นอกจากเรื่อง หนีใครมา หรือ อกหัก แล้ว ถ้าจะเอาคำตอบแบบซีเรียสนิดนึงว่าทำไมถึงอยากย้ายมาอยู่เมืองนอก แน่นอนว่าหลายคนต้องบอกว่าอยากหาที่อยู่ใหม่เพื่อตั้งรกรากและสร้างครอบครัวของตนเองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่บทความนี้เราจะมาเจาะลึกกว่านั้น ในประเด็นที่ว่าทำไมคนถึงเลือกที่จะเป็นเมือง “บริสเบน” แทนที่จะเป็นเมืองอื่น นั่นสิ ทำไมกัน?? ลองมาฟังเสียงบางส่วนของคนส่วนใหญ่ในบริสเบนกัน..
1. เมืองที่โตไปพร้อมกับเรา
คนส่วนใหญ่เลือกบริสเบนเพราะว่าเป็นเมืองที่กำลังโต มีเวลาให้ในการปรับตัวเองเข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังดูแล้วน่าคล้อยตาม ลองคิดดูว่าถ้าเราย้ายไปยังเมืองที่โตเต็มที่แล้วอย่างซิดนีย์หรือเมลเบิร์น โดยมีค่าที่พักอาศัยและจำนวนประชากรสูง และตามมาด้วยการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่สูงตาม เป็นการยากมากที่เราจะต้องไปเริ่มต้นในเมืองที่ตั้งแต่วันแรกของการก้าวเข้าไปใช้ชีวิต เราแทบจะหยุดช้าไม่ได้เลย ด้วยวิถีชีวิตที่บีบให้เราต้องเร่งตาม เมืองที่ทุกอย่างดูเร็วไปหมดด้วยการแข่งขันจากค่าครองชีพที่สูง
ดังนั้นการมองหาเมืองที่จะโตไปพร้อมกับเรา มีเวลาให้เราได้หยุดมองสูดอากาศดี ๆ ปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตใหม่ เรียนรู้วัฒนธรรมสิ่งรอบข้าง รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ ไม่ต้องเร่งรีบในการใช้ชีวิตจนเกินไป หากจะบอกว่าบริสเบนเป็นเมืองสโลว์ไลฟ์ก็ว่าได้ และเมื่อเมืองโตขึ้นไปข้างหน้าเราน่าจะปรับตัวเข้ากับมันได้ง่ายกว่า
2. “เมืองท่า” ของการทำธุรกิจและการท่องเที่ยว
ทำเลที่ตั้งของบริสเบนเป็นอะไรที่ค่อนข้างลงตัว ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำ อยู่ไม่ไกลจากทะเล มีเกาะที่ขึ้นชื่อหลายแห่งตั้งอยู่ไม่ไกล มีป่าไม้ธรรมชาติอยู่ใกล้ ๆ พูดง่าย ๆ “ซ้ายเป็นป่า ขวาเป็นทะเล บนและล่างติดกับเมืองท่องเที่ยว” โดยรอบบริสเบนจึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและเดินทางไปได้ค่อนข้างสะดวก
Queen Street Mall
(ย่านช้อปปิ้งหลักของเมืองบริสเบน)
รูปบน Fraser Island, รูปล่าง Surfer Paradise (Gold Coast)
สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น บริสเบนมีการอนุมัติโครงการการก่อสร้างขนาดใหญ่ไปหลายโครงการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เห็นชัด ๆ ก็คือ Queen's Wharf โครงการก่อสร้างศูนย์รวมความบันเทิงและที่พักอาศัย ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้าม South Bank เริ่มก่อสร้างไปแล้วเมื่อต้นปี 2017 ซึ่งภายในพื้นที่มีทั้ง ผับ บาร์ ร้านอาหาร โรงหนัง คาสิโน โรงแรม 5-6 ดาว ห้างสรรพสินค้า เป็นตั้น โดยโครงการนี้คาดว่าจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวและการลงทุนจำนวนมากเข้ามายังบริสเบนเมื่อก่อสร้างเสร็จ
Queen's Wharf
(ภาพกราฟฟิกตัวอย่าง)
เศรษฐกิจออสเตรเลียมีการขยับตัวแนวโน้มที่ดี แม้ว่าทั่วโลกโดยเฉพาะฝั่งยุโรปจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม แต่ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ค่อนข้างแปลกไม่ค่อยกระทบเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะที่ตั้งของประเทศอยู่กลางทะเลโดดเดี่ยวออกจากทวีปอื่น ๆ ปัจจุบันบริสเบนดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เริ่มเห็นนักเรียน นักท่องเที่ยว เดินสวนกันไปมาในเมืองเยอะขึ้น
สำหรับในแวดวงอสังหาฯปีหลังมานี้ได้มีการสร้างที่พักอาศัยรองรับการเติบโตของเมือง เริ่มมีตึกสูงในเมืองเยอะขึ้น และที่กำลังสร้างอยู่ในตอนนี้ก็เป็น Brisbane Skytower ว่าที่ตึกที่จะสูงที่สุดในบริสเบน ขยับออกนอกเมืองไปหน่อยที่มีการสร้างอสังหาฯเยอะ ๆ ก็จะเป็นโซน Newstead ที่ราคาค่าที่ดินย่านนั้นขยับสูงขึ้น และโซนอื่น ๆ ก็เริ่มมีการสร้างขึ้นมาเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นอพาร์ทเมนท์ โดยรวมแล้วช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงบูมของการเข้ามาลงทุน
บริสเบนจึงเป็นเหมือนจุดยุทธศาสตร์ที่ดีสำหรับการใช้ชีวิต เพื่อการทำธุรกิจทำงานและได้พักผ่อนอย่างแท้จริง สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ทำงานไปด้วยและเที่ยวไปด้วยพร้อมกัน
3. ชอบสิ่งแวดล้อมโดยรวมของเมือง
บริสเบนเป็นเมืองที่ไม่ได้มีความเป็นเมืองมากจนเกินไป ยังมีช่องว่างระหว่างอาคารพาณิชย์ อาคารอนุรักษ์สถานที่โบราณ และมีสิ่งแวดล้อมโดยรอบที่ดี แม้แต่ในตัวเมืองก็ยังมีสวนสาธารณะ ทางเดิน ทางปั่นจักรยานริมแม่น้ำ
Brisbane Riverwalk/Bikeway
บางคนบอกว่าบริสเบนเป็นเมืองที่เจริญหูเจริญตากว่าหลายเมืองในออสเตรเลีย ไม่ค่อยมีแหล่งเสื่อมโทรมให้เห็นมากนัก ผู้คนก็ดูเป็นมิตรกว่ามาก อาจจะเป็นเพราะว่าคนไม่ค่อยเครียดกับการทำงานเหมือนกับเมืองใหญ่อื่น ๆ
4. อากาศดี.. สดชื่น.. ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป
บริสเบนและควีนส์แลนด์อากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก จนมีคำสโลแกนที่ว่า “Sunshine State” อากาศไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป มีแสงแดดตลอดทั้งปี หน้าหนาวก็หนาวกำลังดี หน้าร้อนก็ไม่ได้ร้อนมาก ค่อนข้างคล้ายกับเมืองไทยโซนทางภาคเหนือ แต่จะมีนิดนึงเรื่องแดดของที่นี่จะค่อนข้างแรงนิดนึง การทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็น แม้แต่ชาวออสเตรเลียเองในหลายรัฐก็ยังอิจฉาชาวควีนส์แลนด์ที่มีอากาศที่ดี มีชายหาดสวย ๆ ให้ได้ไปพักผ่อนอยู่ใกล้ ๆ
Brisbane River
แม้แต่ผัก ผลไม้ หลายอย่างก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีปลูกในพื้นที่ อย่างเช่น มะม่วง เงาะ เป็นต้น ของบางอย่างแม้จะหาซื้อตามตลาดได้ยาก แต่ชาวไทยหลายคนที่อาศัยในพื้นที่ก็ปลูกผักกินกันเองได้เหมือนกับอยู่เมืองไทย เนื่องจากสภาพอากาศที่คล้ายคลึงกัน
Inala Market
5. มีระบบสาธารณูปโภคที่ดี
ดัชนีย์ชี้วัดที่ดีในการมองหาเมืองที่น่าลงทุน น่าอยู่อาศัยคือ การสังเกตระบบสาธารณูปโภคของเมือง บริสเบนมีการวางรากฐานสิ่งเหล่านี้ได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็น ระบบบริการทางสาธารณสุข ระบบนิเวศ ระบบขนส่งสาธารณะ หรือแม้แต่การเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกับความหลากหลายทางเชื้อชาติของคนในท้องถิ่น อย่างที่เห็นได้ชัดจากลานจัดกิจกรรมในเขต South Bank ของบริสเบน
Cultural Centre busway station
Cross River Rail Project
โดยสิ่งเหล่านี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงโดยตลอดตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป สำหรับด้านคมนาคมของบริสเบนในตอนนี้(ปี 2017)ก็กำลังวางแนวคิดที่จะสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน Cross River Rail ผ่านใจกลางเมือง โดยได้เปิดข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา และน่าจะเริ่มก่อสร้างกันเร็ว ๆ นี้
6. มีสถานศึกษาและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับมาเรียน
ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมในการเรียนต่อเนื่องด้วยเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และบริสเบนมีสถาบันการศึกษาที่มีมาตรฐานติดอันดับและได้รับการยอมรับทั่วโลกอย่างเช่น University of Queensland, Queensland University of Technology และ Griffith University เป็นต้น โดยที่ผ่านมาได้ผลิตบุคลากรที่มีชื่อเสียงมาแล้วในหลากหลายสาขา ทุกวงการ
University of Queensland
ในหัวข้ออื่นเราได้พูดถึงเรื่องที่ว่าบริสเบนเหมาะกับการมาทำงานและเที่ยว แต่ในทางกลับกันนักเรียนหลายคนก็เลือกที่จะมาเรียนและเที่ยวเช่นเดียวกัน นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อโดยรอบเมืองแล้ว บริสเบนยังมีกิจกรรมและเทศกาลแบบ Multicultural อยู่อย่างเป็นประจำในแต่ละปี เหมาะกับผู้ที่ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เช่น การแสดง อาหารนานาชาติ และวัฒนธรรม การมีเพื่อนชาวต่างชาติทำให้เราได้เปิดมุมมองของตนเองที่มีต่อชาติอื่น ได้เห็นแง่คิดการใช้ชีวิตของแต่ละวัฒนธรรม
ความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนไทยหลายคนชอบเมื่อได้มาสัมผัส ห้องสมุดและสวนสาธารณะ แกลอรี่ พิพิธภัณฑ์ สระว่ายน้ำ เรือฟรี รถบัสฟรี สิทธิพิเศษมากมายสำหรับผู้ถือวีซ่านักเรียน มันทำให้เรารู้สึกว่าสะดวกสบายมากขึ้นกับการมาใช้ชีวิตอยู่
หลายคนเริ่มจากการมาเรียนที่บริสเบนก่อนและมองหาช่องทางในการอยู่ต่อเพื่อทำงานและใช้ชีวิต ด้วยความสามารถในการใช้วุฒิการศึกษาที่เรียนจบและตรงตาม Skilled Occupations List (SOL) เพื่อขอวีซ่ากับทางออสเตรเลียในฐานะผู้อยู่อาศัยถาวร หรือ permanent residence visa ได้
7. ค่าครองชีพและค่าที่พักไม่สูงจนเกินไป
บริสเบนมีปัจจัยที่ดีในปัจจุบันสำหรับเพื่อตั้งรกรากนั่นคือ ค่าครองชีพและที่พักอาศัยไม่สูงจนเกินไป สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้อย่างไม่ลำบากมากนัก ทำให้นักเรียน คนทำงาน ไม่ต้องอยู่ในที่คับแคบเหมือนกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ด้วยราคาค่าที่พักที่เท่ากัน นั่นจึงทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามมา
“เราจะมีความสุขได้อย่างไร หากเงินที่หามาได้มันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น” เป็นคำพูดจากพี่คนหนึ่งที่เคยฝากทิ้งไว้กับเราหลังจากเล่าเรื่องการย้ายมาจากเมืองอื่น พร้อมกับเหตุผลที่ว่า “การที่เราต้องถูกกดขี่ค่าแรงด้วยจำนวนประชากรที่มีอยู่สูงในเมืองนั้น และยังต้องมาจ่ายค่าเช่าบ้านที่แพงอีก” จึงเป็นข้อคิดง่าย ๆ ให้ฉุกคิดว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงต้องทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น เมืองที่จะน่าอยู่จึงควรเป็นเมืองที่ทำให้เรามีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเหตุผลที่เราได้รับมาจากใครหลายคน ว่าทำไมถึงเลือกบริสเบนเป็นจุดหมายปลายทางการเริ่มต้นชีวิต