แต่ละคนที่มาออสเตรเลียต่างก็มีแบคกราวด์ เคยผ่านเรื่องราวอันยิ่งใหญ่จากเมืองไทยมาแล้วทั้งนั้น บางคนก็เคยมีตำแหน่งสูงในบริษัทชื่อดัง, บางคนก็เป็นเจ้าของกิจการหรือทายาทเจ้าของกิจการ, บางคนก็เรียนสูงจบโท/จบคณะดีๆจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ฯลฯ และวันนี้คือเรื่องราวที่ผมจะมาเล่าให้น้อง ๆ เพื่อน ๆ ที่มีโปรไฟล์ดี ๆ ฟัง ก่อนที่ทุกๆคนจะตัดสินใจทุบหม้อข้าว แล้วเข้าตีเมืองออสเตรเลียกันครับ
ผมมีเรื่องราวของพี่คนนึงที่ผมเคยทำงานเก็บขยะในสนามกีฬาด้วยกันครับ ตอนอยู่เมืองไทยพี่เค้าเป็นผู้บริหารระดับหัวหน้าฝ่ายของบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่งของไทย ที่มีเงินเดือนเฉียดแสน แต่เค้าตัดสินใจลาออกเพราะได้ฟังเรื่องราวของคน ๆ นึงที่มาอยู่ออสเตรเลียไม่กี่ปี แล้วรวยมาก เค้าเลยอยากมีชีวิตแบบนี้มั่ง ก็เลยเป็นเหตุทำให้ตัดสินใจบินมาออสเตรเลีย..
“พี่กำลังสงสัยว่าพี่ตัดสินใจถูกรึเปล่าวะที่มาที่นี่?” พี่คนนี้รำพึงขณะพยายามล้วงไปหยิบเปลือกกล้วยใต้เก้าอี้ด้วยแขนสั้น ๆ ของเค้า
“ผมว่าพี่ลงมาเก็บขยะแถวผมดีกว่าพี่ ผมมองดูแล้วแถวผมขยะมันน้อยกว่า เด๋วผมขึ้นไปเก็บแถวพี่ให้เอง ผมแขนยาว” ผมเห็นท่าพี่เค้าล้วง ๆ เก็บขยะใต้เก้าอี้สนามกีฬาแล้วเกิดความสงสารขึ้นมาทันที
“ขอบใจไอ้น้อง แล้วรู้ไหม เงินมันจะออกเมื่อไหร่วะ พรุ่งนี้หรือว่าวีคหน้า” พี่เค้าเงยหน้าขึ้นมาถามพร้อมกับเดินข้ามลงมาแถวผม
“อีกสองวีคข้างหน้าครับพี่ งานคลีนเงินจะออกสองวีคครั้งน่ะครับ” ผมตอบพลางยิ้มปลอบใจ แล้วเดินขึ้นไปแถวที่พี่เค้าเก็บขยะ
ผมเห็นสายตาของพี่เค้าดูเหนื่อยและผิดหวัง เมื่อได้ยินว่าเงินจะออกในอีกสองวีคข้างหน้า
การทำงานเก็บขยะสนามกีฬาเป็นอะไรที่หนักมากครับ เราจะเริ่มงานตอนเที่ยงคืนถึงตีสี่ ลองนึกภาพสนามกีฬาที่ใหญ่ประมาณสนามราชมังฯ แล้วมีพนักงาน 11คน เดินเรียงหน้ากระดาน คนละชั้นเป็นวงกลมรอบสนามกีฬาจนกลับมาที่จุดเดิม ตั้งแถวจากชั้นบนสุดไล่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงชั้นล่างสุด แต่ละคนจะต้องใส่ถุงมือและถือถุงดำคอยเก็บขยะทุกชิ้นที่เจอ บางคนโชคดีเจอเงินหล่น,บางคนก็โชคดีเจอน้ำเปล่า,เจอขนมที่ยังไม่ได้แกะ แต่ทุกอย่างต้องทำแข่งกับเวลา โดยมีชาวเกาหลีเป็นหัวหน้าคอยชี้นิ้วสั่งการ
วันนั้นหลังเลิกงาน เราเดินกลับบ้านด้วยกันเพราะรถเมล์หมด
“พี่ว่าพี่ทำลายอนาคตตัวเองว่ะ” พี่เค้าบ่น
“คิดมากน่าพี่ แค่เก็บขยะเองพี่ ไม่ได้ไปติดยาซะหน่อย อุตส่าห์บินมาถึงที่นี่แล้วนะพี่ ขนาดหลายคนอยากมายังมาไม่ได้เลย เนี่ยผมว่าเราโชคดีนะพี่ที่ได้งานนี้ ถ้าพี่ไปล้างจานพี่จะได้น้อยกว่านี้นะครับ” ผมบิวท์
“พี่ว่าพี่ทำใจไม่ได้ว่ะ” พี่เค้าหยุดเดิน แล้วนั่งลงกับพื้น
“โหยพี่ เรื่องธรรมดา ทำงานแล้วยังไม่เห็นเงินก็เป็นอย่างงี้แหล่ะ เดี๋ยวพอเงินออกพี่ก็จะทำใจได้เองแหล่ะพี่” ผมปลอบใจ
“ทำงานชั้นต่ำแบบนี้ เอ็งทำใจได้ยังไงวะโรมีโอ” พี่เค้าถาม
“ฮ่าๆๆ ผมไม่ได้จะเก็บขยะตลอดชีวิตซะหน่อยพี่ ผมแค่ทำเพื่อหาเงินและเก็บประสบการณ์ลงเรซูเม่น่ะครับ เอาไว้ต่อยอดกับงานต่อไปข้างหน้าน่ะพี่ ผมมันสายไต่เต้าน่ะพี่ เก็บเลเวลไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เก่งเอง แต่ผมว่าอะไรที่มันเป็นการทำงานมันก็ดีทั้งนั้นแหล่ะเนาะพี่” ผมอธิบาย
“อีกอย่างงานที่เราทำมันเป็นงานชั้นสูงนะพี่” ผมยิ้ม
“งานชั้นสูงยังไงวะ งานเก็บขยะเนี่ยนะ” พี่เค้าทำหน้างง
“เราเดินไล่เก็บขยะกันตั้งแต่บนยอดอัฒจรรย์เลยนะพี่ โคตรสูงเลยนะพี่ 5555” แล้วเราก็หัวเราะเดินกลับบ้านกัน
หลังจากวันนั้นผมเห็นพี่เค้าทำงานเก็บขยะด้วยพลัง วิ่งเร็วเก็บขยะว่องไว และกลายเป็นพนักงานตัวหลักในการเก็บขยะในสนามกีฬาในเวลาต่อมา
ไม่สำคัญว่าเคยเป็นอะไรมา ขอแค่อย่าไปยึดติดกับอดีต – ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน – สนุกกับสิ่งที่ทำให้มันสุด ๆ เท่านี้ก็มีความสุขได้ทันที
ปล. ทุกอย่างอยู่ที่ใจ