จิม ชาลเมอร์ส (Jim Chalmers) รัฐมนตรีคลังของออสเตรเลีย ได้ปล่อยแผนงบประมาณกลาง 14.6 พันล้านเหรียญเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2023 เพื่อช่วยชาวออสเตรเลียที่กำลังเผชิญต่อความยากลำบากจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อยังคงขึ้นไปสูงที่ 7%
ซึ่งแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่จะมีทั้งกลุ่มที่ได้ประโยชน์และเสียผลประโยชน์ เรามาดูกันว่าแผนงบประมาณใหม่ของปี 2023 นี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง มีใครที่ได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้น ใครที่ได้รับผลกระทบ และสิ่งไหนที่ไม่เปลี่ยนแปลง
This Budget was all about helping people doing it tough, broadening opportunities for more people, and investing in the future #auspol #ausecon #Budget2023 pic.twitter.com/DO6TA3BBkB
— Jim Chalmers MP (@JEChalmers) May 10, 2023
Winners, Losers, No Change ของงบประมาณใหม่
ผู้ที่ได้ประโยชน์ - Winners
ค่าใช้จ่ายพลังงาน (เช่น ไฟฟ้า ก๊าซ)
ครัวเรือนกว่า 5 ล้านหลังจะได้รับการช่วยเหลือค่าพลังงานสูงสุด $500 ในปีงบประมาณหน้า โดยจะไม่มีการจ่ายเงินให้ แต่จะเป็นการหักเงินส่วนนี้ออกจากใบเรียกเก็บ สำหรับใครบ้างที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐและเขตการปกครอง ซึ่งเป็นผู้ร่วมสนับสนุนการร่างกฎหมายนี้
ผู้ป่วยพบแพทย์ทั่วไป หรือ จีพี
รัฐบาลได้จัดงบประมาณกว่า 3.5 พันล้านเหรียญสำหรับใช้ในเวลา 5 ปี ในการทำให้การไปพบแพทย์ง่ายขึ้นและถูกลง โดยเพิ่มแรงจูงใจของ bulk billing สำหรับแพทย์ทั่วไป (GP: General Practitioner) ให้สูงขึ้น ซึ่งผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าพบ เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี, ผู้รับบำนาญและผู้ถือ concession card โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบทจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มขึ้น 3 เท่า
ผู้รับเงินสวัสดิการ
เงินสวัสดิการหลายประเภทจ่ายเพิ่มขึ้น $40 ต่อสองสัปดาห์ รวมไปถึง JobSeeker, Austudy และ Youth Allowance แต่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากงบประมาณใหม่คือ ชาวออสเตรเลียที่ต้องการความช่วยเหลือที่มีอายุมากกว่า 55 ปี ที่ได้รับสวัสดิการ JobSeeker ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 9 เดือนขึ้นไป คนกลุ่มนี้จะได้รับสวัสดิการเพิ่ม ซึ่งปกติจะสงวนไว้ให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งหมายความว่าผู้ที่อายุ 55-59 ปี จะได้รับเงินเพิ่ม $92.10 ต่อสองสัปดาห์
ชาวออสเตรเลียที่ได้รับ Commonwealth Rent Assistance จะได้รับเงินเพิ่มขึ้น อัตราความช่วยเหลือค่าเช่าสูงสุดจะเพิ่มขึ้น 15% คิดเป็นเงินเพิ่มอีกถึง $31 ต่อสองสัปดาห์สำหรับผู้ที่กำลังได้รับเงินช่วยเหลืออยู่
ครอบครัวที่มีลูก, พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว, childcare
ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2023 กว่า 1.2 ล้านครอบครัวจะเริ่มได้รับสิทธิ์ childcare ที่ถูกลง และหากคุณเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว (single parent) จะได้รับเงินสวัสดิการเพิ่มขึ้น
ภายใต้นโยบายปัจจุบัน ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสวัสดิการ Parenting Payment (single) จะได้รับเงินจนลูกอายุครบ 8 ปี ซึ่งนโยบายใหม่จะยืดเวลาจ่ายสวัสดิการไปจนกว่าลูกคนเล็กจะอายุ 14 ปี คิดเป็นเงินที่ได้รับเพิ่มขึ้น $176.90 ต่อสองสัปดาห์ เทียบกับเงิน JobSeeker ณ ปัจจุบัน
สรุปก็คือ มันเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัวที่มีลูกใน childcare และมีรายได้ของครอบครัวต่ำกว่า $530,000
ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า $80,000 จะได้รับสวัสดิการของลูกคนแรกเพิ่มขึ้นถึง 90% โดยครอบครัวที่มีรายได้มากกว่า $80,000 ก็จะได้รับสวัสดิการลดทอนลงมาตามรายได้
คนดูแลผู้สูงอายุ (Aged care workers)
คนดูแลผู้สูงอายุกว่า 250,000 คนในออสเตรเลีย ซึ่งรวมไปถึง registered nurses และ home care professionals จะได้รับค่าจ้างเพิ่ม 15% ภายใต้แพคเกจงบประมาณ 11.3 พันล้านเหรียญ สำหรับบางคน นี่เป็นการได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นทันที $10,000 ต่อปี เมื่อเริ่มปีการเงินใหม่ในเดือน ก.ค.
เจ้าของบ้าน (Home owners)
เจ้าของบ้านที่ต้องการปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพการใช้พลังงานสามารถขอกู้เงินแบบดอกเบี้ยต่ำได้ โดยมีเงินกู้ให้กว่า 110,000 ก้อน เพื่อใช้ในการปรับปรุงบ้าน เช่น ทำหน้าต่างสองชั้น (double-glazing windows) หรือติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
ธุรกิจขนาดเล็ก
ส่วนลดภาษีเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กที่มีผลประกอบการต่อปี (annual turnover) น้อยกว่า 50 ล้านเหรียญ ในการใช้พลังงาน ธุรกิจขนาดเล็กสามารถขอลดหย่อนภาษีคิดเป็น 20% ของค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการทำความร้อนหรือเย็นด้วยไฟฟ้า (electrified heating and cooling), ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานเพิ่ม, เตาไฟฟ้า, ติดตั้งแบตเตอรี่และปั๊มความร้อน
โดยสามารถเคลมได้สูงสุด $20,000 หมายความว่า ค่าใช้จ่ายสูงสุดคือ $100,000
ส่วนลดภาษีนี้จะถูกตัดให้ทันทีและจะดำเนินไปถึงกลางปีหน้า ซึ่งธุรกิจสามารถหักค่าใช้จ่ายได้เมื่อเครื่องใช้ได้ถูกติดตั้งหรือพร้อมใช้ก่อนวันนั้น
Superannuation
ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2026 นายจ้างจะต้องจ่ายเงินซูเปอร์ในวันจ่ายเงินเดือนแทนที่จะจ่ายแบบไตรมาส เพื่อให้ผู้ทำงานได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยทบต้น และทำให้ธุรกิจเลี่ยงไม่จ่ายซูเปอร์ได้ยากขึ้น รัฐบาลกลางประเมินว่าผู้ที่มีอายุ 25 ปี รับรายได้เฉลี่ย จะมีเงินซูเปอร์เพิ่มขึ้นประมาณ $6,000 เมื่อเกษียณ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2025 ผู้ที่มีเงินซูเปอร์เกิน 3 ล้านเหรียญ จะต้องเสียภาษีสองเท่า คือ 30%
ผู้ที่เสียประโยชน์ - Losers
นักเรียนต่างชาติ
กฎของนักเรียนต่างชาติถูกปรับให้เข้มขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ผู้ถือวีซ่านักเรียนจะถูกจำกัดชั่วโมงทำงานสูงสุดที่ 48 ชั่วโมงต่อสองสัปดาห์ เปลี่ยนหลังจากที่ได้มีการยกเลิกขีดจำกัดชั่วโมงทำงานออกไปในช่วงโควิดระบาด นักเรียนที่ทำงานเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุจะได้รับการยกเว้นกฎใหม่นี้ไปจนถึงสิ้นปี
กฎสำหรับผู้ที่จะได้รับอนุญาตให้ศึกษาด้วยวีซ่านักเรียนก็จะถูกเปลี่ยนด้วย เนื่องจากรัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในประเทศ (Home Affairs) Clare O’Neil กล่าวว่ามีคนจำนวนมากที่ใช้วีซ่านักเรียนเป็นเส้นทางสู่การเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร (permanent residency) แทนที่จะมาเพื่อการศึกษา
เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศเพิ่มเกณฑ์การจ่ายเงินขั้นต่ำสำหรับวีซ่าแรงงาน (permanent skilled worker visa) ซึ่งหมายความว่าจะมีจำนวนผู้ที่มีคุณสมบัติสำหรับโปรแกรมนี้น้อยลง หลังจากที่โปรแกรมนี้ถูกหยุดชั่วคราวมาเป็นเวลา 10 ปี
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกล่าวว่า “เส้นทางที่ง่ายและเร็วขึ้น” จะถูกเสนอเพื่อดึงดูดนักเรียนที่ต้องการเรียนทักษะที่ประเทศออสเตรเลียต้องการ และนักศึกษาจบใหม่จะได้รับสิทธิ์ในการทำงานหลังเรียนจบเพิ่มอีก 2 ปีในบางระดับและสาขาการศึกษา
ผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ (New migrants)
ค่าสมัครวีซ่าเพิ่มขึ้นอีก 6% โดยเงินที่เพิ่มมานี้จะถูกใช้ในการปรับปรุงการดำเนินเรื่องวีซ่าให้เร็วชึ้นและลดงานค้าง (immigration backlogs) สำหรับ temporary และ permanent residencies ที่ราคาแพงอยู่แล้วก็ยิ่งสูงขึ้นอีก
ค่าสมัครของ working holiday visas และ short-stay visas เพิ่มสูงขึ้นไปอีก 21%
นักท่องเที่ยว
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ผู้ที่เดินทางออกจากออสเตรเลียโดยเครื่องบินหรือเรือสำราญจะต้องเสียค่า ‘Passenger Movement Charge’ เพิ่มจากปัจจุบัน $60 เป็น $70
บุหรี่ไฟฟ้า (Recreational vaping)
บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งจะถูกแบน ส่วนประเภทอื่น ๆ จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดและสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาพร้อมต้องมีใบสั่งยาด้วยเท่านั้น
ไม่มีการเปลี่ยนแปลง - No Change
ผู้เสียภาษี
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนลดภาษี third tranche ซึ่งจะมีผลปีหน้า
การลดภาษีขั้นที่ 3 จะยกเลิกช่วงภาษี 37%, ลดช่วงภาษี 32.5% เป็น 30% และเพิ่มเกณฑ์ภาษีสูงสุดจาก $180,001 เป็น $200,001
เนื่องจากภาษีรายได้ไม่ได้ถูกปรับตามอัตราเงินเฟ้อ จึงมีคนจำนวนมากที่ถูกเลื่อนไปจ่ายภาษีที่สูงขึ้น (higher tax brackets) เมื่อได้รับเงินเดือนเพิ่ม
ที่มาและอ้างอิง:
budget.gov.au - "Budget 2023-24 - Department of the Treasury"
abc.net.au - "Federal budget 2023: Winners and Losers"
anthonyalbanese.com.au - Budget 2023 - Anthony Albanese