ทีมงานรู้สึกตื่นเต้นและทึ่งเป็นอย่างมาก กับการได้มีโอกาสนั่งพูดคุยและทำความรู้จักกับเด็กนักเรียนไทยในเมืองบริสเบน, ออสเตรเลีย ว่าที่ดอกเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์(The University of Queensland, UQ) คุณ ปอ - ณภัค โหมดหิรัญ ที่เราได้ทราบข่าวมาว่า เป็นหนึ่งในทีมวิจัย ที่กำลังค้นคว้ายาสำหรับรักษาผู้ที่ติดเชื้อไข้เลือดออก ตัวแรกของโลก.!! (UQ scientists close in on first dengue treatment) และเมื่อได้ทราบประวัติก็ยิ่งแปลกใจ เพราะงานอดิเรกของเค้าไม่ธรรมดาเช่นกัน เราไปทำความรู้จักกับคนเก่งของเราเลยดีกว่า..
ช่วยแนะนำตัวเองหน่อย ตอนนี้เรียน/ทำงานอะไร ที่ไหนครับ
ปอ: ขื่อ ณภัค โหมดหิรัญ ชื่อเล่น ปอ ตอนนี้เรียน Ph.D ที่ UQ สาขา Chemistry and Molecular Bioscience ค่า มาอยู่ที่บริสเบนนานแค่ไหนแล้วครับ เกือบ ๆ 3 ปีแล้วค่ะ
ก่อนหน้าที่จะมาที่บริสเบน ได้ข่าวว่าเคยไปที่ประเทศอื่นมาก่อน พอจะเล่าให้ฟังคร่าว ๆ หน่อยได้มั้ยครับว่าไปเรียน/ทำงานอะไรมาบ้าง
ปอ: ไปแคนาดาและก็ฝรั่งเศสค่า ที่แคนาดาไปเรียนเอก แต่ว่าลาออกมาก่อน ที่ฝรั่งเศสไปทำงานเป็นนักวิจัยค่ะ
กลับมาที่บริสเบนกันบ้าง ทราบมาว่าได้ลงข่าวเกี่ยวกับงานวิจัยที่ทำอยู่ เกี่ยวกับเรื่องอะไรครับ
ปอ: งานวิจัยหลักคือ การศึกษาคุณสมบัติของโปรตีนตัวนึงของไวรัสที่ก่อโรคไข้เลือดออก หลัก ๆ คือ.. ทีมเราเป็นที่แรกของโลกที่พบว่าโปรตีนตัวนี้(NS1 protein) เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหลักของโรคไข้เลือดออก(Dengue fever) นั่นคือการที่มีเลือดออกตามผิวหนัง ช่องท้อง และช่องปอดค่ะ
'ยุงลาย' พาหะของโรคไข้เลือดออก
รูปประกอบ: UQ News
นอกจากนี้เรายังพบอีกว่า โปรตีนตัวนี้ทำหน้าที่คล้ายกับส่วนที่ทำให้เกิดโรค Sepsis ของ Bacteria (ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดที่มาจาก Bacteria) ที่สำคัญคือ มียาในท้องตลาดหลายตัวที่ผ่านการทดสอบ ทดลอง และอนุมัติจากองค์การยา สามารถใช้รักษาโรค Sepsis สิ่งที่เราพบในการทดลองของเราคือ สารที่ใช้เพื่อยับยั้งกับโรค Sepsis นี้สามารถทำให้หนูทดลองที่ติดเชื้อไข้เลือดออกมีอาการที่ขึ้น
หากงานวิจัยนี้สำเร็จและนำมาใช้จริง จะมีอะไรเกิดขึ้นกับงานวิจัยนี้บ้าง
ปอ: ขณะนี้ทีมเราและบริษัทยากำลังเดินหน้าทำให้มีการทดลองในคนเกิดขึ้น อย่างที่เรียนไปแล้วข้างต้น คืออนาคตเราหวังว่าเราจะสามารถมียาสำหรับผู้ที่ติดเชื้อไข้เลือดออก ที่ใช้ได้จริงออกสู่ท้องตลาดได้เร็วที่สุดค่ะ เราหวังว่ายาอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ลดจำนวนการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไข้เลือดออก
อะไรคือแรงบันดาลใจในการเลือกทำวิจัยนี้ครับ
ปอ: หนึ่งในแรงบันดาลใจมาจากการที่ ไข้เลือดออก เป็นโรคอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ทำให้เราเล็งเห็นว่า.. เราควรทำสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งปอเลือกทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ปอมองว่าในเมื่อเรามี resource อยู่ในประเทศ และเราสามารถเข้าถึง resource นั้นได้ เราสามารถใช้ resource และความรู้ที่เรามีประกอบกัน จะทำให้เราได้องค์ความรู้ใหม่ได้เร็วที่สุดค่ะ
มีผู้ที่มีส่วนช่วยผลักดันและสนับสนุนการวิจัยครั้งนี้ไหม?
ปอ: งานวิจัยชิ้นได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลของออสเตรเลีย และเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย UQ ค่ะ
นอกจากการส่องกล้องจุลทรรศน์ในงานวิจัยแล้ว รู้มาว่า งานอดิเรกยังชอบส่องกล้องถ่ายรูปด้วยใช่มั้ย.. พอจะเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยว่า เป็นมายังไงถึงชอบถ่ายรูป และไปเที่ยวถ่ายรูปที่ไหนมาแล้วบ้าง.
ปอ: ฮ่า ๆ ใช่ค่า เดิมทีเป็นคนชอบเที่ยวมาก ถึงมากที่สุด ชอบไปในที่ใหม่ ๆ ชอบการเอาชนะใจตัวเองด้วยการไปพบเจอที่ต่าง ๆ ที่อยู่นอก comfort zone ของตัวเองคะ และชอบการเอาชนะขีดจำกัดของร่างการและความรู้สึก เช่นการเดินป่า ปีนเขา ไปในที่หนาว ๆ การผจญภัย ต่าง ๆ แต่เนื่องมาจากว่าการเดินทางคนเดียวบางทีมันก็เหงาและเบื่อ การถ่ายรูปเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้การเดินทางของเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นคะ หลัง ๆ การถ่ายรูปเลยเป็นมากกว่างานอดิเรกค่ะ เป็นช่องทางในการเงินเผื่อการเดินทางท่องโลกไปในตัวด้วยคะ สถานที่ก็ไป ไอซ์แลนด์ นิวซีแลนด์ อเมริกาเหนือ (อเมริกา แคนาดา) ยุโรปเหนือและตะวันออก ลาว พม่า เขมร และ ออสเตรเลีย (หากนับว่าไปเที่ยว :) )
Golden Gate Bridge, San Francisco USA
Tombstone Mountain, Canada
รูปประกอบ: Por Naphak Cusycon
แล้วแบบนี้ แบ่งเวลาด้านการเรียน/ทำงาน และท่องเที่ยวยังไงครับ
ปอ: เวลาส่วนใหญ่ของปอยังให้กับเวลาเรียนค่ะ เพราะเรามานี่จุดประสงค์หลักที่เราต้องไม่ลืมคือเรียนให้จบ ส่วนถ่ายรูปนั่นก็มีเวลาพักของปีปีละสองครั้ง ที่จะได้มีเวลายาว ๆ ประมาณ 2-4 สัปดาห์ และวันเสาร์ อาทิตย์ที่ว่างจากการเรียนค่ะ
ช่วยแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ของการเป็นนักศึกษา/นักวิจัยและการใช้ชีวิตที่บริสเบนให้ฟังหน่อยครับ รวมถึงความประทับใจและประโยชน์ที่ได้รับ
ปอ: ประสบการณ์ของการเป็นนักศึกษาทำให้เราได้พัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษา การใช้ชีวิต ปอว่าจริง ๆ ความยากของการเรียน Ph.D คือการ balance ชีวิตของเราให้ดี คือการทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตให้ประสบ ความสำเร็จไปพร้อม ๆ กัน โดยไม่เสียด้านใดด้านหนึ่งไป ไม่ว่าจะเป็น การเรียน สุขภาพ ความรัก งานอดิเรก ครอบครัว เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตที่บริสเบนสอนปอว่าควรจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างลงตัวค่ะ และปอเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ที่เราได้รับจะทำให้เราเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคมค่ะ
อยากฝากอะไรถึงน้อง ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ คนที่กำลังตัดสินใจจะเรียนต่อเมืองนอก/หรือทำงานด้านนี้บ้าง
ปอ: สิ่งสำคัญที่ไม่ว่าใครก็ควรจะมีคือ ต้องรู้ว่าเราชอบ/รักที่จะทำอะไร และทำในสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ที่สุด หากเรารักจะทำหลายอย่างเราต้องมั่นใจว่าเราต้องทำให้เต็มที่ในทุก ๆ เรื่อง การมาเรียนต่างประเทศที่สิ่งเป็นปัญหาสำคัญอาจจะเป็นเรื่องของภาษา แต่ปอเชื่อว่าความตั้งใจจะทำให้เราประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่องค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้าง.. นี่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีเลย สำหรับเด็กรุ่นใหม่ในตอนนี้ ที่แม้จะชอบท่องเที่ยว รักอิสระ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญไปที่ด้านการเรียน และทำงานควบคู่กันกันไปด้วย ทีมงานขอขอบคุณ น้องปอ - ณภัค เป็นอย่างยิ่งสำหรับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ และขอเอาใจช่วยให้งานวิจัยนี้สำเร็จโดยเร็วนะครับ