สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งกับพี่เพนนีนะค่ะ วันนี้พี่จะมาพูดถึง ศัพย์ฮิตตอนนี้คือ “Income Stream” สิ่งสำคัญที่จะมาพร้อมกับการยื่นขอวีซ่าออสเตรเลีย
หลายคนที่ต่อวีซ่าภายในประเทศออสเตรเลีย อาจจะเจอปัญหาว่าทำไมเดี๋ยวนี้ทางอิมมิเกรชันเข้มงวดจัง ขอเอกสารนู่นนี่เยอะแยะเต็มไปหมด และที่สำคัญมักจะเน้นหนักไปที่ ผู้สนับสนุนทางการเงิน หรือ สปอนเซอร์ ของน้อง ๆ ที่สมัครวีซ่านักเรียน ในบทความนี้พี่เพนนีจึงขอเล่าให้ฟังโดยโฟกัสไปที่ Income Stream ของสปอนเซอร์วีซ่านักเรียนค่ะ
ก่อนอื่นพี่ขอแบ่งน้องที่มาเรียนออสเตรเลียด้วยวีซ่านักเรียน ออกเป็นสองประเภทแล้วกันนะค่ะ ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา..
ประเภทแรก คือ ผู้ที่อยู่มานานประมาณเกือบห้าปีหรือนานกว่านี้ ส่วนใหญ่แค่ยื่นก็มีปัญหาแล้วคะ ถ้าไม่ใช่ลงคอร์สระดับปริญญาตรี ปริญญาโท มาด้วยแล้วหล่ะก็ มีปัญหาเรื่องคอร์สที่ลงก่อนเจอเรื่องเอกสารด้านการเงินค่อนข้างแน่นอน เพราะทางอิมมิเกรชันมีความเชื่อว่ากลุ่มนี้เอาวีซ่านักเรียนบังหน้าเพื่อทำ อย่างอื่น เช่น ทำงาน เป็นต้น เพราะฉะนั้นเขาจะเชื่อว่าการต่อวีซ่าครั้งต่อไปก็เพื่อวัตถุประสงค์แบบนี้ แน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้าจะลงคอร์สต่อไปควรจะเป็นคอร์สที่สูงขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ลง Cert II รอบสามแบบนี้ เป็นต้น หลังจากนั้นจึงมาพิจารณาเรื่องการเงินอีกที
ประเภทที่สอง คือ ผู้ที่มาปีแรก ๆ ต่อวีซ่าเป็นครั้งที่สอง แต่คอร์สเรียนสูงขึ้นเรื่อยๆ พวกนี้จะขึ้นอยู่กับเคส ๆ ไปคะ ถ้าเป็น วีซ่าแบบ SVP (ให้ย้อนไปอ่านฉบับที่แล้วนะคะ) ก็รอดตัวไม่มีอะไร แต่ถ้าเป็นคอร์สธรรมดาเช่น Certificate , Diploma แล้วหละก็ อาจจะได้เจอเรื่อง Income Stream จากอิมมิเกรชั่นเหมือนกันค่ะ
ทีนี้เรามาดูกันว่า Income Stream คืออะไร?
Income Stream คือ เอกสารรับรองฐานะการเงิน ว่ามีรายได้จากการทำอะไร มีอาชีพอะไร และมีหลักฐานในการทำงานหรือไม่ ดังเช่นรายการต่อไปนี้คะ
- จดหมายรับรองเงินเดือน ในกรณีที่เป็นลูกจ้าง หรือรับราชการ
- ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ ต้องมีใบจดทะเบียนการค้า และ ใบเสียภาษีเงินได้ ของปีที่แล้ว ว่ามีการแจ้งว่ามีรายได้เท่าไหร่ เป็นต้น
- กรณีที่เป็นผู้เกษียรณอายุ ตามปกติสามารถขอใบรับรองการเกษียณอายุได้คะ
ในปัจจุบันเอกสารเหล่านี้มีความจำเป็น เนื่องจากทางอิมมิเกรชั่นต้องการความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่า.. ผู้สปอนเซอร์มีรายได้ที่แน่นอน เพียงพอที่จะสามารถใช้จ่ายค่าเล่าเรียนให้ผู้ยื่นขอวีซ่าที่มาเรียนออสเตรเลียได้ตลอดรอดฝั่งค่ะ
พิเศษเพิ่มขึ้น สำหรับน้องที่อยู่มานานแบบประเภทแรก แค่เอกสารตามนี้อาจจะยังไม่พอคะ ทางอิมมิเกรชั่นบางคนอาจจะต้องการเห็นการส่งเสียหรือการโอนเงินที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น ต้องการเห็นว่าสปอนเซอร์มีการโอนเงินมาให้นักเรียนคนนั้น ๆ จริงหรือไม่ ซึ่งเขาจะขอดูหลักฐานการโอนเงินต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ เนื่องจาก.. ในบางครั้งถึงแม้อิมมิเกรชั่นเชื่อว่าสปอนเซอร์มีเงินพอที่จะสปอนเซอร์น้องได้จริง มีหน้าที่การงานที่ดีจริง แต่เขาอาจจะไม่เชื่อว่าได้มีการส่งเสียจริง ๆ (โอ้ว.........!) อันนี้ต้องระวังนิดนึงคะ เท่าที่เคยผ่านมาเริ่มมีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ด้วยคะ
สำหรับเอกสารการเงินอื่นของสปอนเซอร์ที่ควรจะต้องมีก็คือ Bank statement ย้อนหลัง 3 เดือนเลยคะ หลาย ๆ เคส แค่ใบ Bank guarantee(หนังสือรับรองการเงินจากธนาคารที่มีแต่ข้อมูลเจ้าของบัญชีและยอดเงินรวม)ไม่พอคะ ให้ทำ Bank statement เตรียมไว้เลย ซึ่งเมื่อหลาย ๆ ปีก่อนทางอิมมิเกรชั่นจะดูเฉพาะยอดเงินเท่านั้น แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้วหละ
เพราะฉะนั้นโดยสรุปในกรณีของผู้สปอนเซอร์ เอกสารที่ต้องเตรียมควรจะเป็น
- Sponsorship letter - จดหมายสปอนเซอร์ ที่ระบุว่าจะสนับสนุนด้านการเงินให้กับใคร
- Bank statement* - รายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 เดือน
- Bank guarantee* - หนังสือรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร
- Income stream - หนังสือรับรองฐานะการเงินของผู้สปอนเซอร์ ใน 3 ตัวเลือกที่กล่าวไปในตอนต้น
- หลักฐานความสัมพันธ์ ระหว่างผู้สปอนเซอร์และนักเรียน - ข้อนี้สำคัญคะ พี่เคยเห็นบางเคสถูกปฎิเสธวีซ่าเพราะไม่มีการแสดงหลักฐานของความสัมพันธ์ระหว่างสปอนเซอร์กับเด็ก จะมาอ้างว่าก็นามสกุลเดียวกันอยู่บ้านเดียวกัน ก็น่าจะเป็นญาติกัน ขอตอบว่า.. ทางเจ้าหน้าที่เขาไม่รู้ลึกซึ้งอะไรกับเราด้วยหรอกคะ เพราะฉะนั้นเพื่อขจัดปัญหาเตรียมดีกว่า
*หมายเหตุ: ข้อ 2 - 3 ไม่ควรมีอายุเกิน 1 เดือนนับจากวันสมัครวีซ่านะคะ
การเตรียมเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วน จะเป็นการลดเวลาในการพิจารณาวีซ่าจากทางเจ้าหน้าที่ได้ ยิ่งเราพร้อมมากเท่าไหร่ ยิ่งพิจารณาง่าย วีซ่าก็จะออกเร็วเช่นกัน แต่ถ้าเราเตรียมเอกสารไม่พร้อม วีซ่าก็ออกช้าเป็นเรื่องปกติคะ เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้วีซ่าไว ก็ควรเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้ถูกต้องจะดีกว่าค่ะ
พบกันฉบับหน้า, สวัสดีค่ะ