารตามกฎหมาย
- Never married : ไม่เคยเข้าสู่การแต่งงานตามกฎหมายหรือมีความสัมพันธ์โดยพฤตินัย (**คนโสด ไม่มีแฟนอยู่ เลือกตรงนี้)
- Separated : คุณและคนรักไม่ได้อยู่ด้วยกันในสถานการณ์สมรสหรือในความสัมพันธ์อย่างแท้จริงแต่ไม่ดำเนินการหย่า เพื่อยุติการสมรส
- Widowed : หม้าย (คนรักเสียชีวิต แต่ยังคงมีเอกสารการจดทะเบียนฯอยู่)
- Non-accompanying members of the family unit: กรอกข้อมูลสมาชิกในครอบครัว (อยู่บ้านเดียวกัน/ ญาติที่ใกล้ชิด) ที่ไม่ได้เดินทางในทริปนี้ด้วยกัน สำหรับเราใส่แค่ชื่อคุณพ่อคุณแม่ ไปแค่สองคน
- Entry to Australia : อีกช่องที่ต้องระบุวันเดินทางของทริปออสเตรเลียที่กำลังจะไป และหากมีแพลนจะเดินทางในครั้งต่อไปอีก สามารถกรอกรายละเอียดในช่องนี้ได้ว่าต้องการไปที่ไหน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ในการพิจารณา
- Visa History : ใส่ประวัติการขอวีซ่าท่องเที่ยวของประเทศที่เคยไปในช่องนี้ได้ เช่น วีซ่าเชงเก้นยุโรป, วีซ่าท่องเที่ยวประเทศจีน, วีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา ฯลฯ
- เมื่อตรวจทานข้อมูลที่กรอกไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแนบไฟล์เอกสารที่แสกนเก็บไว้ นำมาใส่ตามหัวข้อต่อไปนี้ได้เลย
ขั้นตอนที่ 3 : เก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล Biometric Collection
เมื่อยื่นข้อมูลผ่านออนไลน์เสร็จเรียบร้อย และจ่ายเงินค่าธรรมเนียมครบถ้วน จำนวน 192.66 AUD ตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 4,600+ THB ก็ถึงเวลาไปบันทึกลายนิ้วมือและถ่ายรูปหน้าตรงที่ศูนย์ VFS เราจะใช้ชื่อว่า การทำ Biometrics ซึ่งก่อนอื่นต้องมีการทำนัดหมายผ่านหน้าเว็บฯเข้าไป ขั้นตอนมีดังต่อไปนี้
- เข้าไปยังเว็บไซต์https://visa.vfsglobal.com/tha/th/aus เลือก “จองการนัดหมาย” และกด “จองเดี๋ยวนี้” ในหน้าถัดไป
- ระบบจะเปิดหน้าต่างใหม่ เพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้งาน หากมีแล้ว ลงชื่อเข้าใช้ให้เรียบร้อย หน้าต่อไปกดไปที่ “เริ่มการจองใหม่”
- รายละเอียดการสมัคร : ต่อไปจะเป็นการเลือกสถานที่เก็บข้อมูล มีสาขา VFS ทั้งหมด 3 แห่ง ส่วนตัวเลือกศูนย์ VFS กรุงเทพฯ ส่วนอีก 2 หัวข้อที่เหลือเลือก “Biometric Collection”
- รายละเอียดของคุณ : หน้าต่อไปจะเป็นการใส่รายละเอียดผู้สมัคร หัวข้อแรกนำรหัสใต้บาร์โค้ดที่ขึ้นต้นด้วย AUT-TH-... ที่ปรากฎบนเอกสารในอีเมล์ มาใส่ในช่องนี้ ต่อไปเป็นการใส่ข้อมูลส่วนตัว และหมายเลขพาสปอร์ตพร้อมวันหมดอายุ
- นัดหมายหนังสือ : ดำเนินการต่อ เพื่อเลือกวันและเวลานัดหมาย โปรดสังเกตวันและเวลาให้ดี พยายามวันที่เลือกในหัวข้อ “ฟรี” เพื่อจะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มจากเดิม เพราะหากเลือกในวันและเวลาที่ขึ้นว่า “ไพร์มไทม์“ ต้องจ่ายเพิ่มอีก 2,100 บาท (ยังไม่ร่วมค่าธรรมเนียมเริ่มต้นของ VFS อีก 433 บาทที่ต้องจ่ายในวันที่เข้าไปรับบริการทุกคน)
- เมื่อทำการจองวันและเวลาที่แน่นอนแล้ว จะได้รับอีเมล์จากทาง VFS เป็นเอกสารยืนยัน
- เมื่อถึงวันดำเนินการ ควรไปก่อนเวลานัดหมาย 15 นาที เอกสารที่จำเป็นต้องยื่นมี 4 อย่าง
- พาสปอร์ตตัวจริง เล่มปัจจุบัน
- เอกสารการจองของ VFS ที่มีบาร์โค้ดมุมขวา (ได้รับทางอีเมล์หลังจากการจองวันและเวลา)
- เอกสารจากสถานฑูตออสเตรเลียที่มีบาร์โค้ดมุมขวา (ได้รับทางอีเมล์)
- เงินค่าธรรมเนียม 433 บาท (ไม่รับโอน ดังนั้นเตรียมมาให้พอดีนะ)
- สำหรับศูนย์ VFS สำหรับประเทศออสเตรเลียในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ชั้น 28 ตึก Trendy ซอยสุขุมวิท 13 เดินจากปากซอยเข้าไปประมาณ 50 เมตร สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า
ขั้นตอนที่ 4 : รอผลทางอีเมล์
หลังจากทำการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ Biometric Collection ที่ VFS เรียบร้อย ใช้เวลาไม่นานประมาณ 10-15 นาที (คิวไม่เยอะมาก) ทางศูนย์จะไม่ได้นำเล่มพาสปอร์ตเราไป เราเก็บไว้กับตัว ที่เหลือเพียงรอผลวีซ่าผ่านทางอีเมล์ ซึ่งมากถึง 90% ใช้เวลาในการประเมินและอนุมัติอยู่ที่ประมาณ 24 วัน อย่างไรก็ดี เตรียมตัวยื่นวีซ่าก่อนเดือนทางอย่างน้อย 2 เดือนกำลังพอดี ส่วนตัวเราได้รับอนุมัติวีซ่าหลังจากไปเก็บ Biometrics เพียง 2 วัน ถือว่าเร็วมากเลย
รูปแบบของวีซ่าที่ได้รับ จะเป็นแบบดิจิตอลไม่มีการแปะสติ๊กเกอร์เหมือนวีซ่าเชงเก้นหรือวีซ่าอเมริกา เมื่อผลวีซ่าผ่านแล้ว สามารถเดินทางตามวันที่ที่ระบุไว้ในเอกสารได้เลย (แต่อย่างน้อยควรปริ้นท์เอกสารหลักฐานอนุมัติวีซ่าที่ได้รับทางอีเมล์ ติดตัวไว้ก่อนเดินทางไปก็ดีนะ)
อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดการขอวีซ่า สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลทั้งหมดได้ที่นี่เลย
ขอให้เพื่อน ๆ เที่ยวออสเตรเลียให้สนุกและปลอดภัยค่ะ :-)
อ้างอิงข้อมูล
https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/getting-a-visa/visa-processing-times/global-visa-processing-times
https://thailand.embassy.gov.au/files/bkok/THAI%20-%20Visitor%20Visa%20-%20Tourist%20Stream%20-%20Subclass%20600%20-%20Application%20Checklist%20-%20NEW.pdf