วันพุธ, 04 ธันวาคม 2567

Booking.com

สัมภาษณ์พิเศษ ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

เผยแพร่เมื่อ 06 กรกฎาคม 2557 โดย Miss Brisbane
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

“ถึงเมืองไทยจะร้อนจะมีเหตุการณ์มากมายแต่ผมก็รักที่จะอยู่ที่ประเทศไทย เพราะมันคือบ้านเรา” Man High “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” สุภาพบุรุษน้ำใจนักกีฬา โด่งดังมาจากละครเรื่อง ความลับของซุปเปอร์สตาร์และเซน สื่อรักสื่อวิญญาณ และในวันนี้กับอีกธุรกิจที่ต้องรับผิดชอบคือ เจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าสำหรับผู้ชาย Man High บอกได้เลยว่าหลังจากสัมภาษณ์ผู้ชายคนนี้เสร็จ รู้สึกประทับใจกับความคิดและมุมมองในการใช้ชีวิตของชายหนุ่มคนนี้มาก โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับครอบครัว ที่ณัฎฐ์บอกว่าให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก เรามาทำความรู้จัก ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กันเลยดีกว่าคะ

สวัสดีค่ะ รบกวนช่วยแนะนำตัวนิดนึงนะคะ เช่น เรียนจบที่ไหนมา สาขาอะไร และทำไมถึงได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงค่ะ

คือผมเรียนจบปริญญาตรีที่วิทยาลัยนานาชาติมหาวิทยาลัยมหิดลครับ (Mahidol University International College) BBA Business Bachelor และก็ International Business ธุรกิจระหว่างประเทศ แต่สมัยเด็กๆผมย้ายโรงเรียนบ่อยมาก ก็เคยเรียนที่วชิราวุธก่อนและเรียนโรงเรียนอินเตอร์ Regent School หลังจากนั้นก็ย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกาคือ South Western Academy  อยู่ใน San Marino California และกลับมาเรียนต่อที่ Regent School อีกครั้งก่อนที่จะสอบเทียบที่มหิดลครับ

อยากให้พูดถึงความแตกต่างระหว่างนักเรียนนอกกับนักเรียนไทย ในความคิดเห็นของณัฏฐ์เอง

แตกต่างเยอะเลยครับ ผมไปเรียนที่อเมริกาในช่วงอายุ 13-14 ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกาย “โตเร็วมาก” อาจเป็นเพราะในเรื่องของอาหารการกินและอากาศ แต่ทางด้านจิตใจก็อาจจะมีเหงาบ้างแต่ผมหาทางออกโดยการเล่นกีฬา โดยเฉพาะที่เป็นลักษณะของ Team Sport ซึ่งก็ทำให้ผมคลายเหงาไปได้บ้างครับ

เมื่อกี้ที่คุยกันเห็นว่าณัฏฐ์ กำลังติดกีฬาอย่างหนึ่งนั่นคือ ปั่นจักรยาน Cycling ส่วนมากถ้าไปซ้อมปั่นจักรยานจะไปซ้อมแถวไหนคะ

ถ้าไปคนเดียวก็จะไปที่สุวรรณภูมิครับหรือไม่ก็ตามถนนบ้าง

S  2973699

Capture-0233ปั่นตามถนนในกรุงเทพแล้วมันไม่อันตรายเหรอคะ คุณแม่ว่าไงบ้างคะ

3 อย่างที่คุณแม่ห้ามผมนั่นก็คือ 1.การขี่มอเตอร์ไซด์ 2.การสัก 3.การเจาะ แต่ผมก็เคยขัดใจคุณแม่ไปแล้วหนึ่งเรื่องคือ การขี่มอเตอร์ไซด์ และก็เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งทำให้คุณแม่เป็นห่วงมาก หลังจากนั้นก็เลยไม่ขับมอเตอร์ไซด์เลยครับ ก็เลยมาปั่นจักรยานแทนซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่เราสามารถเล่นเองคนเดียวได้

แล้วการปั่นจักรยานในเมืองไทยอันตรายไหมคะ

ก่อนที่ผมจะไปปั่นจักรยาน ผมจะมีการศึกษาเส้นทางก่อนว่าจะไปที่ไหน อีกอย่างคือการใส่ชุดที่สามารถมองเห็นได้ง่ายและอุปกรณ์ช่วยนับว่าเป็นประโยชน์มากกสำหรับนักปั่นจักรยาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็จะมีคนไทยหลายๆกลุ่มเริ่มหันมาปั่นจักรยานกันบ้างแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยลดมลภาวะเป็นพิษได้ดีอย่างหนึ่งครับ ซี่งในอนาคตคาดว่าจะมีเลนสำหรับการปั่นจักรยานเพิ่มมากขึ้นครับ

แล้วเข้าวงการมาได้ยังไงคะ

คือไปเดินที่ห้างสรรพสินค้า ตอนนั้นอายุประมาณ16 ก็ได้งานไปทดสอบหน้ากล้องพวกโฆษณาต่างๆ และก็ได้มีโอกาสเข้ามาเดินแบบถ่ายแบบ แต่งานใหญ่จริงๆที่ได้รับก็คืองานโฆษณาของโตโยต้าซึ่งโฆษณาชิ้นนี้ก็ประมาณ10ปีได้แล้วมั้ง แต่ที่ทำให้คนรู้จักมากๆ ก็คือโฆษณาธนาคารไทยพาณิชย์ที่มีสโลแกนว่า “ป๋าจริงๆ” ซึ่งก็ทำให้พี่บอย ถกลเกียรติ วีรวัลย์ เรียกผมไปทดสอบหน้ากล้องสำหรับละครของพี่เค้า

แล้วหลังจากโฆษณาตัวนั้น ณัฎฐ์เลยเป็นป๋าเลยซิคะ

(หัวเราะ) ก็ประมาณนั้นน่ะครับคือได้เงินค่อนข้างเยอะก็เอามาแจกคนในบ้านหมดเลย แต่ผมเอาเงินมาให้คุณแม่ก่อนครับ แล้วค่อยๆทยอยขอมาใช้(หัวเราะ) แต่ปกติแล้วผมก็มีงานพิเศษอยู่แล้วตั้งแต่สมัยที่ผมยังเป็นนักเรียน คือเป็นครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้กับทางญาติของผมเอง ซึ่งผมก็จะมีรายได้จากเป็นครูสอนพิเศษนี้ตกแล้วประมาณ 18,000 – 20,000 ต่อเดือน แต่เงินก้อนสำหรับโฆษณานี้ถือว่า เป็นอะไรพิเศษที่ได้เพิ่มมา

เป็นคนที่ขยันและมีความรับผิดชอบมากนะ

ก็เป็นอะไรที่เราทำได้และแบ่งเวลาได้น่ะครับ ซึ่งผมคิดว่าเราได้ใช้เวลาส่วนนี้ให้เป็นประโยชน์มากกว่าที่จะเอาเที่ยวเล่นทำอย่างอื่น แต่ถ้าจะพูดถึงการเข้าวงการละครจริงๆ ก็คือ หลังจากที่พี่บอย ถกลเกียรติ วีระวรรณ เรียกมาทดสอบหน้ากล้องแล้วผ่าน ผมก็ได้เล่นละครเรื่องแรกคือ เปลือกเสน่หา ซึ่งเล่นกับพี่แหม่ม แคทลียา แมคอินทอช ซึ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่ฟลุ๊คมากๆ เพราะตอนนั้นผมยังทำงานเป็นเออีอยู่ที่บริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง และที่ผมไปทดสอบหน้ากล้องก็เพราะว่าบริษัทแกรมมี่อยู่ใกล้ๆ กับที่ทำงานผม พอพี่เค้าบอกว่าเราได้เล่นละครนะให้ไปเตรียมตัวมา ผมยังถามไปเลยว่า เตรียมตัวอะไรครับพี่ผมเรียนจบธุรกิจมา(หัวเราะ)  แล้วเค้าก็เลยให้ผมไปเรียนการแสดงเพื่อการเตรียมตัวประมาณเดือนนึง

nut-003-tile

เรารับงานอย่างนี้ มีผลกระทบยังไงกับงานประจำบ้างคะ เพราะณัฏฐ์ก็ยังทำงานอยู่และยังไม่ได้ลาออก

ตอนนั้นผมเกรงใจเจ้าของบริษัทมากๆ ก็เลยตัดสินใจคุยกับเจ้านายว่าผมคงต้องขอลาออก เพราะรู้สึกไม่ดีที่ต้องลางานบ่อยๆ ซึ่งก็โชคดีมากที่เจ้านายผมเข้าใจและบอกว่า “ไปทำเถอะมันเป็นโอกาสแล้วมีแต่คนเค้าอยากเข้าวงการ เธอได้มาแล้วก็น่าจะลองทำดู” ซึ่งผมก็ย้อนถามกลับพี่เค้าไปว่า ถ้าเกิดผมทำไปแล้วผมไม่ชอบล่ะครับ ซึ่งพี่เค้าก็ตอบว่า “ไม่เป็นไรถ้าไม่ชอบก็กลับมาทำงานเดี๋ยวจะเก็บตำแหน่งไว้ให้” ซึ่งตอนช่วงผมทำงานผมก็เริ่มมาจาก Account Executive หลังจากนั้นภายในสามเดือนก็มาเป็น Supervisor และสุดท้ายก็เป็น Event Manager เพราะผลงานดีและได้รับการโปรโมทจากบริษัทมาตลอด ซึ่งตอนนั้นผมอายุประมาณ 23 เองครับ ส่วนรายได้ก็ค่อนข้างดีครับ

เคยมีปัญหาเรื่องการบริหารเงินบ้างไหมคะ และมีวิธีบริหารจัดการยังไง

ก็ช่วงแรกๆ เรายังเด็กอยู่ก็จะใช้อย่างเดียวจนเงินหมด คือคล้ายๆ กับว่าได้เงินมาง่ายเราก็จะใช้หมดไปง่ายๆ คือก็ยอมรับว่ามีหลงและเหลิงในสังคมไปบ้าง แต่พอหลังๆ ก็เริ่มคิดได้ว่า น่าจะเอาเงินไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์เช่นการลงทุน และทีสำคัญคือต้องมีเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นด้ว

พอพูดถึงตรงนี้แล้วอยากถามณัฏฐ์ว่า รู้สึกยังไงบ้างกับการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย

จริงๆ ถือว่าแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ที่สำคัญคือคุณต้องรู้จัก แบ่งเวลาให้เป็นซึ่งก็ยอมรับว่าไม่ง่าย แต่ผลที่ได้คือ ทำให้เราเรียนรู้เรื่องความรับผิดชอบและเรียนรู้ว่า อะไรที่เราควรต้องทำก่อนในช่วงนั้น

พูดมาถึงจุดนี้แล้ว รู้สึกยังไงกับคนที่เรียนจบเมืองนอกแล้วไม่กลับมาที่เมืองไทยคะ

อันนี้เป็นเรื่องของความคิดส่วนบุคคลซึ่งผมก็เข้าใจนะครับว่า มันคือโอกาสดีๆ ในชีวิตของเค้า ซึ่งก็ว่ากันไม่ได้เพราะงานที่เมืองนอกรายได้ค่อนข้างดีกว่า การใช้ชีวิตอาจจะสบายกว่าที่เมืองไทย แต่ถ้าพูดในมุมมองของตัวผมเอง ผมรักที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ถึงแม้ว่ามันจะร้อนหรือมีปัญหาอะไรเยอะแยะแต่มันก็คือบ้านเรา ผมคิดว่าถ้าเรามีความสามารถจริงๆ โอกาสที่จะได้ทำงานดีๆ ยังมีอีกเยอะ ซึ่งอันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล เพราะถ้าคุณมีมีความสามารถจริงผมว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่อดตายหรอกครับ แต่ถ้าพูดถึงตัวผมเองผมเป็นคนติดครอบครัว ผมคิดว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่สบายเหมือนบ้านเราครับ

nut-004

เห็นว่าตอนนี้มีธุรกิจส่วนตัวของตัวเองแล้วด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ทำไมถึงมาทำธุรกิจด้านนี้คะ

อย่างแรกเลย เพราะใจรักครับ สองคือ ผมเป็นคนเล่นกีฬา ซึ่งบางทีการเล่นกีฬากลางแจ้งทำให้ผิวเราเสียโดยเฉพาะกับแดดแรงๆ ที่เมืองไทย และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ ครีมกันแดดส่วนใหญ่เวลาทาแล้วหน้าจะขาวเกินจริงมาก ผมเลยคิดว่าถ้าเรามีผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะน่าจะดี โดยเฉพาะครีมกันแดดที่ทาแล้วผิวเรายังคงเป็นสีธรรมชาติ ประกอบกับคุณแม่ของผม (คุณภิญญา คุณานนท์) จบมาทางด้านผู้เชี่ยวชาญผิว (Product Specialist/Therapist) โดยเฉพาะในเรื่องของระบบต่อมน้ำเหลืองและโครงสร้างผิว รวมทั้งเทคนิคการยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า ผมเลยปรึกษากับคุณแม่ดูว่า เราน่าจะทำผลิตภัณท์เกี่ยวกับผิวหน้าดูนะ ซึ่งก็ได้ข้อสรุปมาเป็น “Man High” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อผิวหน้าผู้ชายไทยและผู้ที่มีสมดุลฮฮร์โมนเพศชายไม่ปกติ และที่สำคัญคือเป็นสูตรปลอดสารพิษ(Non Toxic) และที่สำคัญคือเราได้มีการคัดเลือกวัตถุดิบรวมถึงกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูง

มิน่าล่ะน้องณัฎฐ์ถึงหน้าใส มีคุณแม่เป็นผู้เชี่ยวชาญดูแลนั่นเอง แล้วผู้หญิงใช้ได้ไหมคะ

(หัวเราะ) คือผิวดีถือว่าเป็นพื้นฐานที่ดีครับ แต่ถึงยังไงเราก็ต้องมีการดูแลที่ดีและเหมาะสมด้วย ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าผมเป็นคนที่ต่อมน้ำเหลืองไม่ดี เพราะฉะนั้นในการดูแลผิวพรรณโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องและเหมาะสม จะยิ่งทำให้การดูแลรักษาตรงจุดมากยิ่งขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ผู้หญิงก็ใช้ได้ครับ

อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาว MaBrisbane ที่ออสเตรเลียหน่อยไหมค่ะ

อยากขอบคุณสำหรับทุกแรงกำลังใจและฝากติดตามผลงานของผมด้วยนะครับ ซึ่งตอนนี้ก็มีละครเซนสื่อรักสื่อวิญญาน และละครที่เพิ่งจบไปคือ สาวน้อย รวมถึงรายการ บอกเก้าเล่าสิบ ที่ผมเป็นพิธีกรร่วม ที่สำคัญคือถ้ามีโอกาสก็อยากไปทำความรู้จักกับทุกท่านที่ออสเตรเลียและขอขอบคุณ MaBrisbane ด้วยครับ

S  3334209

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 15 ก.ย. 2557
Miss Brisbane

Miss Brisbane

Fashion Editor
MaBrisbane.com

 

เว็บไซต์: www.facebook.com/serena.denis.1